วิวาห์หวาน นายซาตานที่รักของฉัน - บทที่ 1078 ชีวิตนั้นสั้นเกินไป
จนถึงพลบค่ำ ลู่จิ่งเซินทำงานเสร็จกลับมาจากข้างนอก เล่นเกมเป็นเพื่อนกับพวกเขาหนึ่งชั่วโมง จึงละลายความโกรธแค้นแบบนี้ได้สำเร็จ
ครั้งนี้จิ่งหนิงกับลู่จิ่งเซินออกไปนานขนาดนี้ กลับมาอีกครั้งล้วนย่อมยุ่งมากอยู่แล้ว
ทั้งสองคนใช้เวลายุ่งในบริษัทนานมาก จึงมีเวลาว่างสักหน่อย
หัวเหยารู้ว่าพวกเขากลับมาแล้ว พาลูกเข้ามาเยี่ยมถึงที่
ปัจจุบันนี้กั๋วกั๋วลูกของเธอก็อายุห้าขวบครึ่งแล้วเช่นกัน ความรักความผูกพันของเธอกับกู้ซือเฉียนก็ดีมากๆเช่นกัน
แม้ว่าแต่ก่อนทั้งสองคนมีความเข้าใจผิดมากมาย แต่ตอนนี้ก็นับได้ว่ารักกันอย่างดูดดื่ม
เริ่มแรกพ่อหัวไม่ยอมให้เธอกับจี้หลินยวนอยู่ด้วยกัน แต่นั่นก็เพียงแค่รู้ว่าเรื่องของจี้หลินยวนกับตระกูลจิ้นค่อนข้างสลับซับซ้อน ไม่อยากให้วันหลังลูกสาวทนทุกข์ทรมานเสียใจภายหลัง
แต่ตอนนี้ล้วนผ่านไปหลายปีขนาดนี้แล้ว เห็นกับตาว่าจี้หลินยวนไม่ได้ปฏิบัติอย่างไม่ยุติธรรมกับหัวเหยาเลย
ยังไงพ่อหัวก็ตัดใจจากลูกสาวไม่ลง ปัจจุบันนี้ความสัมพันธ์ของพ่อลูกทั้งสองล้วนคลี่คลายลงไปไม่น้อยแล้ว
บวกกับกั๋วกั๋วเป็นสารหล่อลื่นอยู่ตรงกลางอีก ตอนปีใหม่ทุกปี พ่อหัวล้วนจะเร่งพวกเขากลับไปฉลองปีใหม่ จะได้ให้เขาดูลูกสักหน่อย
ตามความจริงตกลงคือดูลูกคนไหน ก็มีเพียงแค่ในใจเขารู้เองแล้ว
ได้ยินว่าตอนนี้หัวเหยาตั้งครรภ์อีกแล้ว หลังจากผ่านการตรวจเช็ค พบเห็นว่าเป็นลูกสาวอีก
เธอกับจี้หลินยวนล้วนอยากได้ลูกสาวคนหนึ่งมาโดยตลอด ยามปกติเห็นอานอานล้วนชอบและดีใจมากๆ
ปัจจุบันนี้ก็นับได้ว่าได้รับสิ่งที่ปรารถนาแล้ว
จิ่งหนิงกับหัวเหยาพูดคุยกันไปสักพักทั้งยังนัดไปช้อปปิ้งด้วยกันอีก
ที่ที่ทั้งสองคนไปคือห้างสรรพสินค้าที่เจริญรุ่งเรืองระดับไฮเอนด์ที่สุดในเมืองหลวง
คาดไม่ถึง เพิ่งลงจากรถ ยังไม่ทันที่จะเข้าไปในห้างสรรพสินค้า ก็เห็นข้างหน้ามีคนรวมตัวอยู่ด้วยกันมากมาย เหมือนกำลังวิพากษ์วิจารณ์อะไรอยู่
ทั้งสองคนอยากรู้อยากเห็นเดินเข้าไป เดินผ่านฝูงชน เดินเข้าไปจึงพบเห็นมีหญิงชราที่ผมขาวคนหนึ่งนั่งอยู่กับพื้น
หญิงชรานั่งอยู่ที่นั่นเอามือจับขาไว้ตลอด ไอ่หย่าไอ่หย่าร้องไม่หยุด บนขายังมีเลือดไหลออกมาอีก
คนที่ล้อมรอบดูความคึกคักมากมายอยู่ข้างๆกลับไม่มีสักคนยอมเข้าไปช่วย
จิ่งหนิงอดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว พูดเสียงต่ำว่า “คนเหล่านี้ทำไมเป็นอย่างนี้ล่ะ? แค่ยื่นมือช่วยล้วนไม่ทำเป็นเหรอ?”
