วิวาห์สายฟ้าแลบ กับคุณสามีผู้ลึกลับ - บทที่379 ฉันถูกพ่อจับตัวไปแล้ว
“ถือว่าฉันไม่เคยพูด ถือว่าฉันไม่เคยพูด!” อี้เทียนเฉิงโบกมืออย่างรวดเร็วและรีบเดินหนีไป
เย่จิงเหยียนจ้องไปที่อี้เทียนเฉิงเป็นเวลานาน ก่อนที่จะหันไปจ้องต้วนอีเหยาอย่างอ่อนโยน “งั้นเราก็พักที่นี่กันก่อนเถอะ”
“อืม” ต้วนอีเหยายิ้มอย่างเขินอายและก้มศีรษะลงโดยไม่รู้ว่าเธอกำลังคิดอะไรอยู่
ในระยะไกล เสียงของสิ่งก่อสร้างดังมาก จนทำให้ต้วนอีเหยารู้สึกเจ็บที่หูเล็กน้อย หลังจากฟังมันสักพักเธอขมวดคิ้วและพูดว่า “หรือว่าฉันกลับไปก่อนดี?”
“โอเค” เย่จิงเหยียนหันกลับมามองเธอด้วยความอ่อนโยน
“ เอ้ะ? แล้วฉันจะทำยังไง?” เมื่อเห็นว่าพวกเขากำลังจะจากไป อี้เทียนเฉิงก็รีบเอื้อมมือไปหยุดตรงหน้าพวกเขา
ล้อเล่น ขนาดอยู่กันสามคนเขายังรู้สึกน่าเบื่อ นับประสาอะไรกับทิ้งเขาอยู่คนเดียว!
เย่จิงเหยียนเหลือบมองเขาอย่างแผ่วเบา “มันเป็นเรื่องของแก ถ้ายังไม่หลีกไป ฉันออกแรงอย่าหาว่าใจร้าย”
อี้เทียนเฉิงพูดไม่ออก เขารู้ว่าเถียงกับเย่จิงเหยียนไม่มีทางชนะแน่ ดังนั้นเขาจึงหันไปมองต้วนอีเหยา
เพื่อไม่ให้สบตากับเขาต้วนอีเหยารีบก้มหัว แต่พูดเช่นเดียวกับเย่จิงเหยียน “มันเป็นธุระบ้านเธอ พวกเราเข้าไปยุ่งมากไม่ได้หรอก ทางที่ดีเธอจัดการเองดีกว่า ถ้าหากเกิดอะไรขึ้น……”
มุมปากของอี้เทียนเฉิงกระตุกอย่างที่คาดไว้ เธอเป็นผู้หญิงของเย่จิงเหยียน คำพูดก็เหมือนกัน เขาลดมือลง หันกลับไปและไม่หันกลับมามองพวกเขาอีก
เขาคิดว่าเมื่อเห็นแบบนี้ เย่จิงเหยียนกับต้วนอีเหยาจะรู้สึกผิดบ้าง อย่างน้อยพวกเขาก็ลังเล แต่มันกลับไม่ใช่ ทั้งสองไม่สนใจเดินไปและไม่หันกลับมามอง!
เมื่ออี้เทียนเฉิงหันกลับมาอีกครั้งก็ไม่เห็นแม้แต่เงาของพวกเขา เขาเตะหินบนพื้นอย่างแรง แล้วกอดเท้าและกระโดดด้วยความเจ็บปวด
แน่นอนว่าหลู่ฉีก็สังเกตเห็นเช่นกัน เมื่อเห็นท่าทางของอี้เทียนเฉิง จึงค่อยๆก้าวไปหาอี้เทียนเฉิง
“ พวกแกคิดจะทำอะไร?” คนยังมาไม่ถึงแต่เสียงดังมาแล้ว
อี้เทียนเฉิงยกมือขึ้น “ไม่ได้จะทำอะไรนิ แค่อยากให้เธอเอาเงินของบ้านฉันคืนมา!”
