วิวาห์หวาน นายซาตานที่รักของฉัน - บทที่ 1077 แด๊ดดี้แย่เกินไปแล้ว
ยิ่งกว่านั้นอีก ถึงแม้ว่าอยากจะเข้มงวด ก็ไม่แน่ที่เธอจะเข้มงวดได้
ถึงยังไงใครก็ไม่สามารถต่อต้านคนอย่างเจ้าตัวเล็กที่อ่อนนุ่มทั้งสองอย่างนี้ได้ล่ะ
จิ่งหนิงจนใจกอดพวกเขาไว้ในอ้อมอก ถอนหายใจพูดว่า “ได้ล่ะงั้นพวกแกสามารถเล่นได้อีกสักพัก ก่อนห้าทุ่มจะต้องเข้านอนได้ไหม?”
ซาลาเปาน้อยทั้งสองล้วนพยักหน้าแล้วพยักหน้าอีกอย่างหนักๆ
อยู่ดีๆดึงมือไว้อีก
“หม่ามี๊ หม่ามี๊ คืนนี้พวกเราอยากนอนด้วยกันกับท่าน”
จิ่งหนิงอึ้งชะงักไปหนึ่งที ยังไม่ทันที่จะตอบกลับ ข้างหลังส่งเสียงเย็นชาของลู่จิ่งเซินมา
“ฝันไปเถอะ! ดึกแล้ว ไสหัวกลับไปนอน!”
พูดจบ ก็ดึงจิ่งหนิงเข้าไป
ตอนที่กำลังจะปิดประตู คาดไม่ถึงประตูกลับถูกซาลาเปาน้อยทั้งสองขวางไว้เลย
จิ้งเจ๋อน้อยวิ่งต๊อกๆๆเข้ามากอดขาของจิ่งหนิงไว้ อานอานก็ดึงข้อมือของจิ่งหนิงไว้ทันทีเช่นกัน
ซาลาเปาน้อยทั้งสอง มีเหตุผลจนพูดได้เต็มปากเต็มคำจ้องมองลู่จิ่งเซินอยู่ เสียงดังพูดว่า “แด๊ดดี้ ท่านยึดครองหม่ามี๊ไว้นานมากแล้ว ช่วงเวลาที่อยู่นอกประเทศพวกเราล้วนไม่ได้แย่งชิงกับท่าน! ตอนนี้หม่ามี๊ยากที่จะกลับมาถึงข้างกายของพวกเรา ท่านยังอยากจะแย่งชิงหม่ามี๊กับพวกเราอีกเหรอ? แด๊ดดี้ ท่านแย่เกินไปแล้ว! หม่ามี๊คืนนี้ท่านยังคงนอนเป็นเพื่อนพวกเราเถอะ ได้หรือไม่ล่ะ!”
ซาลาเปาน้อยทั้งสองหนึ่งซ้ายหนึ่งขวาพัวพันจิ่งหนิงอยู่ ใจของจิ่งหนิงล้วนละลายแล้ว ที่ไหนจะปฏิเสธได้อีกล่ะ?
เธอก็รับปากอย่างรีบเร่งมากเลย
“ได้ได้ได้ คืนนี้ฉันนอนเป็นเพื่อนพวกแก”
พอคำพูดนี้พูดออกไป ใบหน้าของลู่จิ่งเซินขึงลับลงโดยสิ้นเชิง
แต่เห็นได้ชัดมาก ตอนนี้ไม่มีคนแคร์ความรู้สึกของเขาแล้ว
จิ่งหนิงไม่ได้พูดอะไรอีก จูงซาลาเปาน้อยทั้งสองอยู่ ไปยังห้องนอนของพวกเขา
ดังนั้นที่นั่นเหลือเพียงแค่ลู่จิ่งเซินยืนโดดเดี่ยวเดียวดายอยู่ในห้องนอนคนเดียว
วิลล่าใหญ่มาก ยามปกติจิ้งเจ๋อน้อยกับอานอานล้วนแยกย้ายไปนอนห้องของตนเอง
แต่เนื่องเพราะพวกเขาทั้งสองล้วนอยากจะนอนกับจิ่งหนิง ดังนั้นคืนนี้ก็แยกออกไม่ได้แล้ว
เตียงที่อยู่ห้องนอนอานอานค่อนข้างใหญ่หน่อย สุดท้ายจิ่งหนิงก็พาจิ้งเจ๋อน้อยกับอานอานไปที่ห้องนอนของอานอาน
ทั้งสามคนนอนอยู่บนเตียงเดียวกัน กลับไม่รู้สึกเบียดกันสักนิด
เนื่องเพราะห้องนอนของอานอาน แม้ว่ายังเป็นการออกแบบสำหรับเด็ก แต่ถึงแม้เป็นเตียงของเด็กคนหนึ่ง ก็มีสองเมตรกว่า ไม่กลัวว่าจะนอนพอเลยสักนิด
จิ่งหนิงยิ้มพูดว่า “เอาล่ะ ตอนนี้ฉันเข้ามาแล้ว พวกแกอยากจะให้ฉันทำอะไรล่ะ?”
