วิวาห์หวาน นายซาตานที่รักของฉัน - บทที่ 921 ขอเธอแต่งงาน
เพียงเห็นหลังจากเฉียวฉีและกู้ซือเฉียนเติบโตขึ้น กู้ซือเฉียนออกจากสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าและเฉียวฉีอยู่ที่นั่นเพียงลำพัง
เขาพูดขึ้นเบาๆ: “ความรักระหว่างวัยรุ่นหนุ่มสาว มักจะเต็มไปด้วยความผันแปร พวกเขาเติบโตและสามารถอยู่ด้วยกันอีกอย่างไร้ความกังวล แต่เมื่อโตขึ้นพวกเขาต่างมีหน้าที่และเรื่องที่ต้องทำของตนเอง”
เขาไม่สามารถจะอยู่เคียงข้างเธอ วันนั้นที่เขาออกจากสถานที่ที่พวกเขาเติบโตมาด้วยกัน สำหรับเธอแล้ว ถ้าหากมีสักวันที่คุณคิดถึงฉัน คุณจะมาหาฉัน
เขาเคยคิดว่าเธอคงจะไม่มีทางมาหาเขาอีกแล้ว ที่สุดแล้ว ถึงแม้เธอดูจะพึ่งพาเขามากมาย แต่ในใจของเขารู้ดี แท้จริงแล้วเธอเข้มแข็งและดื้อรั้นกว่าใคร
เธอจะยอมเป็นไม้เลื้อยละตามติดเขาแจได้ยังไงกัน? เธอจะไม่มีทางยอมแน่ ดังนั้นในเวลานั้น เขาได้แต่สาบานกับตนเองในใจว่า เพียงสองปี ภายในสองปี จากนั้นจะกลับไปอยู่เคียงข้างเธอ”
ตอนนั้นเอง แสงไฟหันไปอีกครั้ง
ภาพก็เปลี่ยนไป
กลายเป็นภาพที่พวกเขาสองคนได้พบกันอีกครั้ง
มีรอยยิ้มอบอุ่นอยู่ในน้ำเสียงของเขา
“แต่บนโลกนี้มีเรื่องราวมากมายที่มนุษย์ไม่สามารถคาดเดาได้ เขาเข้าใจไปว่าเธอคงไม่มีวันจะเป็นฝ่ายปรากฏตัวข้างๆ เขา แต่เธอก็ปรากฏตัวขึ้น
พวกเขาได้พบกันอีกครั้ง ได้รักกัน เขาตกหลุมรักและไม่สามารถจะถอนตัวได้ หลายปีนั้น มันเป็นช่วงเวลาที่มีความสุขที่สุดในชีวิตของเขา
แต่กลับมีเรื่องหนึ่งที่ทำให้เขายังไม่ลืม นั่นก็คือ เขาทำงานหนักพยายามเพื่อให้ตัวเองเป็นคนที่แข็งแกร่ง ก็เพื่อจะสามารถปกป้องคนที่เขาต้องการจะปกป้องได้
แต่เธอนั้นช่างดื้อรั้น เธอไม่ต้องการให้เขาปกป้องและไม่อยากจะภายใต้การคุ้มครองของเขา เห็นชัดๆ ว่าเธอสามารถจะมีชีวิตอันหรูหราและแสนสงบสุขได้ แต่เธอกลับไม่เชื่อฟังและเอาตัวเข้าไปเสี่ยงกับอันตรายอยู่เสมอ
เขากระวนกระวาย โมโห โกรธ และทะเลาะกับเธอนับครั้งไม่ถ้วน สุดท้าย ในที่สุดเธอก็บีบให้เธอต้องทิ้งเขาไป”
เวลานี้น้ำเสียงของชายหนุ่มจางลงเหมือนกับเสียงของเชลโล
ภาพกลับมาอีกครั้ง ครั้งนี้ส่วนใหญ่เป็นสีแดงและกลายเป็นภาพการต่อสู้ที่ดุเดือด
น้ำเสียงของเขาทั้งต่ำและแหบห้าว และบอกไม่ถูกถึงความเจ็บปวดและอารมณ์
“ภายใต้สถานการณ์ที่พวกเขาไม่เคยคิดมาก่อน คนที่ยืนอยู่ฝั่งตรงข้ามนั้นควรจะเป็นคนที่กอดให้แน่น พวกเขาแยกจากกันตั้งแต่นั้น