เธอพูดอยู่ ก็จะเข้าไปพยุงหญิงชราขึ้นมา
นึกไม่ถึงกลับถูกหัวเหยาดึงไว้ทันที
จิ่งหนิงสงสัยงงงวยจ้องมองไปยังหัวเหยา หัวเหยาบุ้ยปากแล้วบุ้ยปากอีกไปยังที่ไม่ไกลแห่งหนึ่ง ส่งสัญญาณให้เธอดู
จิ่งหนิงเงยหน้ามองไป ก็มองเห็นข้างหน้ามีชายรูปร่างใหญ่โตคนหนึ่งกำลังเดินมายังฝั่งนี้
ทั้งเดินอยู่ ในปากยังทั้งด่าทั้งบ่นพูดอะไรอยู่อีก
หญิงชรามองเห็นเขา ร่างกายสั่นระริกนิดๆหนึ่งที
ผู้ชายเดินมาถึงต่อหน้าหญิงชรา พูดเสียงโมโหว่า “มึงเรียกร้องความเห็นใจอะไรอยู่ที่นี่อีกล่ะ? รู้สึกว่าทำให้กูขายหน้ายังไม่พอเหรอ? มึงคิดว่ามึงออกมาร้องไห้หน่อย เรียกร้องความเห็นใจก็จะมีคนช่วยมึงได้แล้วเหรอ?”
พอเขาพูดคำนี้ออกมา ทันใดนั้นข้างๆมีคนทนดูต่อไปไม่ไหวแล้ว
“เหว่ย ผมว่าหวังหม่าจื่อ ตกลงว่าคุณมีเรื่องอะไรกันแน่ นี่ไม่ว่ายังไงก็เป็นคุณแม่ของคุณ คุณทำอย่างนี้กับเธอได้ยังไงล่ะ?”
“ก็ใช่ ตอนที่เยาว์วัยเลี้ยงดูคุณอย่างเหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้าจนโต ถึงแม้ไม่ใช่ผู้ให้กำเนิด แต่บุญคุณแห่งการเลี้ยงดูอบรมจะใหญ่กว่า บุญคุณแห่งการให้กำเนิดเสมอ คุณมีมโนธรรมหน่อยได้หรือไม่ล่ะ”
เมื่อกี้พวกมวลชนที่มุงดูอยู่ไม่กล้าเข้าไปพยุงหญิงชรา ทันใดนั้นส่งเสียงเอะอะโวยวายขึ้นมา
ชายเยาว์วัยที่ถูกเรียกว่าหวังหม่าจื่อเบิกตาโพลง พูดเสียงโมโหกับมวลชนที่อยู่บริเวณรอบๆว่า “ เรื่องของบ้านกูเกี่ยวเหี้ยอะไรกับพวกมึง? เธอเป็นแม่ของกูก็ไม่ใช่แม่ของพวกมึง พวกมึงมีน้ำใจขนาดนี้รับเธอไปเลี้ยงที่บ้านพวกมึงสิ”
“เอ๊ะ คุณคนนี้ทำไมพูดอย่างนี้ล่ะ”
“พวกเราทนดูต่อไม่ไหวจริงๆจึงพูดบ้าง คุณชอบฟังก็ฟังคุณไม่ชอบฟังก็แล้วไป”
“เป็นคนไม่มีมโนธรรมขนาดนี้ ระมัดระวังฟ้าจะลงโทษโอ้ว”
ทุกคนล้วนเอ่ยปากอย่างโมโห
ยังไงจิ่งหนิงก็นึกไม่ถึง ผู้ชายคนนี้กลับกลายเป็นลูกชายของหญิงชรานี้
ได้ยินคำพูดของผู้มุงดู ดูเหมือนไม่ใช่ลูกแท้ๆ
แต่ไม่ว่าไม่ใช่ลูกแท้ๆยังไง ก็ปล่อยแม่บุญธรรมของตนเองไม่มีคนสนใจนั่งอยู่บนถนนอย่างนี้ไม่ได้เช่นกันล่ะ?
