วิวาห์หวาน นายซาตานที่รักของฉัน - บทที่ 4 พบกันอีกครั้ง
บทที่ 4 พบกันอีกครั้ง
ตั้งแต่เล็กจนโตมู่หงเซียวก็ชอบหาเรื่องเธอมาเสมอ
แต่ตอนนี้ไม่มีอารมณ์ไปต่อล้อต่อเถียงกับเธอ จึง ได้หยิบเงินออกมาจากกระเป๋าแล้ววางลงบนโต๊ะ “ไปไหนล่ะ? ฮ่าๆๆ มาให้ฉันดูหน่อยซิว่าวันนี้มาส่งถุง
ยางหรือน้ำมันหล่อลื่นล่ะ?
เมื่อพูดจบเธอก็เอื้อมมือไปคว้ากระเป๋ามา
หนิงตกใจถอยหลังและจ้องไปที่เธอ
“มู่หงเซียวมันมากไปแล้วนะ! ”
“มากไปอย่างนั้นเหรอ? ฮ่าๆๆ! ” เธอหัวเราะคล้ายกับ คนได้ยินเรื่องตลก “จิ่งหนิงนี่แกยังคิดว่าแกเป็นแฟนของพี่ ชายฉันจริงๆนะเหรอ? พวกแกเลิกกันแล้ว ตอนนี้ไม่ได้ เป็นอะไรกันเลยด้วยซ้ำ ทำเป็นอวดเก่ง!
จึ่งหนิงอารมณ์เสีย แต่ใบหน้าของเธอไม่แสดงถึง อารมณ์ใด
มู่หงเซียวโบกไม้โบกมือแล้วบอกว่า “พวกเธอไปแย่ง กระเป๋ามาให้ฉันซิ!
“ดูแค่ของในกระเป๋ามีประโยชน์อะไรล่ะ เธอขายของใช้ ผู้ใหญ่ไม่ใช่เหรอ? ดึกดื่นขนาดนี้ออกมาส่งของหรือมาส่ง คนก็ไม่รู้สินะ!
“นั่นน่ะสิ แต่มองจากท่าทางเศร้าหมองแบบนี้แล้ว น่าจะไม่มีคนเอาละนะ พวกเราถอดเสื้อผ้ามันออกดูก่อนเพื่อจะ พบหลักฐานอะไรบ้าง! เพื่อว่าจะช่วยเรียกร้องความเป็น ให้พี่ชายเธอด้วยก็ได้นะ”
มู่หงเซียวดวงตาเป็นประกายแล้วพูดว่า งั้นเหรอ ถ้า อย่างนั้นเอาตามนี้”
ผู้หญิงกลุ่มนั้นพากันเดินเข้ามา จิ่งหนิงสีหน้าได้เปลี่ยน ไปทันที
ในขณะที่พวกนั้นยังไม่ทันได้ตั้งตัว เธอก็รีบวิ่งออกไป
แต่เธอดื่มเหล้าเข้าไปมากเกินขนาด ทรงตัวไม่ค่อยดีนัก จึงไม่รู้ว่าตัวเองวิ่งไปทางไหน เธอวิ่งไปจนกระทั่งมองเห็น ป้ายห้องน้ำจึงได้วิ่งเข้าไป
คนในห้องน้ำพูดออกมาเสียงดังว่า “เฮ้ย!
คนอยู่ในห้องน้ำทั้งสองคน คนหนึ่งกำลังสูบบุหรี่ อีกคน หนึ่งกำลังเข้าห้องน้ำ เมื่อเห็นเธอวิ่งเข้าไปก็แทบจะฉีรด กางเกง
เธอเพิ่งเคยเจอกับสถานการณ์แบบนี้เป็นครั้งแรก เธอตก ตะลึงและจากนั้นก็รู้สึกตัวว่าเธอเข้าห้องน้ำผิดห้องจึงหน้า แดงเรื่อ
“ขอโทษค่ะฉันมองป้ายผิด!
เธอหันหลังและกำลังจะวิ่งออกไป แต่ได้ยินเสียงของมู่ หงเซียวดังมาจากด้านนอกว่า
“มันไปไหนแล้วเนี่ย? ”
“เมื่อกี้ก็เห็นอยู่กับตาว่ามันวิ่งมาทางนี้นี่นา ทำไมถึงหาย
ไปได้? ”
“มันหนีเข้าไปในห้องน้ำแน่ๆ! เร็วเข้าไปตามหา! ” จิ่งหนิงสีหน้าซีด เธอหันกลับไปมองชายที่อยู่ตรงหน้า
แล้วรู้สึกว่าหน้าตาคุ้นๆ
“คุณคะ ฉันขอหลบอยู่ที่นี่สักครู่ได้ไหม?
