วิวาห์หวาน นายซาตานที่รักของฉัน - บทที่ 919 นี่มันไม่ยุติธรรม
หลินเซิน “……”
หัวเหยาหลุดหัวเราะออกมาเสียงดัง “ลู่จิ่งเซินพูดถูก หลินเซิน ฉันว่าคืนนี้นายต้องดื่มเยอะ ๆ หน่อยนะ ไว้ถึงตอนที่นายขอสาวข้าง ๆ แต่งงานแล้วจริง ๆ ค่อยมาว่ากันอีกที”
หลินเซินดื่มไวน์จนหมดแก้วอย่างขมขื่น
จากนั้นจึงหันหน้าไปฟ้องกู้ซือเฉียนว่า “ซือเฉียน นายต้องรีบแล้วนะ นายไม่แต่งฉันก็แต่งไม่ได้ เห็นไหมคนพวกนี้จ้องจะรังแกเราอยู่ นายต้องรีบแต่งนะ แล้วเดี๋ยวฉันจะรีบตามไป”
กู้ซือเฉียนเหลือบมองเขาแวบหนึ่ง แต่ก็ไม่ได้ปฏิเสธอะไร
ทั้งกลุ่มพากันทานอาหารอย่างครึกครื้น หลังจากทานเสร็จ เพราะหัวเหยาเพิ่งมาที่นี่เป็นครั้งแรก ยังไม่ค่อยเข้าใจธรรมเนียมของคนข้างนอกสักเท่าไร เธอจึงงอแงอยากออกไปเที่ยวเล่น
แต่จิ่งหนิงกับลู่จิ่งเซินนั้นไม่อยากออกไปแล้ว สุดท้ายไม่มีทางเลือก ก็ต้องเป็นจี้หลินยวนที่พาเธอออกไป
รอจนเธอออกไป จิ่งหนิงกับลู่จิ่งเซินแล้วก็ทุกคนที่เหลือ ก็เข้าไปเล่นไพ่ในห้องรับแขกกัน
พวกเขาเล่นตามวิธีท้องถิ่นของที่นี่ ตอนแรกจิ่งหนิงก็ยังเล่นไม่เป็น หลังจากที่ได้เฉียวฉีช่วยสอนเธอไม่กี่ตา จิ่งหนิงก็พอเล่นได้
เฉียวฉียังตั้งใจหยิบกล่องใส่เงินใบใหญ่ออกมาด้วย ก่อนจะพูดขึ้นว่า “คืนนี้ใครก็ห้ามเบี้ยวนะ จะแพ้หรือชนะ ก็ต้องลงเงินกันทุกคน”
หลินเซินเห็นกล่องใบใหญ่ของเธอก็ตกตะลึงไปทันที
“พระเจ้า เฉียวฉี นี่เธอไปปล้นใครที่ไหนมา? ทำไมถึงมีเงินเยอะขนาดนี้?”
เพราะสมัยนี้ก็ไม่ค่อยมีคนใช้เงินสดกันอยู่แล้ว ปกติบ้านใครจะมีเงินสดเยอะเก็บไว้เยอะขนาดนี้กันล่ะ
นี่ขนาดแค่กะด้วยสายตาคร่าว ๆ นะ อย่างน้อยก็คงประมาณสองสามล้านได้อยู่
เฉียวฉีเหลือบมองเขาเล็กน้อย ก่อนจะพูดขึ้นว่า “นายไม่ต้องสนหรอก ว่าฉันเอาเงินมาจากไหน! เงินนายล่ะ? เอาออกมาสิ”
หลินเซินหน้าถอดสีทันที
“ฉันมาเป็นแขกเฉย ๆ นะ ทั้งเนื้อทั้งตัวมีแค่หมื่นกว่าเอง จะไปมีเยอะขนาดเธอได้ไง?”
เขาพูดพลาง หยิบกระเป๋าตังค์ขึ้นมาด้วย
จิ่งหนิงก็พูดขึ้นมาเช่นกันว่า “ฉันก็ไม่ได้มีเงินสดเยอะขนาดนั้นเหมือนกันนะ”
พอเฉียวฉีเห็นดังนั้น เธอก็ขมวดคิ้วแน่น
จนสุดท้าย ลู่จิ่งเซินก็พูดขึ้นมาว่า “เอาแบบนี้ไหม ถ้าแพ้ก็โอนเงินผ่านโทรศัพท์มือถือกันไปเลย จะได้ไม่ต้องยุ่งยากเหมือนเงินสด ต้องมานับมาเสียเวลาอีก”
เฉียวฉีคิดไปคิดมา ก่อนจะตอบตกลง
“ก็ได้ งั้นพวกเรามาเพิ่มเพื่อนในวีแชทกันก่อนดีกว่า”
ดังนั้น ทุกคนจึงเริ่มจากเพิ่มเพื่อนกันก่อน แล้วค่อยเริ่มเล่นไพ่
เล่นกันไปเพียงไม่กี่ตา จิ่งหนิงทั้งแพ้ทั้งชนะพอกัน สุดท้ายคิดไปคิดมา ก็ยังถือว่าเสมออยู่
ด้านเฉียวฉีเธอมีทักษะในการเล่นสูง ชนะติดกันตลอด พอเปรียบเทียบดูแล้ว หลินเซินดูท่าจะหนักที่สุด
เขาแทบจะไม่ชนะเลยตลอดทั้งคืน ทุกครั้งที่เล่นเขาก็แพ้ให้เฉียวฉีตลอด
หลินเซินอดไม่ได้ที่จะโอดครวญออกมาว่า “อะเฉียวนี่เธอโกงรึเปล่าเนี่ย? บอกมานะ เธอโกงแน่ ๆ เลยใช่ไหม?”