อานอานดึงหนังสือนิทานเล่มหนึ่งออกจากข้างๆยัดใส่เข้าไปในมือของเธอ
“หม่ามี๊ ฉันอยากจะฟังนิทาน”
จิ่งหนิงพยักหน้าแล้วพยักหน้าอีก ทั้งเปิดหนังสือทั้งถามว่า “ได้แกอยากจะฟังนิทานอะไรล่ะ?”
“ฉันอยากจะฟังนิทานของราชินีหิมะ”
แม้ว่าจิ้งเจ๋อน้อยไม่ชอบฟังราชินีหิมะ แต่ตั้งแต่เด็กเขาก็รู้ว่าเด็กผู้ชายต้องยอมอ่อนข้อให้เด็กผู้หญิง
พี่สาวเป็นเด็กผู้หญิง ในเมื่อเธอชอบราชินีหิมะ งั้นก็ฟังราชินีหิมะเถอะ!
ดังนั้นจิ้งเจ๋อน้อยไม่ได้พูดเลย
จิ่งหนิงก็ถือหนังสือไว้เล่านิทานราชินีหิมะให้พวกเขาฟังเสียงเบาๆช้าๆ
ซาลาเปาน้อยทั้งสองหนึ่งซ้ายหนึ่งขวาพิงอยู่ในอ้อมอกของเธอ ฟังเสียงอ่อนโยนของเธออยู่ ผ่านไปไม่นานก็ส่งเสียงการหายใจที่เบาๆช้าๆและยาวนานออกมา
พอจิ่งหนิงก้มหัวดู เห็นเพียงซาลาเปาน้อยทั้งสองล้วนหลับไปแล้ว
เธออดไม่ได้ที่จะยิ้มแล้วยิ้มอีก หันข้างจูบหนึ่งทีอยู่บนหน้าผากของซาลาเปาน้อยทั้งสอง
จากนั้นดึงแขนของตนเองออกอย่างเบาๆ ห่มผ้าห่มให้พวกเขาดีๆอีก
กำลังเตรียมตัวจะปิดไฟนอน อยู่ดีๆได้เห็นเงาดำลับๆล่อๆอยู่หน้าประตู กำลังค่อยๆเดินเข้ามา
หนังตาเธอกระตุกหนึ่งที ยังไม่ทันที่จะพูด ข้อมือก็ถูกคนจับไว้
ในใจจิ่งหนิงตื่นตะลึงทันที ถามเสียงเบาว่า “คุณทำอะไรล่ะ?”
ลู่จิ่งเซิน ฮึ เสียงเบาๆหนึ่งที “อนุญาตให้เพียงพวกเขานอนกับคุณ ไม่อนุญาตให้ผมนอนกับคุณเหรอ?”
จิ่งหนิงหัวเราะไม่ออกร้องไห้ไม่ได้
“คุณนี่หึงแนวไหนอยู่ล่ะ? นี่เป็นลูกสาวของคุณกับลูกชายของคุณนะ”
ลู่จิ่งเซิน ฮึ อีกเสียงหนึ่ง
ในใจครุ่นคิดอยู่ ถ้าไม่ใช่เห็นแก่ว่าเป็นสายพันธุ์ของตนเอง เขาจะไม่อนุญาตจิ่งหนิงเข้ามาล่ะ
สามารถให้ยืมจิ่งหนิงเล่านิทานแก่พวกเขาครึ่งชั่วโมงกว่าเป็นบุญคุณยิ่งใหญ่กับพวกเขาแล้ว
ลู่จิ่งเซินอุ้มซาลาเปาน้อยทั้งสองไปยังข้างๆหน่อย จากนั้นหยิบหมอนเบียดเข้าไปตรงกลาง กอดจิ่งหนิงไว้ในอ้อมอก
จิ่งหนิงทั้งรู้สึกโมโหทั้งรู้สึกน่าขำจริงๆเลย ผลักเขาแล้วผลักเขาอีก
“เหว่ย กลับไปห้องนอนของตัวคุณเลย เตียงนี้เล็กเกินไปแล้ว พวกเราคนมากมายขนาดนี้ นอนไม่พอเลยสักนิด”
ลู่จิ่งเซิน ฮึ เสียงเบาๆพูดว่า “เตียงสองเมตรกว่าเล็กได้ยังไงล่ะ? พวกเขาเด็กทั้งสองยึดพื้นที่ไม่ค่อยเท่าไหร่อีก นอนพออยู่แล้ว”
พูดอยู่ก็กอดจิ่งหนิงไว้ พูดเสียงต่ำว่า “เวลาดึกแล้ว รีบนอนเถอะ”
จิ่งหนิงที่ไหนจะนอนหลับได้? มือของลู่จิ่งเซินไม่ค่อยซื่ออยู่ตลอด ขยับไปมาอยู่ระหว่างเอวของเธอ
เธอกลัวว่าเมื่อไหร่ที่เด็กทั้งสองตื่นขึ้นมา เห็นฉากนี้ งั้นก็ไม่เหมาะกับเด็กแล้วจริงๆ
เธอได้แต่ถอยก้าวหนึ่งพูดว่า “คุณกลับไปห้องนอนของคุณก่อนเถอะ รอพวกเขาหลับสนิทแล้ว ฉันค่อยไป”
ลู่จิ่งเซินยักคิ้วแล้วยักคิ้วอีก “จริงนะ?”
