วิวาห์หวาน นายซาตานที่รักของฉัน - บทที่ 1049 ยังไม่ปรากฏ
จิ่งหนิงคือเส้นเลือดของเขา หากเกิดอะไรขึ้นกับจิ่งหนิง เขาจะไม่สามารถจะมีชีวิตอยู่
ยิ่งในตอนนี้ เขายังมีลูกอีกสองคน ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับพวกเขาคนใดคนหนึ่ง นี่ไม่ใช่สิ่งที่ตระกูลลู่จะรับไหว
เซวซู่มีสีหน้าดูแย่มาก
เขาอาศัยอยู่อย่างสันโดษที่นี่มาหลายปีแล้ว และนี่เป็นครั้งแรกที่เขาเจอเรื่องแบบนี้
แต่ว่าเขาก็ไม่ได้โทษใคร
ในตอนแรกที่รู้ว่าพวกเธอสองคนหายตัวไป ก็ให้ลูกน้องของตนเองออกตามหาและสืบหาเบาะแสทันที
ส่วนลู่จิ่งเซินก็ใช้สายลับของเขาเองและสั่งให้พวกเขาค้นหาร่องรอยของจิ่งหนิงและโม่ไฉ่เวยทุกที่ในเมือง
หลังจากการตัดสินของทั้งสองคน พื้นที่โดยรอบเป็นทะเลทรายหลายร้อยไมล์ และอีกฝ่ายหนึ่งได้นำคนสองคนที่มีชีวิตไป เป็นไปไม่ได้ที่จะหลบหนีโดยทางบกด้วยวิธีนี้
หากใช้เส้นทางทางอากาศ ก่อนหน้านี้เซวซู่ให้คนออกไปดักที่สนามบินแล้ว หากมีเพียงคนที่ต้องสงสัย พวกเขาจะถูกหยุดไว้ทันที ดังนั้นการใช้เส้นทางทางอากาศจึงเป็นไปไม่ได้
ตอนนี้เส้นทางของพวกเขาถูกตัดขาดและสามารถอยู่ในเมืองได้เท่านั้น
แบบนี้ ยังมีโอกาสพบตัวจิ่งหนิงและโม่ไฉ่เวย
หลังจากออกคำสั่งไป ทั้งสองก็นั่งรอข่าวอยู่ที่บ้าน
ช่วงเวลาแห่งการรอคอย เป็นช่วงที่ร้อนรนจิตใจมากที่สุด
เซวซู่มองลู่จิ่งเซินแล้วถาม: “คุณว่า พวกที่มือกับพวกเธอครั้งนี้เป็นใคร?”
สีหน้าของลู่จิ่งเซินดูแย่มาก
เขานั่งอยู่ตรงนั้น ปล่อยรังสีเย็นที่ไม่มีใครเข้าใกล้ได้ และพูดอย่างเย็นชา: “หนานกงจิ่น”
เซวซู่รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย
“หนานกงจิ่น? เขามาที่นี่ตั้งแต่เมื่อไหร่?”
ลู่จิ่งเซินจึงนึกขึ้นได้ว่าพวกเขายังไม่รู้เรื่องที่พวกเขากับหนานกงจิ่นก่อนหน้านี้
เขาจึงได้เล่าเรื่องคืนนั้นให้พวกเขาฟัง
หลังจากได้ยินเรื่องนี้เซวซู่ก็เงียบไป
“ถ้าหากเป็นเขาจริง ก็มีความเป็นไปได้มากว่าเพื่อแผ่นหยกคัมภีร์สวรรค์”
ลู่จิ่งเซินส่งเสียงเยาะเย้ย
“พวกมันข่มขู่ให้กู้ซือเฉียนพวกเขาให้หาของสิ่งนี้ไปแล้ว คงไม่คิดว่าจะมาข่มขู่ผมหรอกนะ?”
