วิวาห์หวาน นายซาตานที่รักของฉัน - บทที่ 1081 คลอดก่อนกำหนด
ความโกรธแค้นทั้งหมดที่ผ่านมาไม่ว่าจะถูกหรือผิด พอมาอยู่ต่อหน้าความเป็นความตายก็เพลหมือนกับว่าจะไม่ได้สำคัญมากขนาดนั้นแล้ว
ตอนนี้ความหวังที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของเขาก็คือสามารถทำให้เฉียวฉีมีชีวิตอยู่ต่อไปดี ๆ ได้
ขอแค่สามารถบรรลุเป้าหมายนี้ได้ จะให้เข้าจ่ายค่าตอบแทนยังไงก็ได้
ก่อนหน้านี้หลังจากที่หนานกงจิ่นตายไปแล้ว พวกเขาก็หาต้นเงินทองเจอส่วนหนึ่งในที่พักของหนานกงจิ่น
แต่ว่าต้นเงินทองพวกนี้ก็พอให้เฉียวฉีสบายได้แค่ปีเดียวเท่านั้น ส่วนที่เหลือก็โดนพวกคนตระกูลหนานที่ได้ยินข่าวคราว วิ่งมาขอส่วนแบ่งไปหมดตั้งนานแล้ว
ของพวกนี้มันเกี่ยวข้องถึงความเป็นความตายทั้งนั้น แล้วก็คงไม่มีใครเอามันออกมาอีกแล้ว
และที่สำคัญจะพึ่งแต่ต้นเงินทองมีชีวิตอยู่รอดต่อไป ที่สุดแล้วก็ไม่ใช่ทางออกที่ดี
ด้วยเหตุนี้ยังไงก็จะต้องคิดหาวิธีวิจัยยาถอนพิษออกมาถึงจะได้
แต่ว่าตาเห็นเวลาก็ผ่านมาตั้งหลายเดือนแล้ว แต่ยาถอนพิษกลับไม่มีความคืบหน้าอะไรเลย
กู้ซือเฉียนจึงอดไม่ได้ที่จะร้อนใจขึ้นมา
ส่วนทางด้านนี้ ก็เห็นว่าท้องของจิ่งหนิงยิ่งอยู่ก็ยิ่งโตขึ้นแล้ว อีกประมาณครึ่งเดือนกว่าก็จะถึงกำหนดคลอดแล้ว
ตอนนี้ลู่จิ่งเซินเองก็ไม่ค่อยไปบริษัทซะเท่าไหร่แล้ว และอยู่เป็นเพื่อนเธอทั้งวันตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมงเลย
ไม่ว่าจะเป็นท่านปู่ท่านย่าหรือว่าเชวซู่กับโม่ไฉ่เวยต่างก็บอกกับเขาแล้วว่า ให้เขาไม่ต้องตื่นเต้นขนาดนี้ ทุกคนอยู่กันเยอะแยะขนาดนี้ ไม่มีทางที่จะปล่อยให้จิ่งหนิงเป็นอะไรแน่
ที่สำคัญยังมีโม่หนานอยู่ข้างกายจิ่งหนิงตลอดเวลา ถ้าเกิดเรื่องอะไรขึ้นมาจริง ๆ พอถึงตอนนั้นค่อยบอกเขา แล้วเขารีบกลับมาจากบริษัทก็ยังทันอยู่
แต่ว่าลู่จิ่งเซินยังไงก็ไม่ยอมฟัง ในเมื่อถึงเรื่องของบริษัทจะสำคัญยังไง ก็ไม่มีทางสำคัญกว่าจิ่งหนิงอยู่แล้ว
เขาอยู่เป็นเพื่อนจิ่งหนิงไปด้วย แล้วก็ทำงานออนไลน์ผ่านคอมพิวเตอร์ไปด้วย และก็ไม่ได้มีความไม่สะดวกอะไรมากนัก
พอจิ่งหนิงเห็นเป็นแบบนี้ ก็ปล่อยเขาทำตามใจไป
แต่ว่าที่จริงในใจก็รู้สึกหวานชื่นมาก
ในเมื่อจะมีผู้หญิงท้องคนไหนที่ไม่อยากให้สามีอยู่ข้างกายด้วยตลอดล่ะ?
