วิวาห์หวาน นายซาตานที่รักของฉัน - บทที่ 1011 พร้อมใจทำงานร่วมกัน
ลู่จิ่งเซินพยักหน้า จากนั้นจึงออกไปข้างนอกเป็นเพื่อนจิ่งหนิง
จิ่งหนิงถูกเขาประคองเดินไปจนถึงห้องรับแขก และนั่งลงบนโซฟา
“เป็นอะไรหรือเปล่า?”ลู่จิ่งเซินถามขึ้นด้วยความเป็นห่วง
จิ่งหนิงพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่ราบเรียบว่า:“ก่อนหน้านี้ฉันได้ขอร้องให้หัวเหยาช่วยหาเบาะแสของแผ่นหยกคัมภีร์สวรรค์?หล่อนพบเบาะแสอะไรบางอย่าง และบอกว่าที่นั้นมีคนที่ชื่อเฉินซื่อโป๋ในมือมีหยกอยู่ชิ้นหนึ่ง ฉันได้บอกข่าวนี้กับเฉียวฉีแล้ว อีกไม่นานพวกเขาก็จะเข้าไป”
“ฉันไตร่ตรองแล้วว่าเฉียวฉีกับกู้ซือเฉียนไม่ได้สนิทสนมกับตระกูลจิ้นรวมทั้งหัวเหยาและจี้หลินยวนด้วย พวกเขาก็แค่มีความสัมพันธ์กันสองด้านก็เท่านั้น ก่อนหน้านี้ท่านย่าก็บอกไม่ใช่เหรอว่าอยากไปร่วมงานวันเกิดของท่านย่าจิ้น?ถ้าอย่างงั้นพวกเราก็ไปเป็นเพื่อนท่านย่าเถอะ เมื่อเป็นแบบนี้แล้ว พอถึงเวลานั้นก็จะได้ดูแลได้ง่าย และสามารถช่วยพวกเฉียวฉีได้ด้วย”
ลู่จิ่งเซินมองไปที่เธอพลางขมวดคิ้ว
“แต่ว่าร่างกายของคุณ……”
จิ่งหนิงส่ายหน้า
“ฉันไม่เป็นไรค่ะ”
เธอยิ้มอ่อนๆ พลางกุมมือของลู่จิ่งเซิน แล้วนำมาวางไว้ที่ท้องของตนเอง
“ดูสิ ลูกชายของคุณเฉลียวฉลาดแค่ไหน ไม่โวยวายเลยแม้แต่น้อย ”
เมื่อเห็นระหว่างคิ้วของลู่จิ่งเซินยังคงมีความเป็นกังวลอยู่ จิ่งหนิงจึงพูดขึ้นว่า:“อีกอย่าง ฉันอยากที่จะใช้โอกาสที่ออกไปในครั้งนี้ ไปตามหาแม่กับคุณอาเชว แม้ว่าคราวที่แล้วที่ได้เจอหน้ากัน สถานการณ์ของหล่อนก็ไม่เลวเลย แต่ว่าฉันก็รู้สึกเป็นห่วงอยู่บ้าง ฉันอยากที่จะเห็นกับตาตัวเองว่าหลายปีที่ผ่านมานี้หล่อนอาศัยอยู่ในสถานที่แบบไหน มีชีวิตที่ดีหรือเปล่า คุณก็ถือซะว่าทำให้ฉันสบายใจไปเป็นเพื่อนฉันได้ไหมคะ?”
แต่ไหนแต่ไรมาลู่จิ่งเซินก็ทนต่อน้ำเสียงที่ออดอ้อนขอร้องของจิ่งหนิงไม่ได้อยู่แล้ว
ในใจของเขา จิ่งหนิงก็คือชีวิตของเขา ขอเพียงเป็นเรื่องที่เธออยากทำ แล้วจะมีอะไรไม่ดีอีกล่ะ?