หลู่ฉียืดอกขึ้นด้วยความโกรธ “เงินของบ้านแกฉันแค่ยืมมาก่อน รอให้โครงการนี้เสร็จสมบูรณ์ ฉันจะจ่ายคืนให้คืนให้แกทั้งหมด”
“เป็นไปไม่ได้” อี้เทียนเฉิงเข้าใจความหมายของเธอและส่ายหัวอย่างเย็นชา “ไม่ใช่ว่าฉันไม่ปล่อยให้เธอทำสำเร็จ แต่เธอเองไม่มีการควบคุมที่เพียงพอ”
“ทำไมจะเป็นไปไม่ได้ ถ้าไม่ใช่เพราะฝีมือพวกแก มันจะพังลงในชั่วข้ามคืนได้ยังไง!” ลู่ฉีไม่เชื่อและน้ำเสียงของเธอโมโห
อี้เทียนเฉิงทำหน้ามุ่ยและไม่อยากคุยกับเธออีก อยู่ตรงนี้กับเธอน่าเบื่อกว่ามองสิ่งก่อสร้างรอบๆอีก
เมื่อเห็นว่าเขาไม่ตอบกลับลู่ฉีก็หมดความอดทน “ แกเป็นแบบนี้พ่อแกรู้ไหม? ใช้วิธีที่น่ารังเกียจแบบนี้…… ”
อี้เทียนเฉิงยิ้มเยาะ “อย่าบอกไม่รู้เลย ต่อให้รู้พ่อก็คงจะร่วมมือกับฉัน”
ใช้วิธีเดียวกับที่เธอทำถ้ามันน่ารังเกียจ แล้วตอนนั้นเธอจะทำทำไม!
ลู่ฉีสะดุ้งด้วยความโกรธ ไม่น่าเดินมาคุยด้วยเลยแต่สถานที่ก่อสร้างร้อนมาก มีเพียงแต่ที่ร่มตรงนี้เย็นหน่อย
อี้เทียนเฉิงเห็นความคิดของเธอ และไม่อยากแซะเธอ เขานอนอยู่บนพื้นและหลับตาลงพร้อมกับเสียงคำรามของสิ่งก่อสร้างในหู เขาขมวดคิ้วเล็กน้อย ถอนหายใจออกมา
……
ทางเย่จิงเหยียนกับต้วนอีเหยา นั่งอยู่ในรถ ขับไปอย่างไร้จุดหมายตลอดทาง เย่จิงเหยียนมองต้วนอีเหยาที่กำลังหลับอยู่ “พวกเราจะไปที่ไหน?”
ต้วนอีเหยาลืมตาขึ้น สะลึมสะลือ “ไม่รู้”
แม้ว่าเธอจะง่วง เธอก็อยากบอกกับเย่จิงเหยียนว่ากลับโรงแรม แต่มีเหตุผลบางอย่างบอกว่า: ไม่ได้!
สองสามวันมานี้อยู่ตอนในห้อง เห็นแต่ที่มืดไม่ค่อยเจอแสงแดดเลย ถ้าเป็นแบบนี้ต่อไป อาจจะไม่สบายได้……
เย่จิงเหยียนไม่รู้ว่าเธอกำลังคิดมาก แต่เขาพอใจกับคำตอบของเธอมาก มุมริมฝีปากของเธอยิ้มโดยไม่รู้ตัว “เธออยู่แต่ในโรงแรมทุกวัน ถึงเวลาต้องออกไปเที่ยวแล้ว !”
ต้วนอีเหยาลังเลอยู่ครู่หนึ่งและในที่สุดก็พยักหน้า “ตามใจเธอเลย!”