แม้ว่าเป็นคำร้องขอที่ค่อนข้างจะน่าอาย แต่เพื่อไม่ให้มู่ หงเซียวจับตัวเธอได้เธอจึงจำเป็นต้องทำ
สีหน้าของลู่จิ่งเซินเฉยเมย แววตาอันเยือกเย็นมองไปยัง ชูมู่ที่กำลังรู้สึกด้วยความร้อนรนแล้วพูดว่า “ออกไปก่อน” ซูมู่ตกใจมือสั่นทำตัวไม่ถูก เมื่อได้ยินดังนั้นเขาก็รีบวิ่ง
ออกไป
จึงหนิงเวียนหัวมาก เธอรู้สึกว่าตัวเองกำลังจะล้มลงจึงได้ หาที่จับไว้ แต่ทันใดนั้นขาของเธอก็หมดแรงและเอนตัวล้ม ลงไปด้านหน้า
เธอหลับตาปีด้วยความกลัว
แต่เธอไม่ได้เจ็บอย่างที่คิดเอาไว้เนื่องจากมีมือยื่นเข้ามา โอบเธอไว้ก่อน
เธอกระแทกเข้าที่อ้อมอกของชายผู้นั้น เดิมทีเธอก็เวียน หัวด้วยฤทธิ์เหล้าอยู่แล้วจึงทำให้ร่างกายเธอเลื่อนลงไป โดยไม่ได้ตั้งใจ
ลู่วิ่งเซ็นดับบุหรี่และโยนทิ้งไป จากนั้นใช้มือทั้งสองข้างโอบเธอเอาไว้ เมื่อมองเห็นเธอเมามายไม่เป็นท่าก็ขมวดคิ้ว
ขึ้น
จึงหนิงคุณดื่มเหล้าไปมากขนาดไหนเนี่ย?
เมื่อสิ่งได้ยินฝ่ายตรงข้ามเรียกชื่อของตนเอง ก็เข้าใจว่า เขารู้จักเธอและเกิดความสงสัย
“คุณรู้จักฉันเหรอ? ”
สายตาของลู่จิ่งเซินนิ่งสงบจนแทบมองไม่เห็นอารมณ์
ใดๆจากแววตาของเขา
ผ่านไปชั่วครู่เขาจึงได้เผยอปากขึ้นพูดว่า
“ไม่รู้จัก”
ลู่จิ่งเซินอุ้มจิ้งหนิงออกมาจากบาร์
จึงหนิงโอบคอของชายหนุ่มไว้ ใบหน้าของเธอแดงเรื่อ ด้วยฤทธิ์เหล้า แววตาทั้งสองข้างเริ่มเลือนราง เห็นชัดว่า เธอเมามาก
ลู่จิ่งเซินอุ้มเธอเข้าไปยังรถ ตัวเขาเองก็นั่งอยู่ข้างๆ
ซูมู่เป็นคนขับรถ เขาเอ่ยถามด้วยความนอบน้อมว่า “ท่านประธาน ไปที่ไหนครับ? ”
“คฤหาสน์บ้านลู่”
“ครับ! ”
รถถูกขับออกไปบนถนนที่เงียบสงัดในกลางดึก จิ่งหนิงเมามากและรู้สึกไม่สบายตัว เธอนั่งหลับตาและอิงอยู่ที่ ประตูรถ ไม่เหลือแม้แต่แรงที่จะคิดสิ่งใดๆ
หลังจากที่เธอดื่มเหล้าจนเมาจะมีนิสัยแตกต่างไปนั่นก็ คือไม่พูดมากไม่ส่งเสียงดัง เธอจะนอนอย่างเดียว
จึงทำให้เธอไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตัวเองอยู่ที่ไหนหรือไปได้ยัง ไง เธอก็ไม่รู้ว่าตอนนี้มีผู้ชายอยู่ข้างๆตัวเอง
เธอมีนศีรษะและมีอาการปวดหัวเล็กน้อยหลังจากการ ในขณะนั้นเอง โทรศัพท์มือถือของเธอที่อยู่ในกระเป๋าก็
ดื่มเหล้า
ดังขึ้น
เธอขมวดคิ้วและเอื้อมมือไปหยิบกระเป๋าออกมากดรับ
สาย
“ฮัลโหล!
“จิ่งหนิง ได้ยินหงเซียวบอกว่าคุณอยู่ที่โรงแรมลี่หัวและ ออกไปกับผู้ชายอย่างนั้นเหรอ?
เป็นสายจากมู่ยั่นเจ่อ
จึงได้ลืมตาขึ้นและรู้สึกว่าภาพเบื้องหน้าช่างเลือนราง “ทำไมคะ? เธอไปฟ้องอะไรคุณอีกล่ะ?
