วิวาห์หวาน นายซาตานที่รักของฉัน - บทที่ 3 เธอแพ้อีกแล้ว
บทที่ 3 เธอแพ้อีกแล้ว
จิ่งหนิงมองไปยังเธอที่ทำท่าทางอ่อนแอแล้วรู้สึก
สะอิดสะเอียน
จากนั้นสะบัดแขนเธอทิ้งอย่างเย็นชาแล้วพูดว่า “อย่ามา
แตะต้องตัวฉัน!
เธอไม่ได้ใช้แรงมาก แต่จิ่งเสี่ยวหย่ากลับโซซัดโซเซและ ล้มลงไปที่พื้นกรีดร้องออกมาเสียงดัง
“เสี่ยวหย่า! ”
มู่ยั่นเจ๋อรีบวิ่งเข้ามาประคองเธอเอาไว้แล้วตะคอกออก มาว่า “วิ่งหนึ่ง! คุณทำอะไรน่ะ? ”
“ฉันเปล่า….”
จึงหนิงสีหน้าเปลี่ยนไปทันที เธอรีบอธิบายขึ้นแต่กลับ ถูกจิ่งเสี่ยวหย่าขัดจังหวะขึ้นมา
“พี่อาเจ๋อ อย่าไปโทษพี่เลยค่ะ ฉันผิดเองที่ไปรักคุณ อย่าว่าแต่ผลักฉันเลย ต่อให้พี่ด่าหรือตบฉัน ฉันก็ยอมรับ
มันได้”
จึ่งหนิงเบิกตากว้าง สีหน้าของเธอเต็มไปด้วยความตก
ตะลึง
เธอเงยหน้าขึ้นมาสบตากับมู่ยั่นเจ๋อที่แฝงไปด้วยความ
ผิดหวัง
“ผมคิดไม่ถึงจริงๆว่าทำไมคุณถึงเป็นแบบนี้ เรื่องนี้เป็น ความผิดของผม คุณไปลงที่น้องสาวคุณทำไม? มีอะไรก็ มาลงที่ผมสิ!
เธออ้าปากคล้ายจะอธิบาย แต่เสียงนั้นก็จุกอยู่ในลำคอ เจ็บคล้ายกับมีเข็มมาทิ่มแทง
“คุณคิดว่า….ฉันผลักเธออย่างนั้นเหรอคะ? ”
“ผมเห็นกับตาตัวเองนะคุณ! ผมคิดมาตลอดว่าแม้คุณ จะเยือกเย็นแต่ก็ยังมีจิตใจดี แต่จนมาวันนี้ผมถึงได้รู้ว่า คุณมันจิตใจโหดเหี้ยมจริงๆ ! นี่คือนิสัยที่แท้จริงของคุณ
สินะ! ที่ผ่านมาผมมองคุณผิดไปจริงๆ! ”
จึงหนิงยืนอยู่ที่เดิม เธอไม่อยากจะเชื่อหูตัวเองจริงๆ
เธอหันกลับไปมองจิ่งเสี่ยวหย่า เธอเห็นแววตาแฝงไป
ด้วยมารยาและชัยชนะ
หัวใจของเธอช่างเยือกเย็น
วินาทีนี้ เธอทำได้เพียงฝืนยิ้มออกมา เป็นยิ้มที่เต็มไป ด้วยความประชดประชัน
“มู่ยั่นเจ๋อ มาถึงวันนี้ฉันถึงได้รู้ว่าคุณมันโง่จริงๆ ! ” “คุณว่าไงนะ? ”
“ไม่มีอะไร พวกคุณรักกันมากไม่ใช่เหรอ? ดี! ฉันขอ ให้พวกคุณสมหวังนะ ชามที่เอาไปใส่อุจจาระแล้ว จะล้าง ยังไงก็ไม่สะอาด ใครจะเอาไปใส่ข้าวอีกกันใช่ไหม? ”
มู่ยั่นเจ๋อสีหน้าเปลี่ยนไปทันที เขาคิดไม่ถึงว่าผู้หญิงที่อยู่ตรงหน้านี้จะเยือกเย็นได้ขนาดนี้ ผู้หญิงที่มีการศึกษาและ เรียบร้อย จะพูดคำสบถออกมาได้อย่างนี้
เขาพยายามสงบสติแล้วพูดว่า “จิ่งหนิง! คุณอย่าได้คืบ
เอาศอก!