“ท้องของเธอเริ่มใหญ่แล้ว ไปซื้อเสื้อผ้ากันเถอะ”
ต้วนอีเหยาก้มศีรษะลงและมองท้องของเธอปูดเล็กน้อยและเธอรู้ว่าการซื้อเสื้อผ้าต้องเป็นสิ่งที่จำเป็น เสื้อผ้าก่อนหน้านี้เป็นกางเกงยีนส์ทรงสกินนี่ทั้งหมด ในอีกไม่กี่วันเดาว่าน่าจะใส่ไม่ได้แล้ว
รถจอดที่ห้างสรรพสินค้า เย่จิงเหยียนเปิดประตูให้ต้วนอีเหยา
ต้วนอีเหยายื่นมือออกมาอย่างอึดอัดและวางไว้บนมือของเย่จิงเหยียน เมื่อทั้งสองลงจากรถพวกเขาดึงดูดความสนใจของผู้คนนับไม่ถ้วน
ชายหนุ่มรูปงามและหญิงสาวสวยมักดึงดูดความสนใจของทุกคน มีผู้คนจำนวนมากขึ้นรอบๆ เย่จิงเหยียนขมวดคิ้วและเข้าหาต้วนอีเหยา เขากลัวว่าคนอื่นจะเข้ามาใกล้ทำอันตรายเธอ
เมื่อก่อนเขาไม่ได้กังวลขนาดนี้ แต่ตอนนี้เธอได้รับบาดเจ็บและตั้งครรภ์ หากเธอเผลอล้มลงผลที่ตามมาไม่อยากจะคิด
ยิ่งพวกเขาทั้งสองตื่นตัวมากเท่าไหร่ ยิ่งทำให้ผู้คนอยากรู้อยากเห็นมากขึ้น พวกเขาคิดว่าพวกเขาเป็นดวงดาว มีคนหยิบสมุดปากกาขอลายเซ็นกับจิงเหยียนและต้วนอีเหยา
เดินไปไม่ไกล เพียงห้านาทีเย่จิงเหยียนและต้วนอีเหยาเดินก็ไปถึงห้างสรพพสินค้า เหงื่อไหลเต็มหน้าผาก
มีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยอยู่ที่ทางเข้าของห้างสรรพสินค้า หลังจากเข้ามาแล้วผู้คนถูกกันไว้ข้างหลังแต่ก็มีสองสามคนที่ตามเข้ามา
มีผู้หญิงคนนึง ไม่สนใจสายตาผู้คน เดินไปต่อหน้าเย่จิงเหยียนและพูดว่า “ คุณ…… สวัสดี ขอเบอร์ติดต่อหน่อยได้ไหม?”
ผู้หญิงรอบข้างที่ไม่กล้าเข้าใกล้ ทุกคนต่างก็พูดว่าทำไมผู้หญิงคนนี้หน้าด้านแบบนี้ เพิ่งเคยเจอครั้งแรก แฟนเขาก็อยู่ข้างๆ ยังทำนิสัยน่าเกลียดแบบนี้อีก
ในความเป็นจริงผู้หญิงคนนั้นไม่ได้น่าเกลียด แต่เพราะพวกเขาหึง ไม่กล้าเข้าไปหาเย่จิงเหยียน เมื่อมีคนกล้าเข้าไปก็อดไม่ได้ที่จะอิจฉา
เย่จิงเหยียนขมวดคิ้ว ไม่ได้รับโทรศัพท์ของผู้หญิงตรงหน้าเขา ปล่อยให้เธอยืนอยู่ตรงหน้าด้วยความงุนงง
ต้วนอีเหยาใช้ข้อศอกแตะเขาเบาๆ จากนั้นเขาก็ก้มศีรษะลงและถามเบาๆว่า “มีอะไร?”
“เธอจะยืนอยู่ตรงนี้อีกนานไหม?”