มู่ยั่นเจ๋อพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “ผมรู้ว่าเรื่องในวันนี้ ผมทำผิดต่อคุณ แต่คุณก็ไม่จำเป็นต้องใช้วิธีนี้มาทำให้ตัว เองเสียหาย ผับบาร์นั่นเป็นสถานที่ยังไงคุณไม่รู้เหรอ ทำไมคุณถึ…”
จึงหนิงไม่มีอารมณ์จะฟังคำพูดของเขาอีกต่อไปจึงได้ พูดขัดจังหวะขึ้นมาว่า “คุณต้องการอะไร? ”
“คุณอยู่ที่ไหนผมจะให้คนไปรับ”
“จิ่งเสี่ยวหย่าจะยอมให้คุณทำอย่างนั้นได้เหรอ? ”
“เสี่ยวหย่าไม่ได้เลวร้ายอย่างที่คุณคิด เธอเห็นคุณเป็นพี่ สาวแท้ๆมาตลอด ถ้าคุณเป็นอะไรขึ้นมาเธอก็คงจะเสียใจ ที่สุด”
จิ่งหนิงหัวเราะออกมา
เธอเพิ่งเคยพบคนหน้าด้านแบบนี้บนโลก! ! !
จึ่งเสี่ยวหย่าทำสิ่งที่เธอคิดไม่ถึงได้มากจริงๆ
“ถ้าอย่างนั้นเขาได้บอกคุณไหมล่ะว่าเมื่อครึ่งชั่วโมงก่อน เธอโทรมาหาฉันแล้วอวดว่าในที่สุดเธอก็แย่งแฟนฉันไปได้ แล้วยังเอาเด็กในท้องของเธอมาอวดอีกด้วย!
มู่ยั่นเจ๋อครุ่นคิดแล้วพูดออกมาว่า “เป็นไปไม่ได้!
จิ่งหนิงยิ้มอย่างประชดประชัน
มู่ยั่นเจ๋อสูดหายใจเข้าลึกๆ เขาพูดต่อด้วยน้ำเสียงที่เบื่อ หน่ายว่า
“จิงหนิงคุณต้องการยังไงกันแน่? ตั้งแต่เริ่มต้นจนถึง ตอนนี้เสี่ยวหย่าไม่เคยพูดใส่ร้ายคุณแม้แต่ประโยคเดียว เมื่อเธอรู้ว่าคุณอยู่ที่ผับก็รีบโทรหาผม กลัวว่าคุณจะเกิด เรื่อง แล้วคุณล่ะ? คุณคอยแต่คิดจะทำร้ายเธอซ้ำแล้วซ้ำ เล่า ผมยอมรับว่าเรื่องที่เราทำมันไม่ถูก แต่คุณก็ไม่รู้สึกว่าคุณผิดบ้างเหรอ? คุณมักจะอวดตัวเองว่าเหนือกว่าเธอ และคอยรังแกเธอมาตลอด ทุกครั้งที่ผมไปงานสังสรรค์ให้ คุณไปเป็นเพื่อนคุณก็ผลัดไปเรื่อย ผมบอกให้คุณหยุดทำ ธุรกิจนั่นแต่คุณก็บอกผมว่าอาชีพอะไรก็มีค่าเหมือนกัน ทุกอาชีพไม่มีความแตกต่าง?
“จิ่งหนิง ผมมีฐานะตำแหน่งที่ดีในสังคม ผมต้องการ รักษาหน้าของตัวเองเอาไว้ จะให้ผมไปบอกกับเพื่อนว่า แฟนของผมขายของใช้ผู้ใหญ่อย่างนั้นเหรอ?
แต่ไหนแต่ไรมาคุณคิดถึงแต่ตัวเอง คุณไม่เคยคิดถึง ความรู้สึกของผมเลย จนตอนนี้คุณก็ยังโทษคนอื่นอยู่เห
รอ?
จึ่งหนิงโกรธจนตัวสั่น
เธอไม่เคยคิดมาก่อนว่ามู่ยั่นเจ๋อจะคิดกับเธอแบบนี้
รังแกเสี่ยวหย่าอย่างนั้นเหรอ?
ไม่ไปงานสังสรรค์กับเขาอย่างนั้นเหรอ?
ที่เธอขายของใช้ผู้ใหญ่ทำให้เขาขายหน้าอย่างนั้นเห
รอ?
ตาเธอแดงก่ำ บัดนี้เสียงหัวเราะของเธอที่เปล่งออกมา แฝงไปด้วยความน้อยเนื้อต่ำใจ
“ที่แท้คุณคิดกับฉันอย่างนั้นเหรอคะ? อืม ดี! ดีมาก! จำคำพูดของคุณในวันนี้ให้ดีนะ ฉันไม่มีวันยกโทษให้พวก คุณเด็ดขาด สักวันหนึ่งฉันจะทำให้พวกคุณต้องเสียใจ!พูดจบเธอก็วางสายลง
บรรยากาศในรถกลับมาเงียบสงบอีกครั้ง