บนใบหน้าของเธอปรากฏความโมโหเล็กน้อย
ก็อยู่ในเวลานี้ หญิงชราค่อยๆคลานขึ้นมา
บนใบหน้าที่แก่หง่อมของเธอขอบตาแดง เต็มไปด้วยสีหน้าละอายใจเล็กน้อย พูดกับคนที่อยู่บริเวณรอบๆว่า “พวกคุณ อย่าพูดอีกเลย ไม่โทษลูกชายของฉัน ล้วนเป็นความผิดของฉัน เป็นฉันไม่ทันระมัดระวังล้มลงเองล่ะ”
“ผมว่าหญิงชรา ทำไมล้วนถึงเวลานี้แล้ว คุณยังคุ้มครองรักษาเขาขนาดนี้อีกล่ะ”
“คุณกล้ำกลืนความทุกข์ยากเลี้ยงเขาสิบกว่าปี ตอนนี้เขาโตแล้วแต่งงานมีลูกแล้ว ก็ไม่ปฏิบัติต่อคุณอย่างคน คุณทำไมต้องตามใจเขาอย่างนี้อยู่ตลอดจนเสียคนล่ะ?”
“ตามที่ผมว่า สภาพการณ์แบบนี้ก็ควรไปยื่นฟ้องต่อศาล ฟ้องเขาปฏิบัติอย่างโหดร้ายทารุณต่อคนแก่”
พอชายวัยกลางคนได้ยินคำพูดของพวกเขา ทันใดนั้นจ้องมองด้วยสายตาโมโห
หญิงชราร้อนใจจนอธิบายไม่หยุด
“ลูกชายของฉันไม่ได้ปฏิบัติอย่างโหดร้ายทารุณต่อฉันจริงๆ พวกคุณห้ามว่าเขาอีกเลย พวกคุณว่าเขาอีกฉันก็จะไปฟ้องพวกคุณใส่ร้ายป้ายสี!”
พอทุกคนได้ยินคำพูดนี้ของเธอ ทันใดนั้นโมโหเหลือเกิน
และหัวเหยากับจิ่งหนิงที่ยืนอยู่ไม่ไกล ก็ยากที่จะอธิบายออกมาเป็นคำพูดสั้นๆได้เต็มใบหน้าเช่นกัน
มิน่าก่อนหน้านี้หญิงชราล้มลงกับพื้น ล้วนไม่มีคนยอมเข้าไปพยุง
ตอนนี้ดูแล้ว เรื่องนี้โทษคนข้างๆไม่ได้เช่นกัน
ถึงยังไงดูตามสภาพการณ์ที่หญิงชราคุ้มครองบุตรชายบุญธรรมของบ้านตนเอง เธอดูเหมือนเป็นคนที่แยกไม่ออกว่าคนข้างๆมีเจตนาดีหรือเจตนาร้ายเช่นกัน
ไม่แน่ว่าถึงเวลานั้นเรื่องดียังทำไม่สำเร็จ ยังจะหาเหาใส่หัวอีก
ไม่ว่าคนทั่วไปใครคนหนึ่ง ล้วนจะไม่ยินยอมไปทำเรื่องอย่างนี้ล่ะ
ชายวัยกลางคนเห็นหญิงชราพูดอย่างนี้ บนใบหน้าแว็บผ่านความกระหยิ่มยิ้มย่องหนึ่งที
จากนั้นไม่เย็นชาไม่ร้อนใจ พูดว่า “พอแล้ว เรื่องของบ้านกูยังไม่ถึงต้องให้พวกมึงคนเหล่านี้มาพูดแทรก ไม่มีเรื่องอื่นก็รีบกลับไปเถอะ! อย่าให้อับอายขายหน้าอยู่ข้างนอกเลย”