ดังนั้น เขาจึงถอนหายใจอย่างจนปัญญาหนึ่งที ยื่นมือออกไปคว้าจิ่งหนิงเข้ามาอยู่ในอ้อมกอด
“ได้ ผมจะไปเป็นเพื่อนคุณ”
ในที่สุดเมื่อเห็นเขารับปาก จิ่งหนิงจึงเม้มริมฝีปากอย่างพึงพอใจ
ยื่นมือเข้าไปคว้าเอวบางของเธอ ศีรษะของเธอเพิงอยู่บริเวณอ้อมกอดของเขา
“จิ่งเซิน คุณดีจริงๆเลย”
……
วันต่อมา
จิ่งหนิงไม่ได้ไปที่บริษัท แต่กลับให้โม่หนานขับรถพาเธอไปที่คฤหาสน์หลังเก่า
ในคฤหาสน์หลังเก่า ท่านย่าและท่านปู่รู้ตั้งแต่แรกแล้วว่าเธอจะมา
ดังนั้นจึงสั่งให้พ่อบ้านไปรอรับเธอที่ด้านหน้าประตู
จิ่งหนิงรู้สึกว่าคนแก่ทั้งสองคนนี้สร้างความยุ่งยากเกินไปหน่อย เธอไม่ใช่คนอื่นคนไกลสักหน่อย และก็ไม่ได้มาที่นี่เป็นครั้งแรกด้วย รวมไปถึงก็ไม่ใช่ว่าจะไม่รู้จักทาง ทุกครั้งที่เธอเดินทางมาคนเดียวท่านย่าก็จะให้พ่อบ้านเป็นคนมารับตลอด ทำให้เธอนั้นรู้สึกเกรงใจ
แต่ว่าท่านย่าก็ยังคงยืนหยัด บอกว่าตอนนี้เธอท้องโตแล้ว เดินไปไหนมาไหนไม่สะดวก หากเป็นอะไรขึ้นมา ผลที่ตามมาก็คงจะรุนแรงไม่น้อย
ดังนั้น ทุกครั้ง หล่อนก็มักจะให้พ่อบ้านที่ตนวางใจมารับเธอเข้าไปทุกครั้งหล่อนถึงจะรู้สึกเบาใจ
ความหวังดีที่ท่านย่ามีต่อจิ่งหนิง ราวกับหัวเราะไม่ออกร้องไห้ไม่ได้
เธอไม่ได้รู้สึกว่าการที่เธอเป็นเช่นนี้ทำให้เธอเดินไปไหนมาไหนไม่สะดวก เพราะว่าตอนนี้เธอตั้งครรภ์ยังไม่ถึงสี่เดือน และยังดูไม่ออกว่าเธอตั้งท้องมากนัก
หากการที่เธอท้องอ่อนนี้เรียกว่าไม่ค่อยสะดวก แล้วคนอื่นที่ตั้งครรภ์แปดเก้าเดือนท้องใหญ่ขนาดนั้นจะทำอย่างไร?
แต่ว่าเมื่อคิดไปคิดมา ทุกสิ่งทุกอย่างล้วนเป็นความปรารถนาดีของพวกเขา หากตนเองปฏิเสธ ก็อาจจะเป็นการทำร้ายจิตใจของคนแก่ทั้งสองท่านได้
ดังนั้น เธอจึงไม่พูดอะไรออกไป
หลังจากที่เข้าไปในบ้าน ก็เห็นท่านย่านั่งอยู่บนโซฟากำลังดูทีวีอยู่
เมื่อเห็นเธอเดินเข้ามา ท่านย่าก็กดหยุดทีวี เดินเข้ามารับเธอด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้มพลางพูดขึ้นว่า:“หนิงหนิงมานี่สิ มา มา มา รีบเข้ามาให้ฉันดูหน่อย ครรภ์เป็นยังไงบ้าง”
จิ่งหนิงยิ้มพลางพูดขึ้นว่า:“ยังเล็กอยู่เลยค่ะ ท่านย่า ใจร้อนไปหน่อยแล้วค่ะ ”
ท่านย่าประคองเธอมานั่งบนโซฟา ยิ้มแล้วพูดขึ้นว่า:“ฉันจะไม่ใจร้อนได้ยังไงกัน?คนอย่างพวกเราใกล้ที่จะถูกฝังลงดินแล้ว มีชีวิตอยู่กระทั่งวันนี้ ก็ไม่รู้ว่าพรุ่งนี้จะมีชีวิตอยู่ไหม หากสามารถเห็นหน้าหลานได้เร็วเท่าไหร่ก็ยิ่งดี หากเกิดเหตุอะไรที่ไม่คาดคิดขึ้น ต่อไปไม่ได้เห็นหน้าแล้วจะทำยังไง?”
เมื่อจิ่งหนิงได้ยินสิ่งที่หล่อนพูด สีหน้าก็ขรึมลงทันที
เธอพูดขึ้นอย่างไม่สบอารมณ์ว่า:“จิ จิ จิ คุณย่าอย่าพูดจาเหลวไหลสิคะ คุณย่ากับคุณปู่จะต้องอายุยืนร้อยปี ถูกฝังลงดินอะไรกัน!”
ท่าย่าเชิ๋น รู้ดีว่าเธอกำลังปลอบใจตนเองอยู่?
แต่วันนี้เป็นวันมงคล หล่อนก็ไม่ควรที่จะพูดเรื่องที่ไม่เป็นมงคลได้ ดังนั้นจึงพูดขึ้นอย่างสอดคล้องกับจิ่งหนิงว่า:“ได้ ได้ ได้ พวกเราอายุยืนร้อยปี ใช่แล้วตอนที่คุณโทรมาบอกว่ามีเรื่องจะคุยกับฉัน มีเรื่องอะไรเหรอ?”
ในเวลานี้ ท่านปู่ลู่น่าจะไปจัดการกับต้นไม้ใบหญ้าของเขาอยู่ด้านนอก จึงไม่ได้อยู่ในห้องรักแขก
จิ่งหนิงเม้มริมฝีปากพลางพูดขึ้นว่า:“ก่อนหน้านี้ท่านบอกว่าจะไปฉลองวันเกิดให้กับท่านย่าจิ้นไม่ใช่เหรอ?ฉันกับจิ่งเซินคิดกันดีแล้วว่า หากให้ท่านกับท่านปู่ไปกันสองคน พวกเราก็ไม่วางใจ ประจวบกับก่อนหน้านี้พวกเราก็ได้เจอกับท่านย่าจิ้นและก็ชอบเธอเป็นอย่างมาก ก็เลยวางแผนว่าอีกสองวันจะไปเป็นเพื่อนพวกท่าน คุณคิดว่าเป็นยังไง?”