ผู้หญิงคนไหนจะไม่อยากให้สามีเป็นห่วงเป็นใยตัวเองแบบนี้ล่ะ?
จิ่งหนิงเองก็ไม่แตกต่าง
ทั้งสองคนก็เลยอยู่ด้วยกันอย่างตัวติดหนึบไปช่วงหนึ่ง
ค่ำวันนี้หลังจากที่ทานอาหารเสร็จแล้ว ลู่จิ่งเซินก็กำลังเดินเล่นเป็นเพื่อนจิ่งหนิงอยู่
ถึงแม้ว่าวิลล่าเฟิงเฉียวจะใหญ่โตมาก แต่ว่าทิวทัศน์ละแวกใกล้ ๆ จิ่งหนิงก็ดูจนเบื่อแล้ว เพราะฉะนั้นหลายวันมานี้ก็เลยให้ลู่จิ่งเซินพาเธอออกมาเดินเล่นในสวนสาธารณะข้างนอกที่วิวสวยกว่าอยู่ตลอด
จิ่งหนิงเคยคลอดลูกมาก่อนแล้ว จึงมีประสบการณ์
รู้ดีว่าช่วงเวลาก่อนถึงกำหนดคลอดนั้น จะต้องคอยออกกำลังกายอยู่ทุกวัน ถึงจะทำให้คลอดลูกได้อย่างราบรื่นพอ
เพราะฉะนั้นช่วงนี้ ทุก ๆ วันเธอจึงต้องมาเดินเล่นหลายชั่วโมง
เรี่ยวแรงของจิ่งหนิงนั้นดีมาก ถึงแม้จะท้องลูกแฝดอยู่ และท้องก็ใหญ่กว่าของคนท้องปกติตั้งเท่าหนึ่ง
แต่สำหรับเธอแล้ว กลับไม่มีความเหน็ดเหนื่อยมากเท่าไหร่
ลู่จิ่งเซินเองก็อยู่กับเธอมาตลอดด้วย
เพียงแต่ว่าวันนี้ขณะที่ทั้งสองคนกำลังเดินเล่นอยู่นั้น อยู่ ๆ จิ่งหนิงก็ได้กลิ่นหอมกลิ่นหนึ่งลอยมา
พอดมดูดี ๆ แล้ว ก็พบว่าลอยออกมาจากถนนขายของกินเล่นเส้นหนึ่งที่อยู่ไม่ไกลนี้
ตั้งแต่ที่เธอตั้งท้องมารสชาติอาหารที่ชอบก็ค่อนข้างแปลก และมักจะพอนึกถึงอะไรก็จะกินเลย
พอลู่จิ่งเซินเห็นท่าทีของเธอไม่ปกติ และมองไปทางถนนขายของกินเล่นไม่หยุด ก็รู้เลยว่าเธอกำลังคิดอะไรอยู่ จึงอดไม่ได้ที่จะรู้สึกขำขึ้นมาเล็กน้อย แล้วถามขึ้นว่า “หิวแล้วใช่ไหม?”
จิ่งหนิงรู้สึกเขินอายเล็กน้อย แล้วลูบท้องไปและพยักหน้าให้เล็กน้อย
ลู่จิ่งเซินถามขึ้นว่า “อยากจะกินอะไร? เดี๋ยวผมไปซื้อให้คุณ”
จิ่งหนิงคิดดูเล็กน้อย “เอาอันที่กลิ่นหอมลอยมาเมื่อกี้ ฉันเองก็ไม่รู้ว่าคืออะไร คุณช่วยไปซื้อตามกลิ่นหอมอันนี้ให้ฉันเลยได้หรือเปล่าคะ?”