หญิงชราจ้องมองเขาหนึ่งที เปิดริมฝีปากอยากคุยแต่ลังเลสักพัก
สุดท้ายไม่ได้พูดอะไร เอามือจับแขนไว้เดินกะเผลกๆไปยังทิศทางที่จะไปบ้าน
ชายวัยกลางคนนี่จึงตามไป
หัวเหยาถอนหายใจหนึ่งที
“พอแล้ว พวกเราก็เข้าไปด้วยเถอะ”
จิ่งหนิงพยักหน้าแล้วพยักหน้าอีก
ทั้งสองคนเข้าไปในห้างสรรพสินค้า ไม่ได้เอาเรื่องที่แทรกเล็กน้อยเมื่อกี้วางไว้ในใจเลยสักนิด
นานมากที่จิ่งหนิงไม่เคยออกมาช้อปปิ้งผ่อนคลายสักหน่อยแล้ว วันนี้ยากที่จะมีเวลา ทั้งยังช้อปปิ้งด้วยกันกับเพื่อนสนิทที่ดีอีก ก็ไม่อยากมีผลกระทบถึงอารมณ์เช่นกัน
ด้วยเหตุนี้ ทั้งสองคนช้อปปิ้งไปสักพัก ก็ได้ไปร้านเสริมสวยที่อยู่บริเวณใกล้เคียง ทำSPAสักหน่อย
นอนอยู่บนเตียงนวด จิ่งหนิงอยู่ดีๆพูดว่า “เหยาเหยา ครั้งนี้ฉันอยู่ต่างประเทศอยู่ดีๆคิดออกได้เรื่องหนึ่ง”
หัวเหยาหลับตาอยู่ อืม เสียงหนึ่ง ให้สัญญาณว่าตนเองฟังอยู่
จิ่งหนิงถอนหายใจพูดว่า “ชีวิตนั้นสั้นเกินไป ต้องทะนุถนอมคนที่อยู่ต่อหน้าจริงๆ ฉันรู้ว่าความรักความผูกพันของแกกับจี้หลินยวนดีมาก ฉันรู้สึกยินดีมากจริงๆ พวกแกล้วนมีความสุขมาก ไม่ว่าแต่ก่อนพบเจอกับอะไร สุดท้ายล้วนยืนหยัดไว้ได้ แต่ไม่เหมือนอย่างหนานกงจิ่นแบบนั้น สุดท้ายจบอย่างน่าเสียใจ”
หนังตาของหัวเหยากระตุกนิดๆหนึ่งที มุมปากอมยิ้มหนึ่งที
“หนิงหนิง แต่ละคนล้วนมีชะตากรรมของแต่ละคน ชะตากรรม เป็นการตัดสินมาจากนิสัย นิสัยของหนานกงจิ่นก็ตัดสินแล้วว่าเขาจะไม่มีสภาพที่ดี เขาเฉียบขาดมากเกินไปแล้ว ก็เห็นแก่ตัวมากเกินไปแล้วเช่นกัน ไม่ว่าจะอยู่หรือตาย ล้วนไม่เคยเคารพการตัดสินใจของเฉียนเฉียนมาก่อน คุณรู้สึกว่าเขาตั้งใจอยากจะให้เฉียนเฉียนฟื้นคืนชีพ เป็นเพราะว่ารักเธอจริงๆเหรอ?”