เฉียวฉีหัวเราะออกมายกใหญ่ ก่อนจะผลักมือเขาที่จะเข้ามาเปิดไพ่เธอออก พร้อมกับพูดขึ้นว่า “ออกไปนะ! เล่นกับนายฉันไม่ต้องโกงหรอก? แค่หลับตาเล่นฉันยังชนะเลยเถอะ”
หลินเซินจึงตะโกนออกมาเสียงดังว่า “ไม่! นี่มันไม่ยุติธรรม!”
“เร็วเข้า โอนเงินมาเลยนะ!”
ทุกคนพากันหัวเราะออกมาอย่างสนุกสนาน ทั่วทั้งห้องจึงเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะของพวกเขา
ไม่ใกล้ไม่ไกล กู้ซือเฉียนมองภาพที่เกิดขึ้น ก่อนจะยกมุมปากขึ้นเล็กน้อย
เขาไม่ได้เข้าไปรบกวนทุกคนเล่น แต่กลับค่อย ๆ เดินออกไปด้านนอกอย่างเงียบเชียบ
จริง ๆ จิ่งหนิงสังเกตเห็นเขาสักพักแล้ว เธอเห็นเขาเดินออกไปด้านนอก ในใจก็กระตุกไปเล็กน้อย ไม่รู้เหมือนกันว่าเพราะอะไร เธอรู้สึกเหมือนคืนนี้กู้ซือเฉียนเอาแต่ทำตัวแปลก ๆ
แต่เธอก็กำลังเล่นไพ่อยู่ บวกกับตอนนี้มือกำลังขึ้น เธอก็เลยไม่ได้คิดอะไรมาก จึงไม่ได้เดินตามออกไปถามเขา
ทุกคนเล่นกันอยู่หลายชั่วโมง ตั้งแต่สองทุ่ม จนถึงเที่ยงคืน ถึงจะแยกย้าย
สุดท้ายแล้ว ก็เป็นเฉียวฉีที่ชนะเยอะที่สุด จิ่งหนิงแพ้ไปนิดหน่อย ซึ่งจริง ๆ แล้วแค่เธอคนเดียวอาจจะชนะไม่ไหว โชคดีที่มีลู่จิ่งเซินนั่งอยู่ข้าง ๆ คอยชี้แนะ
ยังไงเขาก็ถือว่ายังนิสัยดีอยู่ เวลาที่จิ่งหนิงเล่นเอง เขาก็ไม่เคยเข้าไปแทรกเลย
มีแค่ตอนที่เธอไม่มั่นใจ หรือไม่รู้ว่าจะลงใบไหนเท่านั้น เขาจึงจะช่วยบอกนิดหน่อย
ถึงแม้จะแค่นี้ แต่ทุกครั้งก็เปลี่ยนสถานการณ์จากแพ้เป็นชนะได้ทุกที
หลาย ๆ ตาต่อมา เฉียวฉีกับหลินเซินไม่ยอมกันสักที พวกเขาเอาแต่ปิดไม่ให้ใครเห็น แล้วก็ไม่อนุญาตให้ใครเข้ามามอง
จิ่งหนิงยิ้มกว้าง สุดท้ายหมดหนทาง เลยต้องให้ลู่จิ่งเซินกับจี้หลินยวนไปเล่นวางหมากกันอีกด้านหนึ่ง
แต่ไหนแต่ไรมาจี้หลินยวนก็ไม่ค่อยชอบเล่นอะไรแบบนี้อยู่แล้ว ถ้าเป็นวางหมากยังพอเข้าทางเขาหน่อย ดังนั้นพอได้เข้าไปในห้องแล้ว ทั้งสองคนก็ยังไม่ออกมาอีกเลย
หลังจากเล่นไพ่เสร็จ จิ่งหนิงก็รู้สึกหิวขึ้นมาอีกครั้ง เธอเลยถามเฉียวฉีขึ้นว่า “พวกเธอหิวกันรึยัง?”