ลู่จิ่งเซินพยักหน้าเล็กน้อย แล้วก็เอามือของจิ่งหนิงมอบให้กับโม่หนานที่อยู่ข้าง ๆ
และพูดขึ้นว่า “พวกคุณนั่งกันอยู่ที่นี่สักครู่ เดี๋ยวผมจะรีบมาแล้ว”
โม่หนานพยักหน้าเล็กน้อย แล้วก็พยุงจิ่งหนิงนั่งลงบนเก้าอี้ที่อยู่ข้าง ๆ
ที่จริงถ้าพูดตามหลักแล้ว ไอ้งานพวกวิ่งไปซื้อของอะไรแบบนี้ไม่ควรจะให้ลู่จิ่งเซินมาทำ
โม่หนานก็สามารถทำได้
แต่ว่าในช่วงที่จิ่งหนิงกำลังตั้งท้องอยู่นี้ มีเรื่องราวมากมายลู่จิ่งเซินล้วนพยายามไปทำด้วยตัวเอง ถึงแม้จะเป็นเรื่องที่เล็ก ๆ อย่างซื้อของแบบนี้ เขาก็อยากจะเป็นคนไปทำเองกับมือ
จิ่งหนิงมองเห็นอยู่กับตา ชื่นมื่นอยู่ในใจ
แม้แต่โม่หนานก็ยังอดไม่ได้ที่จะชื่นชมลู่จิ่งเซินอยู่บ่อย ๆ ว่าเป็นผู้ชายดี ๆ ที่หาได้ยากในโลกจริง ๆ เธอไม่เคยเห็นผู้ชายที่ดูแลเอาใจใส่ขนาดนี้มาก่อน
พอจิ่งหนิงเห็นเข้าก็หัวเราะเยาะเธออย่างขำขัน แล้วถามเธอว่าอยากมีความรักแล้วใช่ไหม? อยากจะแต่งงานแล้วเหรอ?
ถ้าอยากจะแต่งงานจริง ๆ เธอสามารถช่วยหล่อนสอดส่องดูสักหน่อยได้นะ
และคิดไม่ถึงทุกครั้งที่พูดถึงหัวข้อนี้ ใบหน้าของโม่หนานก็จะแดงขึ้นมา แล้วก็บอกปัดเปลี่ยนเรื่องไปหลากหลายรูปแบบ แต่กลับไม่ยอมพูดความจริง
จิ่งหนิงรู้สึกได้อย่างชาญฉลาดว่าเธอจะต้องมีเรื่องอยู่ในใจแน่ แต่ในเมื่อเธอไม่อยากพูด ตัวเองก็ไม่สะดวกที่จะถามเยอะ แล้วก็ไม่ได้พูดอะไรเยอะอีก
ตามองเห็นลู่จิ่งเซินเดินไปทางถนนขายของกินเล่นแล้ว ทั้งสองคนก็นั่งลงพูดคุยกันอยู่ตรงนั้น
พอคุยกันไปคุยกันมา อยู่ ๆ จิ่งหนิงก็ร้องโอ๊ยขึ้นมาคำหนึ่ง
โม่หนานสีหน้าขาวซีดขึ้นมาทันที แล้วถามอย่างตื่นเต้นขึ้นว่า “เป็นอะไรเหรอ? ไม่สบายตรงไหนหรือเปล่า?”
จิ่งหนิงส่ายหน้าเล็กน้อย แต่หัวคิ้วขมวดกันแน่นขึ้นมา
มือข้างหนึ่งกุมท้องเอาไว้ แล้วก็พูดขึ้นด้วยสีหน้าย่ำแย่เล็กน้อยว่า “แย่แล้ว ทำไมฉันถึงรู้สึกว่า……”
คำพูดของเธอยังไม่ทันได้พูดจบ จู่ ๆ โม่หนานก็เหมือนกับว่ามองเห็นอะไรบางอย่างเข้าแล้ว และก็ร้องอย่างตกใจขึ้นมา
“หนิงหนิง ที่ขาของเธอ……”
จิ่งหนิงเองก็ก้มหน้าลงไปดูด้วย แล้วก็มองเห็นของเหลวใส ๆ สายหนึ่ง ไหลลงมาตามขา
เพราะว่าตอนนี้เป็นฤดูร้อน เธอจึงใส่ชุดคลุมท้องที่ค่อนข้างโปร่งสบายอยู่ชุดหนึ่ง
ตาของเธอมองเห็นน้ำแบบนั้นไหลลงมาเช่นนี้ ในใจเธอก็ตื่นตระหนกขึ้นมา และร่ำร้องว่าแย่แล้ว
จึงรีบคว้ามือของโม่หนานมาจับไว้ แล้วพูดขึ้นว่า “รีบโทรศัพท์หาลู่จิ่งเซินเร็ว บอกเขาว่าถุงน้ำคร่ำฉันแตกแล้ว อาจจะคลอดแล้ว ให้เขารีบมาพาฉันไปส่งโรงพยาบาลเร็ว!”