จิ่งหนิงหัวเราะหีๆด้วยความเยือกเย็น
เธอหยิบผ้าเช็ดหน้าออกมาเช็ดตรงที่จิ่งเสี่ยวหย่าสัมผัส เมื่อสักครู่ และพูดออกมาว่า
“ช่างมันเถอะ! ฉันไม่ว่างมาเถียงเรื่องไร้สาระกับพวก คุณหรอกนะ นับแต่นี้ไปขอให้พวกคุณอย่ามาเสนอหน้าให้ ฉันเห็นอีก! ขอให้ ”
เธอกลอกตามองไปทางอื่นแล้วพูดต่อด้วยเสียงเย็นชาว่า โสเภณีกับหมาวัด ขอให้พวกคุณอยู่กันอย่าง 1
สุขสม!
เพื่อพูดจบเธอก็เดินจากออกไปโดยไม่ได้เหลือโอกาสให้ ทั้งสองได้เอ่ยอะไรออกมาอีก
มู่ยั่นเจ๋อโมโหเสียจนหน้าเขียวหน้าเหลือง “คุณ หมายความว่ายังไงนะ? นี่! เดี๋ยวก่อน..”
“พี่อาเจ๋อ….
ทันใดนั้นเอง มือเรียวบางเข้ามารั้งเขาไว้ สีหน้าของจิ่ง เสี่ยวหย่าซีดเผือด มือเธอกุมไปที่ท้อง “พี่อาเจ่อ ฉันปวด ท้อง”
มู่ยั่นเจ๋อตกใจและถามว่า “เสี่ยวหย่า เป็นอะไรไป?
“ฉันไม่รู้…”
เลือดสีแดงสดไหลออกมาจากขาอ่อนของจิ่งเสี่ยวหย่า
มู่ปั้นเจ๋อตกใจสุดขีด
“ไม่ต้องกลัวนะครับ ผมจะส่งคุณไปโรงพยาบาลเดี่ยวนี้”
มู่ยั่นเจ๋ออุ้มจิ่งเสี่ยวหย่าขึ้นรถไป
จิ่งหนิงขึ้นรถของเธอแล้วยิ้มเยาะตามหลังรถคันที่วิ่งจาก
ไป
เธอไม่ได้ตรงไปที่บ้าน แต่กลับขับรถไปยังลี่หัว
ชั้นหนึ่งของโรงแรมเป็นผับขนาดใหญ่ ภายในมีแสงสี
เสียงชวนให้หลงใหล
เธอนั่งลงที่โต๊ะบาร์แล้วดื่มเหล้าเข้าไปแก้วแล้วแก้วเล่า
เดิมที่เธอไม่ใช่คนที่ใช้เหล้าระบายอารมณ์ แต่ในตอนนี้ นอกจากแอลกอฮอล์แล้วเธอก็ไม่มีอะไรที่จะมาทำให้ความ เจ็บปวดจนแทบชาของเธอนี้จางไปได้
มองดูมู่ยั่นเจ่อและจิ่งเสี่ยวหย่าที่จากไป เธอดูเหมือนไร้ ความรู้สึกเจ็บปวดใดๆ
แต่มีเพียงเธอเท่านั้นที่รู้ว่าภายในเธอเจ็บปวดขนาดไหน
ความรู้สึกหกปีที่ผ่านมาไม่ได้มีความหมายอะไรเลย เธอ จงรักภักดีต่อเขาเพียงคนเดียว แต่เขากลับมาเล่นชู้กับผู้ หญิงคนอื่น
ยิ่งคิดก็ยิ่งบ้า!
จึ่งหนิงยกแก้วขึ้นมาแล้วดื่มเหล้าเข้าไป
แม้ว่าเธอจะคอแข็ง แต่ตอนนี้เธอก็เริ่มเกิดอาการมึนเมา
เล็กน้อย
ทันใดนั้นโทรศัพท์ในกระเป๋าก็สั่นขึ้น
เธอเอื้อมมือลงไปหยิบโทรศัพท์ด้วยท่าทางมีนเมาแล้ว
รับสาย
“ใครคะ? ”
“พี่แพ้อีกแล้วสินะ!
จิ่งเสี่ยวหย่านั่นเอง
จึ่งหนิงเผยอยิ้ม
“ตั้งใจโทรศัพท์มาหาฉัน ต้องการจะอวดว่าตัวเองภูมิใจ
ขนาดไหนเหรอ? ”
จึงเสี่ยวหย่าหัวเราะออกมาด้วยความสะใจ
“พี่คงยังไม่รู้สินะ ว่าฉันท้อง!
จึ่งหนิงสีหน้านิ่งลงทันที….
เธอมองไปยังผู้คนที่เต้นรำอยู่รอบๆฟลออย่างเย็นชาแล้ว ตอบกลับไปว่า “แล้วมาบอกกับฉันทำไม? ฉันไม่ได้นอน กับแกสักหน่อย!