แต่เฉียวฉีกลับตอบว่า “อย่าเพิ่งพูดสิ เธอไม่พูดฉันก็ไม่รู้สึก พอเธอพูดขึ้นมา ฉันก็เริ่มหิวแล้วเนี่ย”
จิ่งหนิงยิ้ม “ถ้าตอนนี้ มีมื้อดึกร้อน ๆ สักถ้วยก็คงดี”
หลินเซินรีบเสริมขึ้นว่า “ฉันเอาด้วย ฉันเอาด้วย”
เฉียวฉีเหลือบมองเขา “ดึกขนาดนี้แล้ว นายยังไม่กลับบ้านอีก จะมากินมื้อดึกอะไร?”
หลินเซินกัดฟันอย่างโกรธ ๆ ก่อนจะยกกำปั้นเคาะหัวเธอเบา ๆ “วันนี้เธอชนะได้เงินฉันไปตั้งเท่าไร แค่กินมื้อดึกที่บ้านเธอสักมือมันจะทำไม? ฉันไม่สน ฉันจะกิน”
แน่นอนว่าเฉียวฉีแค่ล้อเขาเล่น พอเห็นท่าทีแบบนั้นเธอก็อดไม่ได้
“ชิ กินก็กินสิ จะมาทำท่าเป็นจริงเป็นจังทำไม”
ขณะที่พูด เธอก็ลุกขึ้นเธอไปห้องครัว เพื่อสั่งให้แม่ครัวทำมื้อดึกให้สักสองสามชาม
เพิ่งจะเดินเข้าไป เธอก็นึกขึ้นมาได้ว่าพวกลู่จิ่งเซินไม่อยู่ เลยเดินกลับออกไปถามจิ่งหนิงอีกรอบว่า “พวกลู่จิ่งเซินจะทานด้วยไหม?”
จิ่งหนิงชะงัก ก่อนจะคิดไปคิดมา “ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน รอก่อนนะ เดี๋ยวฉันไปถามให้”
เฉียวฉีพยักหน้ารับ
จิ่งหนิงเดินออกไปทางห้องหมากล้อมที่อยู่ข้าง ๆ
แต่คาดไม่ถึง ว่ายังเดินไม่ทันถึงประตู เธอก็เจอกับลู่จิ่งเซินและจี้หลินยวนที่ยืนอยู่ตรงระเบียงไม่ใกล้ไม่ไกลพอดี
เธอชะงักไปเล็กน้อย ไม่เข้าใจนิดหน่อย พอกำลังจะอ้าปากถาม ลู่จิ่งเซินก็หันมาเห็นเธอพอดี
เขารีบยกนิ้วชี้แนบริมฝีปากอย่างรวดเร็ว พร้อมกับทำท่าทางให้เธอเงียบ ๆ แล้วจึงกวักมือเรียกเธอให้เข้าไปเบา ๆ
จิ่งหนิงรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย ไม่รู้เหมือนกันว่าเขากำลังทำอะไร
แต่เธอก็ยังเดินเข้าไปหาเขาอยู่ดี พอเดินเข้าไปถึงแล้ว กลับพบว่าสิ่งที่พวกเขายืนมองอยู่คือพื้นที่ว่างเปล่า
เธอเห็นเพียงแค่ กู้ซือเฉียนคุกเข่าอยู่ตรงนั้น พร้อมกับวางอะไรบางอย่างอย่างตั้งอกตั้งใจ
จิ่งหนิงถามขึ้นอย่างสงสัยว่า “เขากำลังทำอะไรอยู่เหรอ?”
ลู่จิ่งเซินตอบพร้อมรอยยิ้มว่า “อีกเดี๋ยวคุณก็รู้”
ท่ามางมีลับลมคนนัยน์ของเขา ทำให้จิ่งหนิงต้องขมวดคิ้วแน่น
ขณะเดียวกัน กู้ซือเฉียนก็ทำท่าเหมือนกับว่าวางของสิ่งนั้นลงไปกับพื้นเรียบร้อยแล้ว เขาหันกลับมา พร้อมกับถามขึ้นว่า “เป็นไง? ตำแหน่งตรงรึยัง?”
ลู่จิ่งเซินยก IPAD ในมือขึ้นมาดู จ้องอยู่สักพัก ก็ยกมือทำท่า OK ส่งให้เขา
กู้ซือเฉียนจึงลุกขึ้นแล้วก็เดินกลับมาทางนี้
พอเดินกลับมาถึงระเบียง เขาก็เพิ่งเห็นว่าจิ่งหนิงก็อยู่ด้วย
จิ่งหนิงถามเขาอย่างสงสัยว่า “เมื่อครู่คุณทำอะไรลับ ๆ ล่อ ๆ อยู่ตรงนั้น?”
กู้ซือเฉียนยิ้ม “ไม่มีอะไร แค่เรื่องสนุกเล็ก ๆ น้อย ๆ น่ะ”
จิ่งหนิงขมวดคิ้ว
สัญชาตญาณของเธอบอกว่า กู้ซือเฉียนกำลังโกหก
แต่ถ้าอีกฝ่ายไม่อยากพูด เธอก็คงไปจี้ถามไม่ได้