“ก็ไม่แน่ ที่สุดแล้ว ตามที่พวกคุณเล่ามา เขาอยากจะแผ่นหยกคัมภีร์สวรรค์เหล่านั้นให้เจอก่อนปีใหม่ แต่ตอนนี้ยังขาดอีกสามแผ่น แต่เหลือเวลาอีกเพียงเดือนกว่า ๆ ถ้าหากเดือนกว่านี้ กูซือเฉียนยังรวบรวมไม่ได้ ก็จะทำให้เขาเสียเรื่องใหญ่ สิ่งที่เขาเตรียมการไว้ก่อนหน้านี้ก็จะเสียหมด ดังนั้นเขาจึงต้องหาทางเพื่อข่มขู่คนให้เยอะขึ้นและยอมพลีชีพเพื่อเขาเยอะขึ้น”
ลู่จิ่งเซินได้ยินแล้วขมวดคิ้วแน่นกว่าเดิม
ต้องบอกว่าคำพูดของเซวซู่นั้นก็มีเหตุผล
หนานกงจิ่นดูไม่เหมือนจะเป็นคนใจร้อน แต่เขากลับให้เวลากู้ซือเฉียนสามเดือนเพื่อให้เขารวบรวมแผ่นหยกคัมภีร์สวรรค์หกแผ่น
ถึงจะบอกว่าตอนนี้กู้ซือเฉียนน่าจะมีอยู่อีกแผ่นหนึ่งอยู่ในมือแล้ว ตอนนี้มีทั้งหมดสามแผ่น
แต่จะให้หาให้เจอภายในเวลาสั้น ๆ อย่างเดือนครึ่ง เป็นเรื่องงานที่ไหน?
ดังนั้น ถ้าหากเขาอยากจะหาคนมาช่วยจริง ๆ ก็ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้
แต่ถ้าหากเป็นอย่างนั้นจริง ทันทีที่เขาจับตัวจิ่งหนิงกับโม่ไฉ่เวยได้ ก็ควรจะต้องมาหาเขาเพื่อคุยเรื่องข้อแลกเปลี่ยนถึงจะถูก
ทำไมตอนนี้ผ่านไปแปดชั่วโมงแล้ว เขายังไม่ปรากฏตัว?
อารมณ์ของลู่จิ่งเซินเริ่มหงุดหงิดมากขึ้นทุกที
และในตอนนี้ อานอานกับจิ้งเจ๋อน้อยก็ยังไม่รู้ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น
จิ้งเจ๋อน้อยยังเล็ก รู้แค่ว่าจนป่านนี้แล้วหม่ามี๊ยังไม่กลับบ้าน ได้แต่ถามลู่จิ่งเซิน
ลู่จิ่งเซินไม่อยากจะให้มีอะไรส่งผลถึงลูก ดังนั้นจึงได้แต่บอกว่าหม่ามี๊ติดธุระ ออกไปทำธุระกำลังจะกลับบ้านแล้ว
จากนั้นก็ให้คนรับใช้พาเด็ก ๆ ออกไป
ส่วนอานอานนั้นหลอกไม่ง่ายแบบนั้น
เธอเริ่มโตแล้ว เด็กเก้าขวบเริ่มรู้เรื่องรู้ราวแล้ว
เมื่อเห็นสีหน้าที่ผิดปกติของพวกเขา และคิดถึงเรื่องในอดีต ก็เดาออกคร่าว ๆ ว่าคงจะเกิดเรื่องกับจิ่งหนิงแล้ว
แต่เวลานี้ แด๊ดดี้อารมณ์ไม่ดีมาก ๆ เขาก็คงจะเป็นห่วงหม่ามี๊มากเช่นกัน ดังนั้นตนเองจึงไม่อาจจะเพิ่มความลำบากให้เขา
เธอได้แต่มองลู่จิ่งเซินและพูดด้วยน้ำตา: “แด๊ดดี้ หม่ามี๊จะกลับมาไหมคะ?”
ลู่จิ่งซฺนมองตาเธอก็รู้แล้วว่าเธอเดาออกแล้ว
เขาเองก็ไม่มีอารมณ์จะปิดบัง ได้แต่พูดขึ้นเสียงขรึม: “หนูเชื่อใจแด๊ดดี้ไหม?”