“เป็นลูกของพี่อาเจ่อ เมื่อกี้เขาบอกกับฉันแล้วว่าจะ แต่งงานกับฉันเร็วที่สุด พวกคุณคบกันมาตั้ง 6 ปีแต่เขาไม่เคยแตะต้องตัวพี่เลย จะพูดให้น่าฟังก็คือเป็นการให้เกียรติ แต่จะพูดอีกอย่างก็คือเขาไม่สนใจในตัวพี่เลยสักนิด แค่ เห็นก็รู้สึกสะอิดสะเอียน!
จิ่งหนิงกำโทรศัพท์เอาไว้แน่น
“พี่รู้อะไรไหม แค่พวกเราได้อยู่ด้วยกันเราก็ทำกันทุกวัน เขาบอกว่าเขาไม่เคยอยู่กับใครแล้วรู้สึกสบายเท่ากับอยู่ กับฉัน โดยเฉพาะพี่ที่ชอบนั่งตีหน้าเหมือนคนตายไป วันๆ! มันไม่น่าสนใจเลยสักนิด”
“ผู้หญิงคนอื่นก็มีความอ่อนโยนและก็รู้จักปรนนิบัติ ผู้ชายทั้งนั้น นอกจากรูปลักษณ์ภายนอกที่เป็นผู้หญิง พี่ก็ ไม่ต่างอะไรกับผู้ชายเลย การที่เขาอยู่กับพี่ทุกวันๆไม่แตก ต่างกับการอยู่กับเกย์เลยสักนิด! ! !
จิ่งหนิงกำหมัดแน่น
ใจของเธอเหมือนถูกบางสิ่งบางอย่างดึงเอาไว้ ช่างเจ็บ ปวดเหลือเกิน..
แต่เธอก็หายใจเข้าลึกๆแล้วยิ้มออกมา
“เสี่ยวหย่า ฉันคิดว่าเธอจะมีความเป็นผู้ดีสักหน่อย ที่แท้ ก็โทรมาเรื่องพวกนี้เหรอ? ” “พี่คะ ถ้าพี่โมโหก็ควรจะพูดออกมาตรงๆฉันไม่หัวเราะ
เยาะพี่หรอก”
“ทำไมฉันต้องโกรธ? มีแต่แกเท่านั้นแหละที่จะเก็บขยะ อย่างนั้นเอามาเป็นสมบัติ กระดาษชำระที่เอามาเช็ดสิ่ง ปฏิกูลไปแล้วเนี่ย ต่อให้เอาไปซักล้างยังไงมันก็ยังมีกลิ่นอยู่ดี แกเอาขึ้นมาเช็ดหน้าไม่รู้สึกขยะแขยงบ้างเหรอ?
“นี่! ! ! ”
“เอาล่ะๆ ฉันไม่มีเวลาคุยเรื่องไร้สาระกับแกหรอกนะ ขอ เตือนไว้ก่อนว่าอย่ายั่วโมโหฉันอีก ถ้าฉันโกรธขึ้นมาจริงๆ แล้วแกจะรับไม่ได้! ”
เมื่อพูดจบเธอก็วางสายไป
ไม่ใช่ว่าเธอจะไม่เจ็บปวด
แต่ที่เธอพูดออกไปอย่างนั้นเพราะคำพูดของจิ่งเสี่ยว หย่าทำร้ายจิตใจเธออย่างแรง
จึงหนิงจำได้ดีถึงคำพูดตอนที่มู่ยั่นเจ่อจีบเธอใหม่ๆ
เขาบอกว่าชอบที่เธอเป็นเธอ มีความลึกลับและน่าค้นหา เปรียบเสมือนดอกไม้ท่ามกลางฝันบนภูเขาหิมะที่ทุกคนก็ อยากจะเข้ามาปกป้อง
ความรักที่สวยงามควรจะเป็นความรักที่มาจากจิต วิญญาณอย่างแท้จริง ถึงจะเป็นความรักที่บริสุทธิ์
แต่ความเป็นจริงคือเขาและจิ่งเสี่ยวหย่าแอบคบกันและมี
ลูกด้วยกัน!
จึงหนิงรู้สึกรังเกียจพวกเขาจากก้นบึ้งของหัวใจ จึงหนิง ยกมือขึ้นปิดหน้าของตัวเองและน้ำตาก็ไหลออกมา
ทันใดนั้นก็มีคนเดินเข้ามาตบบ่าของเธอ
“อ้าว! นี่ไม่ใช่คุณหนูใหญ่ตระกูลจิ่งเหรอ? ดีกขนาดนี้ มาทำอะไรที่นี่คนเดียว มาส่งของหรือไง? ”
เมื่อจิ่งหนิงหันหลังกลับไปมอง ก็พบหญิงสาวแต่งตัว เร่าร้อนสองสามคน ส่วนคนที่เดินนำหน้ามาก็คือมู่หงเซียว น้องสาวของมู่ยั่นเจ่อนั่นเอง