“ไม่ เราไปกันเถอะ” เย่จิงเหยียนโอบแขนของต้วนอีเหยา เดินผ่านผู้หญิงที่ขอเบอร์ติดต่อเขา
เธอถูกเมิน อายจนกำโทรศัพท์ในมือแน่น แถมคนรอบข้างก็พูดเยาะเย้ยเธอ
ต้วนอีเหยาไม่ได้ยินคนข้างหลังพูดอะไร แต่รู้สึกหนวกหู หันศีรษะและชำเลืองมอง เห็นว่าผู้หญิงที่ขอเบอร์ติดต่อ ถูกล้อมไปด้วยผู้คนและกำลังโดนเยาะเย้ย
เธอดึงแขนเสื้อของเย่จิงเหยียน “ ทำไมวันนี้ถึงเย็นชาแบบนี้? ” ปกติเธออ่อนโยนกับผู้หญิงจะตาย……
ต้วนอีเหยาไม่ได้พูดคำต่อ แต่ทุกคนรู้ดี
แน่นอนว่าเย่จิงเหยียนก็รู้เช่นกัน เขาจับแขนของเธอแน่นขึ้น “ทำแบบนั้นจะทำให้มีปัญหากับเธอ ฉันไม่สนใจเพราะไม่อยากทำให้เธอเจ็บ”
ต้วนอีเหยาหัวใจเต้นแรงที่แท้เขาก็คิดถึงเธอ เธอกลับคิดว่ากลัวตัวเองจะโกรธซะอีก
ในขณะที่พวกเขากำลังคุยกัน ก็มาถึงที่ร้านแม่และเด็ก แต่เย่จิงเหยียนอยากเข้าไปด้วย พวกเขาจึงเข้าไปพร้อมกัน
“สวัสดีค่ะ มีอะไรให้ช่วยไหมคะ?”
พนักงานเห็นว่าทั้งคู่แต่งตัวดูดี จึงรีบไปต้อนรับ แต่สุดท้ายก็ถูกผู้หญิงผมสั้นแย่งไป
ต้วนอีเหยาหันไป กำลังจะขอให้เธอช่วยแนะนำ แต่ก็เห็นว่าเธอเอาแต่จ้องมองไปที่เย่จิงเหยียน แตะจมูกด้วยท่าทางแปลกๆ
เย่จิงเหยียนสังเกตเห็นว่าเธอจ้องไม่หยุด ขมวดคิ้วและพูดกับพนักงานที่เฝ้าอยู่ที่ประตู “ขอเปลี่ยนพนักงาน”
“หืม?”
หญิงสาวผมสั้นที่จ้องมองมาที่เขายังไม่ตอบสนอง เย่จิงเหยียนดึงต้วนอีเหยาแล้วเดินไปที่ประตู
“ต้องขออภัยด้วย เสี่ยวซีทำอะไรผิดหรือเปล่า?” หญิงสาวที่เป็นผู้จัดการเดินมาและทักทายพวกเขา
เย่จิงเหยียนไม่ได้หันกลับไปมอง แต่ผู้จัดการก็พยายามเดินไปข้างหน้าของพวกเขา
เย่จิงเหยียนรู้สึกรำคาญที่ถูกบังคับให้ตอบ จึงตอบไปว่า “ฉันไม่ชอบคนจ้องมองฉันตลอด”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ ผู้จัดการก็ตกตะลึงเล็กน้อย เมื่อได้สติกลับมา เย่จิงเหยียนและต้วนอีเหยาได้จากไปแล้ว
ต้วนอีเหยาเต็มไปด้วยความสับสน ในสถานการณ์ตอนนี้ พวกเขามาที่นี่เพื่อไปซื้อของหรือเพื่อหาเรื่องกันแน่?
แถวหัวมุม มีร้านแม่และเด็กอีกร้าน คนในนั้นแอบดูอยู่ข้างๆได้ยินคำพูดของเย่จิงเหยียน เขาก็แสร้งทำเป็นไม่สนใจอย่างรวดเร็ว
เย่จิงเหยียนมองดูการตกแต่งภายใน ดูเหมือนจะทำให้เขาสบายใจขึ้นเล็กน้อย เมื่อนึกถึงร่างกายของต้วนอีเหยา เขาขี้เกียจเดินไกล ก็เลยพาต้วนอีเหยาเดินเข้าไปทันที
เมื่อทั้งสองมาถึงบริเวณเสื้อผ้าเด็ก ต้วนอีเหยาก็หยุดเดิน เสื้อผ้าเด็กตัวเล็กๆที่แขวนอยู่บนนั้น ทำจากฝีมือที่ประณีตทำให้ความเป็นแม่ของเธอรู้สึกตื่นเต้น
“สวยจังเลย” ต้วนอีเหยาสัมผัสเสื้อผ้านั้น ดูเหมือนว่าเธอไม่สามารถวางมันลงได้
เย่จิงเหยียนเดินตามเธอไป เห็นเธอมีความสุขก็รู้สึกมีความสุขตาม “ถ้าชอบก็ซื้อเลย”
“รอก่อน!”