“เชื่อค่ะ”
อานอานพยักหน้าหนักแน่น
“อย่างนั้นก็ไม่ต้องถามอะไร เป็นเด็กดีแล้วลงไปดูแลน้อง แด๊ดดี้รับปากหนูว่าจะพาหม่ามี๊กลับมาอย่างปลอดภัย”
อานอานมองเขา ผ่านไปครู่หนึ่งจึงพยักหน้าและหันหลังแล้วเดินออกไป
ลู่จิ่งเซินมองเด็ก ๆ จากด้านหลัง หากจะบอกว่าไม่เจ็บปวดใจก็คงเป็นเรื่องโกหก
แต่ตอนนี้ในช่วงเวลาหน้าสิ่วหน้าขวาน เขาไม่สนใจเรื่องนั้นอีกต่อไปแล้ว
เซวซู่เห็นดังนั้นจึงลุกขึ้น
“ไม่ได้ จะให้รอแบบนี้ต่อไปไม่ได้แล้ว ผมจะออกไปหาเอง”
“เดี๋ยวก่อน”
ลู่จิ่งเซินห้ามเขาไว้ในทันที
“คุณออกไปตามหาแล้วพวกเธอจะกลับมาเหรอครับ? อย่าลืมสถานะของคุณด้วย คุณยังมีเรื่องที่สำคัญกว่าต้องทำ”
เซวซู่ตกใจอย่างรุนแรงและหันไปมองเขา
“เรื่องที่สำคัญกว่า?”
“ครับ”
ลู่จิ่งเซินยกมุมปากของเขาอย่างเย็นชา
“ในเมื่อเป็นฝีมือหนานกงจิ่น อย่างนั้นสิ่งที่เขาสนใจที่สุดคืออะไร?”
เซวซู่ตกตะลึง
“อะไร?”
“แผ่นหยกคัมภีร์สวรรค์”
ลู่จิ่งเซินนิ่งไปและพูดขึ้น “เขาไม่ใช่ว่าไม่ยอมมาหาเรา? อย่างนั้นก็เป็นเพราะตอนนี้เรายังไม่มีสิ่งที่เขาต้องการ ถ้าหากเรามีล่ะ? แบบนั้นก็เป็นไปได้ว่าเขาจะมาหาเราเร็วขึ้น”
“คุณหมายความว่า…”
“คุณรอสักครู่ ผมจะโทรหาพวกกู้ซือเฉียนตอนนี้เลย”
ลู่จิ่งเซินพูดแล้วจึงรีบโทรหากู้ซือเฉียน
กู้ซือเฉียนประหลาดใจเล็กน้อยเมื่อรับโทรศัพท์ของเขา
ต้องเข้าใจว่าความสัมพันธ์ของเขากับลู่จิ่งเซิน ถึงแม้ตอนนี้จะสนิทกันมากขึ้นมาก แต่การที่ทั้งสองคนจะติดต่อหากันโดยตรงนั้นน้อยมาก
ปกติแล้วจะเป็นจิ่งหนิงเป็นฝ่ายติดต่อ
จิ่งหนิงถ่ายทอดความหมายของเขาไปยังลู่จิ่งเซิน
ดังนั้น การโทรไปครั้งนี้ กู้ซือเฉียนจึงถาม: “ลู่จิ่งเซิน มีเรื่องอะไรรึเปล่า?”
ลู่จิ่งเซินเสียงขรึม: “หนิงหนิงกับโม่ไฉ่เวยถูกหนานกงจิ่นจับตัวไป”
“อะไรนะ?”
กู้ซือเฉียนรู้สึกประหลาดใจมาก
“เป็นแบบนั้นได้ยังไง? เขาจะจับพวกเธอไปทำไม?”
“ไม่รู้”
ลู่จิ่งเซินลูบคิ้ว “ทางเตียนหนานมีแผ่นหยกคัมภีร์สวรรค์ พวกนายได้มารึยัง?”
“ได้แล้ว”
“อย่าเพิ่งให้หนานกงจิ่น ถ้าหากสะดวกล่ะก็ คงจะต้องรบกวนให้พวกนายเดินทางมาที่นี่ หากมีหมากในมือ เขาจะต้องปรากฏตัวแน่”
จิ่งหนิงตกอยู่ในอันตราย กู้ซือเฉียนกับเฉียวฉีไม่มีทางจะบอกปัดแน่นอน
ดังนั้นจึงได้รับปากทันที
“ได้ พวกเราจะเช็กเที่ยวบินทันที และรีบไปก่อนพรุ่งนี้เช้า”
“ได้” ลู่จิ่งเซินนิ่งไปและพูดเสริมขึ้น “ขอบคุณอย่างมากมายจริง ๆ”
กู้ซือเฉียนหัวเราะออกมาอย่างไม่ได้เกิดขึ้นบ่อย ๆ
“จิ่งหนิงมีเรื่องก็เพราะเรา ดังนั้นไม่ต้องขอบคุณหรอก”