จิ่งหนิงจนใจจนถอนหายใจพูดว่า “จริงล่ะ จริงล่ะ ถ้าไม่จริง หากดึกดื่นเที่ยงคืนคุณเข้ามาอีกทำยังไงล่ะ?”
ลู่จิ่งเซินคิดดู รู้สึกก็ใช่
ดังนั้นนี่จึงไม่ได้ทำให้เธอลำบากใจ กอดหมอนไว้ออกไปเลย
จิ่งหนิงจนใจจริงๆ
ได้แต่หลังจากกล่อมซาลาเปาน้อยทั้งสองหลับสนิท แน่ใจว่าจะไม่ตื่นขึ้นมาอีก นี่จึงออกไปอย่างเงียบสงบ
ดังนั้น เช้าวันรุ่งขึ้น หลังจากตอนที่ซาลาเปาน้อยทั้งสองตื่นขึ้นมา พบเห็นบนเตียงไม่มีเงาคนของจิ่งหนิง
และหลังจากออกไป เห็นจิ่งหนิงออกจากห้องนอนของเธอกับลู่จิ่งเซินอีก
ความโกรธแค้นของซาลาเปาน้อยทั้งสองยิ่งมากแล้ว
จิ่งหนิงเห็นสีหน้าของพวกเขาทั้งสองโกรธแค้นเต็มใบหน้า ก็มีความอึดอัดเล็กน้อย
เธอลูบจมูกอยู่ยิ้มแล้วยิ้มอีก กำลังคิดว่าจะอธิบายอะไรสักหน่อย
อยู่ดีๆอานอานดึงมือของเธอไว้ทันที ถามอย่างเอาจริงเอาจังว่า “หม่ามี๊ เมื่อคืนแด๊ดดี้อาศัยตอนพวกเราไม่ทันสังเกตขโมยท่านไปแล้วใช่หรือไม่ล่ะ? ย่อมเป็นเขาบีบบังคับท่านใช่หรือไม่? ท่านย่อมอยากจะนอนกับพวกเราใช่หรือไม่ล่ะ?”
รอยยิ้มของจิ่งหนิงแข็งทื่อทันที คำพูดที่กำลังเตรียมตัวจะอธิบาย แป๊บเดียวติดอยู่ในคอเลย
อยู่ภายใต้สายตาที่เฝ้ารอคอยของซาลาเปาน้อยทั้งสอง มโนธรรมของเธอยืนหยัดเพียงแค่ไม่กี่วินาที ก็ทิ้งอาวุธยอมแพ้โดยสิ้นเชิง
พยักหน้าแล้วพยักหน้าอีกอย่างหนักๆ “ใช่ พวกแกพูดไม่ผิด เขาบีบบังคับฉันล่ะ”
“ฉันก็รู้!”
อานอานกำกำปั้นกำแล้วกำอีกอย่างหนักๆ โกรธแค้นเต็มใบหน้า
“ฉันก็รู้จะเป็นเช่นนี้ แด๊ดดี้แย่เกินไปแล้ว!”
จิ้งเจ๋อน้อยก็ฮึแล้วฮึอีกอย่างไม่พอใจเช่นกัน
“ลูกผู้ชายอกสามศอก พูดคำไหนคำนั้น แด๊ดดี้พูดแล้วเสียคำพูด ผมไม่ชอบแด๊ดดี้แล้ว”
จิ่งหนิงถูกพวกซาลาเปาน้อยทำจนหัวเราะไม่ออกร้องไห้ไม่ได้ ก็อยู่ในเวลานี้ ลู่จิ่งเซินพออกพอใจเป็นอย่างยิ่งออกมาจากห้องนอน
ตอนเห็นซาลาเปาน้อยที่โกรธแค้นเต็มใบหน้าทั้งสอง นัยน์ตาของเขาแว็บผ่านความหวาดผวาหนึ่งที แต่ไม่นานก็เงียบสงบลง
แกล้งทำเหมือนไม่มีอะไรเดินผ่านต่อหน้าพวกเขา กระทั่งยังบิดขี้เกียจหนึ่งทีอย่างโอหัง
ซาลาเปาน้อยทั้งสอง “……”
แด๊ดดี้แย่เกินไปแล้วจริงนะ จริงนะ จริงนะ!
ความโกรธแค้นแบบนี้ อยู่ต่อเนื่องกันตลอดทั้งวัน