เย่จิงเหยียนยกมือเรียก ให้พนักงานที่เดินตามมาเอาใส่ถุงให้ แต่ต้วนอีเหยาเรียกขัดจังหวะไว้ก่อน
พนักงานตกตะลึงเมื่อเห็นต้วนอีเหยายิ้มอย่างอ่อนโยนและพูดกับเธอว่า “ ขอดูอีกสักแปปนะ!”
พนักงานพยักหน้าและถอยหลังไปสองสามก้าว เธอเดินตามพวกเขาด้วยความระมัดระวังกลัวว่าพวกเขาจะไม่พอใจตัวเอง
คนอย่างพวกเขา ทำให้ไม่พอใจไม่ได้ มิฉะนั้นพวกเขาจะถูกผู้จัดการลงโทษและในกรณีร้ายแรงพวกเขาอาจถูกไล่ออก เสี่ยวซีที่อยู่ข้างๆทำให้พวกเขาไม่พอใจ ตอนนี้เธอคงกำลังถูกผู้จัดการของพวกเขาลงโทษ!
เย่จิงเหยียนไม่ได้พูดอะไรและยังคงเดินไปกับต้วนอีเหยา
เดินไปได้สักพัก ต้วนอีเหยาก็หันมาถามว่า “เธอคิดว่าลูกเราจะเป็นผู้หญิงหรือผู้ชาย?
เธออยากถามคำถามนี้มาตลอด แต่ก็ไม่มีโอกาสสักที เขาว่ากันว่าผู้หญิงท้องมักจะมีโชค เธอเองก็อยากจะมีโชคสักครั้ง
เมื่อกี้ที่ยังไม่ให้พนักงานใส่ถุงให้ เพราะในใจเธอคิดแต่คำถามนี้ เธอสัมผัสเสื้อผ้าจำนวนมาก มีทั้งของเด็กชายและเด็กหญิง ถ้าซื้อไปทั้งหมด ส่วนมากก็จะไม่ได้ใช้
เย่จิงเหยียนตกตะลึงกับคำถามของเธอ เขาเองก็เคยคิดเกี่ยวกับคำถามนี้ แต่เนื่องจากปัญหาหูของต้วนอีเหยา เขาเลยไม่กล้าคิดเรื่องนี้ เขามีความคิดนี้มาตลอดแต่ก็ตัดมันออกไปในใจ
เมื่อหันไปเห็นต้วนอีเหยากำลังมองตัวเองอย่างคาดหวัง เย่จิงเหยียนก็กระแอมเสียงแหบของเธอ “เด็กผู้ชายหรือเด็กผู้หญิงก็ชอบหมด”
“ถ้าเลือกได้แค่อย่างเดียวล่ะ?”
“เด็กผู้ชาย”
“อืม…… ” ต้วนอีเหยาก้มหน้าลงด้วยความผิดหวัง เธอคิดว่าคนเป็นพ่อน่าจะชอบลูกสาว แต่เย่จิงเหยียนชอบลูกชาย!
เย่จิงเหยียนยิ้มอย่างไม่เต็มใจ เขาจะไม่ชอบเด็กผู้หญิงได้ยังไง? แต่สภาพร่างกายของเธอตอนนี้ ถ้าเป็นเด็กผู้หญิง เขาจะทนได้ยังไงที่จะทำให้เธอต้องทนทุกข์ทรมานตั้งแต่แรกเกิด
เด็กผู้ชาย……แม้ว่าจะเป็นทรมาน แต่ก็ดีกว่า!
ต้วนอีเหยาจำไว้ในใจแล้ว ทุกอย่างก็เลือกแต่ของเด็กผู้ชาย ขวดนมมีทั้งสีชมพูและสีฟ้า แม้ว่าเย่จิงเหยียนชอบเด็กผู้ชาย แต่สีชมพูของเธอสวยกว่า
ต้วนอีเหยายืนอยู่ตรงนั้นเป็นเวลานานและในที่สุดก็อดไม่ได้ที่จะมองกลับไปอีกครั้ง “เธอว่าอันไหนสวยกว่า?”