ท่านย่าเชิ๋นตะลึงงัน
มองไปที่เธออย่างงงงวย
“พวกคุณก็จะไปด้วยเหรอ?ทำไมล่ะ?”
เธอส่ายหัวโดยไม่ต้องคิดพลางพูดขึ้นว่า“ไม่ได้ ไม่ได้ คุณกับจิ่งเซินในทุกๆวันก็ทำงานหนักมากแล้ว อีกอย่างคุณก็กำลังท้องอยู่ นั่งเครื่องบินทางไกลลำบากไม่น้อย งานเลี้ยงคนก็เยอะ หากเบียดเสียดกันขึ้นมาจะทำยังไง ?ไม่ได้ ไม่ได้ ทำแบบนี้อันตรายเกินไป”
จิ่งหนิงยิ้มพลางพูดขึ้นว่า:“ไม่อันตรายหรอกค่ะ ทุกคนก็อยู่ พวกเราก็จะพาคุณหมอติดตามไปด้วย อีกอย่างนี่ก็ไม่ใช่ท้องแรกแล้ว ท่านย่าอย่าตื่นตระหนกไปเลย”
ท่านย่าเชิ๋นยังคงขมวดคิ้วแน่น
จิ่งหนิงไม่สามารถที่จะพูดเรื่องของกู้ซือเฉียนอย่างตรงไปตรงมากับหล่อนได้ ประการแรกเป็นเพราะว่าถึงแม้ว่าตระกูลลู่กับตระกูลกู้ในประเทศจะมีความสัมพันธ์ที่ค่อนข้างอบอุ่น แต่ในความเป็นจริงแล้วก็ยังคงมีความสัมพันธ์ในเชิงแข่งขันอยู่
เธอกลัวว่าหากเธอพูดมากไป ท่านย่าเชิ๋นจะไม่เข้าใจเธอกับกู้ซือเฉียน รวมทั้งมิตรภาพระหว่างเธอกับเฉียวฉี ไม่เพียงแต่ไม่สามารถอธิบายเรื่องราวชัดเจนได้ แต่อาจจะทำให้เรื่องราวนั้นแย่ลงไปอีก
ประการที่สอง ก็เป็นเพราะเรื่องราวของกู้ซือเฉียนกับเฉียวฉี ยิ่งคนน้อยเท่าไหร่ก็ยิ่งดีเท่านั้น
ก่อนหน้านี้บอกกับหัวเหยา เป็นเพราะว่าตอนที่อยู่ประเทศFต้องการความช่วยเหลือจากจี้หลินยวน หากจี้หลินยวนรู้ หัวเหยาจะต้องรู้อย่างแน่นอน ดังนั้นการปกปิดก็คงจะไม่มีความหมายอะไรมาก
แต่ว่าท่านย่านั้นไม่เหมือนกัน
เมื่อคิดถึงจุดนี้ เธอถอนหายใจครู่หนึ่ง
“คุณย่าคะ หนูขอพูดตามตรงเลยนะคะว่า แท้ที่จริงแล้วการไปของหนูในครั้งนี้ ไม่เพียงแต่ต้องการไปฉลองวันเกิดให้กับท่านย่าจิ้นเท่านั้น แต่ฉันอยากไปทะเลทรายเพื่อไปหาแม่ด้วย ฉันคิดถึงหล่อนมาโดยตลอด ฉันอยากจะไปดูหน่อยว่าท่านมีชีวิตเป็นยังไงบ้าง”
เมื่อคุณนายเชิ๋นได้ยินดังนั้น ก็เลยเข้าใจ
“ฉันก็ว่าแล้วไงว่าจู่ๆเด็กคนนี้จะตามพวกเราไปทำไม”
หล่อนขรึมลงครู่หนึ่งจากนั้นก็พยักหน้า“แบบนี้ก็ดีเหมือนกัน ฉันรู้ว่าแม่ของเธอก็คงปรารถนาเช่นนั้นเหมือนกัน ได้ยินมาว่าตอนนี้สามีของแม่เธอชื่อในตอนนี้ชื่อคุณอาเชว?เขาเป็นหมอฝีมือดีเลยใช่ไหม?”
จิ่งหนิงพยักหน้า
“ถ้างั้นฉันก็วางใจ มีแม่คุณอยู่ แน่นอนว่าหล่อนคงไม่ปฏิบัติไม่ดีต่อเธอ อีกทั้งยังมีหมอที่ดีที่สุดอยู่ ก็คงไม่ต้องกังวลเรื่องความปลอดภัยในสุขภาพของคุณและลูก ในเมื่อเป็นเช่นนี้ งั้นก็ไปเถอะ”
จิ่งหนิงเผยรอยยิ้มออกมา