เขาค้นพบเรื่องบางอย่าง ดังนั้นจึงฆ่าพี่น้องและเพื่อนพ้องของเธอ เธอเกลียดเขา และอยากให้เขาตาย
แต่เธอก็ไม่เข้าใจ คนที่เธอคิดว่าพวกเขาเป็นเพื่อนพี่น้องเหล่านั้น แท้จริงแล้วทุกคนล้วนแล้วแต่เป็นหมาป่าในคราบแกะทั้งนั้น
พวกเขาไม่เคยเห็นเธอเป็นเพื่อนที่แท้จริง ทุกเรื่องบังเอิญแท้จริงแล้วถูกวางแผนมาอย่างดี แต่เขาไม่มีหลักฐาน เขาไม่ทางจะบอกเล่าเรื่องเหล่านี้ให้เธอฟังได้
ด้วยเหตุนี้พวกเขาจึงแยกจากกันเป็นเวลาสี่ปี ซึ่งมันควรจะเป็นการเลิกราแบบปกติทั่วไป เหมือนกับคู่รักที่เลิกกันและไม่มีทางกลับมาเจอกันอีก ต่างคนต่างไปคนละฝั่งฟ้า
แต่เขาเองก็ทนไม่ได้ เขาอยากจะรั้งเธอไว้แทบบ้า แต่เพียงแค่ให้เธออยู่ เธอก็จะสู้กลับอย่างรุนแรง
เขากลัว เขาลังเล เขากลัวการต่อสู้กลับจะทำร้ายเธออีกครั้ง เวลานี้ เขาเห็นใบหน้าที่แท้ของพวกเขาแล้ว เขารู้ พวกนั้นต้องการจะฆ่าเธอ
ทั้งศึกภายในและภายนอก เขาไม่มีหนทางอื่นนอกจากส่งเธอเข้าคุก ถึงจะเรียกว่าติดคุก แต่ความจริงแล้วนั้นก็เพื่อปกป้องเธอ”
ภาพหมุนไปอีกครั้งเป็นช่วงเวลาที่เฉียวฉีออกจากคุก
“ดีที่ ถึงแม้จะผ่านไปแล้วสี่ปี แต่เธอก็มีชีวิตอยู่ภายใต้สายตาเขาตลอด เธอปลอดภัย ถึงแม้ว่าสี่ปีนี้จะทำให้ความรู้สึกที่มีต่อเขาในจิตใจของเธอสงบลงแล้ว แต่เขาก็ไม่เสียใจภายหลัง
เขาผูกเธอไว้กับตนเองอีกครั้ง หวังว่าจะได้กลับมารักกันอีกครั้ง และบอกความจริงทั้งหมดที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้กับเธอ
อาจเพราะสวรรค์เห็นใจ หลังจากที่ทั้งสองได้ประสบเรื่องราวต่างๆ กันมา หัวใจของทั้งคู่ก็ค่อยๆ เขยิบเข้ามาใกล้กัน
จนถึงเวลานี้ เขาจึงได้รู้ว่าเรื่องราวทั้งหมดที่ผ่านมา ไม่มีอะไรดีไปกว่าการที่ทั้งสองคนได้อยู่ด้วยกัน”
เฉียวฉียืนอยู่ตรงนั้น และอยู่ในอาการเฉื่อยชา
เธอเงยหน้าและมองไปที่ภาพที่อยู่เหนือศีรษะพร้อมดวงตาที่แดงก่ำ
เวลานี้มีผู้ชายคนหนึ่งน้ำเสียงต่ำมาจากด้านหลัง
“อะเฉียวเธอจะยอมแต่งงานกับฉันไหม?”
เฉียวฉีตัวสั่นอย่างแรงและหันกลับมาในทันที
กลับพบว่ากู้ซือเฉียนเดินลงบันไดมาและยืนอยู่ด้านหลังเธอตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้
เขาคุกเข่าข้างหนึ่ง ชุดสูทสีดำบนตัวเขาดูเป็นทางการและเคร่งขรึม ในมือของเขามีกล่องเครื่องประดับ ภายในกล่อมงนั้นมีแหวนเพชรเม็ดงามใหญ่ละเอียดสีชมพู และแหงนหน้ามองเธออย่างจริงใจ
เฉียวฉีมีน้ำตาไหลเต็มหน้า
กู้ซือเฉียนพูดซ้ำ: “อะเฉียวแต่งงานกับฉันได้ไหม?”