เย่จิงเหยียนสังเกตเห็นความลังเลของเธอมานานแล้ว จึงชี้นิ้วไปที่ขวดนมสีชมพู “อันนี้สวยกว่า!!”
เขารู้สึกว่าของพวกนี้ไม่มีความต่างอะไรกันมาก เด็กเกิดมายังเด็ก ไม่มีความคิดเป็นของตัวเอง เอาอะไรให้ใช้เขาก็ใช้หมด
แน่นอนว่าต้วนอีเหยาไม่รู้ว่าเขามีความคิดแบบนี้ เมื่อเห็นว่าเขาชี้ไปอันที่ตัวเองชอบ ก็เลยคิดว่าเขาน่าจะชอบเด็กผู้หญิงลึกๆในใจ แต่ตัวเองไม่รู้ ยิ้มและให้พนักงานใส่ถุงให้
ต่อมาเธอก็ไปดูของอีกมากมาน เตียงเล็กๆ ผ้ากันเปื้อน ความชอบของเธอกับเย่จิงเหยียนคล้ายกัน
เมื่อต้วนอีเหยาหันกลับมาอีกที ก็เห็นว่าพนักงานถือของเต็มมือ ยังมีรถเข็นอีกคันเต็มไปด้วยของ
เย่จิงเหยียนเหลือบไปมองเป็นของใช้สำหรับเด็กทั้งหมด ของต้วนอีเหยาไม่มีอะไรเลย
“พอแล้ว ซื้อของเธอเถอะ!” พวกเขามาที่นี่เพื่อซื้อของให้เธอ แต่ตอนนี้พวกเขาเบี่ยงเบนประเด็นไปโดยสิ้นเชิง
ของเด็กค่อยซื้อตอนคลอดออกมาแล้วก็ได้ แต่ของเธอต้องใช้ตอนนี้
ต้วนอีเหยาแลบลิ้นออกมาอย่างเขินฟ เธอหลงใหลในการช้อปปิ้งจนลืมจุดประสงค์ของการมาที่นี่
พนักงานฟังการสนทนาของพวกเขา ตาของเขาสว่างขึ้นและรีบนำทางพวกเขา “ทางด้านนุ้นมีของใช้สำหรับคุณแม่ ให้ฉันพาไปดูไหมคะ”
เธอรู้สึกตื่นเต้นมาก ในรถเข็มของเต็มไปหมด เดือนนี้ต้องได้ค่าคอมมิชชั่นหลายเท่าแน่ๆ!
ต้วนอีเหยามองไปที่เย่จิงเหยียน และพยักหน้า “พาเราไปหน่อย”
พนักงานรีบเข็นรถไปด้วยความดีใจ ระหว่างทางต้วนอีเหยาหยุดและมองไปที่ของใช้เล็กๆรอบๆ เย่จิงเหยียนเดินตามอยู่ข้างหลังและเดินดูไปโดยไม่รีบร้อน
ในโซนของใช้ของแม่มีของมากมาย นอกจากชุดคลุมท้องยังมีแบบอื่นอีก ต้วนอีเหยาเหมือนเด็กบ้านนอกที่ไม่เคยเห็นโลกมาก่อน อยากดูไปหมดทุกอย่าง
ก็นี่เป็นครั้งแรกที่เธอตั้งครรภ์ ก็เลยอยากรู้อยากเห็น
เมื่อเห็นว่าต้วนอีเหยาไม่รู้จะเริ่มยังไง พนักงานจึงรีบแนะนำเธอว่า “ ของใหม่ในร้านของเรามีแค่ชิ้นเดียวเท่านั้น ทั้งหมดทำจากผ้าที่ใส่สบาย คุณผู้หญิงเชิญเลือกดูก่อนได้เลยนะคะ”
ต้วนอีเหยาเอื้อมมือไปสัมผัสเสื้อผ้าที่พนักงานแนะนำ เป็นผ้าไหมที่นุ่มและเรียบเนียน เธอมองกลับไปที่เย่จิงเหยียน