พอโม่หนานได้ยิน ถึงแม้ว่าจะไม่ค่อยรู้อะไรมาก แต่ก็รู้ถึงความรุนแรงของเหตุการณ์อยู่
จึงรีบโทรศัพท์หาลู่จิ่งเซินอย่างรวดเร็ว
ผ่านไปไม่ถึงสองนาที ลู่จิ่งเซินก็วิ่งหายใจหอบกลับมาเลย
นึกภาพได้ยากมาก ระยะทางที่ตอนแรกจะต้องใช้เวลาเจ็ดแปดนาที แต่เขากลับวิ่งกลับมาภายในแค่สองนาที
พอมองเห็นจิ่งหนิง ก็รีบเดินเข้าไปแล้วช้อนตัวเธออุ้มขึ้นมา และวิ่งไปที่รถเลย
ที่จริงพูดตามหลักแล้ว ห่างจากกำหนดคลอดของจิ่งหนิงยังมีเวลาอีกหลายวัน
และก็เป็นเพราะแบบนี้ พวกเขาถึงได้ไม่รีบร้อนที่จะไปนอนรอที่โรงพยาบาลขนาดนั้น
ในเมื่อถึงแม้สิ่งแวดล้อมของโรงพยาบาลจะดีขนาดไหน อยู่ในที่พิเศษมากแค่ไหน แต่นั่นก็ยังเป็นโรงพยาบาลอยู่ดี
ถ้าเอาตามนิสัยของจิ่งหนิง จะต้องไม่ยินดีที่จะไปอยู่เฉย ๆ อยู่ที่นั่นแน่
เพราะฉะนั้นพวกเขาก็เลยกะว่ารอถึงวันสองวันก่อนจะคลอด แล้วค่อยไปนอน แบบนี้ก็ยังทันอยู่
และบวกกับจิ่งหนิงนั้นมีประสบการณ์ในการคลอดลูกมาก่อนแล้ว ไม่ได้ไม่คุ้นเคยกับทางด้านนี้ เพราะฉะนั้นก็เลยไม่ได้ตื่นเต้นอย่างคนท้องครั้งแรกแบบนั้น
แต่ใครก็คิดไม่ถึงว่าทำไมอยู่ดี ๆ จู่ ๆ บอกจะคลอดก็จะคลอดเลย?
และที่สำคัญถุงน้ำคร่ำยังแตกก่อนแล้วด้วย เรื่องแบบนี้มันไม่ใช่เรื่องเล็กเรื่องหนึ่งแล้วนะ ถ้าไม่จัดการให้ดีอาจจะกลายเป็นหนึ่งศพสองชีวิตเลยก็ได้
ไม่ถูกต้องซิ ใช้กับตัวจิ่งหนิงนั้น ต้องเป็นหนึ่งศพสามชีวิตแล้ว!
ไม่ต้องบอกก็รู้ว่า พอเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นมาแล้ว ลู่จิ่งเซินจะต้องร้อนใจมากแค่ไหน
แต่กลับเป็นจิ่งหนิงที่ค่อนข้างสงบนิ่งมากกว่า บนรถเธอคว้ามือของลู่จิ่งเซินมากุมไว้ แล้วก็พูดขึ้นว่า “คุณไม่ต้องเป็นห่วงฉัน ไม่เป็นไรหรอกค่ะ ฉันรู้สึกว่าอาการในตอนนี้ยังไม่เลว น่าจะไม่มีปัญหาใหญ่อะไร ทุกอย่างรอไปถึงโรงพยาบาลแล้วค่อยว่ากันค่ะ”