อย่าว่าแต่เฉียวฉีเลย แม้แค่จิ่งหนิงและหัวเหยาที่อยู่ไม่ไกลเห็นภาพแบบนี้ ก็รู้สึกราวกับว่าพวกเขาได้ผ่านประสบการณ์ชีวิตของพวกเขาในหลายปีนี้ ในใจก็อดไม่ได้ที่จะเกิดความรู้สึกซับซ้อนและซับซ้อนขึ้นมา
อย่างไรก็ตาม เฉียวฉีกลับไม่ได้รีบร้อนจะตอบตกลงในทันที
เธอมองไปที่กู้ซือเฉียนครู่หนึ่งแล้วพูดขึ้นเบา ๆ: “คุณบอกว่า สี่ปีนั้น เพื่อปกป้องฉันเหรอ?”
กู้ซือเฉียนพยักหน้า “ใช่”
“คุณรู้อยู่แล้วว่าพวกเขาต้องการจะฆ่าฉัน?”
“ใช่”
“ทำไม?”
เขามองเธออย่างลึกซึ้งโดยไม่พูดอะไร
เฉียวฉีส่ายหน้า น้ำตาไหลอาบแก้ม
“ทั้ง ๆ ที่คุณรู้อยู่แล้วว่าฉันแคร์อะไรมากที่สุด และรู้ว่าแม้ว่าเราจะอยู่ด้วยกัน แต่ลึก ๆ ในใจฉันก็มีหนามที่คอยทิ่มแทง หนามเล่มนั้น ซึ่งปกติไม่พูดถึงมัน แต่มันก็ยังคงอยู่ตรงนั้น คนอื่นไม่รู้แต่ฉันรู้ กู้ซือเฉียน บอกฉันสิ เรื่องทั้งหมดในตอนนั้นมันคืออะไรกันแน่?”
กู้ซือเฉียนเห็นเธอที่น้ำตาไหลอาบหน้าแล้วถอนหายใจเบา ๆ
เขาเงียบไปครู่หนึ่งแล้วพูด: “เรื่องนี้เกี่ยวกับสิ่งที่เธอเคยพบเจอมา อะเฉียว ตอนนี้ฉันยังไม่รู้ความจริงทั้งหมด แต่เหลืออีกเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ฉันไม่รู้ว่าจะบอกเธอยังไงดี”
เฉียวฉีตกใจเล็กน้อย
และได้ยินเขาพูดต่อ: “ฉันพูดได้แต่เพียงว่าฉันไม่ทำร้ายเธอ อะฉี รับปากฉันเถอะนะ แต่งงานกับฉัน ให้ฉันปกป้องเธอไปตลอดชีวิตที่เหลือ ดูแลเธอ ได้ไหม?”
ตอนนี้พวกหัวเหยาก็ทนไม่ไหวแล้ว
พวกเขาตบมือโห่ร้องและพูด “แต่งกับเขา แต่งกับเขา!”
เฉียวฉีหันไปมองพวกเขา
เมื่อมองไปที่กู้ซือเฉียนที่กำลังคุกเข่าอยู่บนพื้น หัวใจของเธอรู้สึกเศร้าและน้ำตาไหลหนักกว่าเดิม
อย่างไรก็ตาม เบื้องหลังความเศร้าโศกอย่างสุดซึ้ง กลับมีความปีติที่ไม่สามารถอธิบายได้
สุดท้ายเธอก็ยื่นมือออกมา
ด้วยน้ำเสียงที่แผ่วเบาแต่ก็ดังพอที่เขาจะได้ยิน “ฉันยินดี”
ความประหลาดใจครั้งใหญ่ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของกู้ซือเฉียน
เขาสวมแหวนบนนิ้วของเธอทันที จากนั้นก็ลุกขึ้นยืนและกอดเธอแน่น
เขากอดเธอแน่นมาก และเสียงของเขาก็แหบแห้งเล็กน้อย