วิวาห์หวาน นายซาตานที่รักของฉัน - บทที่ 932 งานวินิจฉัยอัญมณี
เขามีชีวิตอยู่มาหลายต่อหลายปี และเป็นเวลานานมากแล้วที่เขาไม่ได้เจอคนที่น่าสนใจเช่นนี้
“คุณพูดถูก สิ่งที่ฉันขอให้พวกคุณค้นหาน่ะ มันค่อนข้างที่จะหายากจริงๆ เอาอย่างนี้ไหม ทำไมคุณไม่พูดมาล่ะ ว่าคุณต้องการอะไร?”
เฉียวฉีพูดอย่างเคร่งขรึม “ฉันต้องการให้โรคในร่างกายของฉันได้รับการรักษาอย่างสมบูรณ์”
หนานกงจิ่นหรี่ตาลง
“คุณอยากให้ฉันช่วยรักษามันให้คุณอย่างนั้นเหรอ?”
“ถูกต้อง!”
หนานกงจิ่นเงียบไปครู่หนึ่ง ก็ยิ้มออกมาทันที
“คุณนี่มันไร้เดียงสาจริงๆ หากในโลกนี้มีวิธีรักษาโรคนี้จริงๆ คุณคิดว่าตระกูลใหญ่อย่างตระกูลหนานของเรา ยังต้องทนทุกข์ทรมานจากโรคนี้เป็นเวลาหลายปีทำไม?”
ทันทีที่คำพูดเหล่านี้ออกมา สีหน้าของเฉียวฉีและกู้ซือเฉียนก็เปลี่ยนไป
“คุณหมายความว่า ไม่มีทางรักษาเหรอ?”
“ไม่มี”
ความกดอากาศในห้องลดลงทันที และทั้งสามคนคนก็ไม่มีใครพูดอะไรออกมา
หนานกงจิ่นก็ไม่ได้รีบร้อน เขาเพียงแค่นั่งดูพวกเขาเงียบๆ และดูเหมือนว่าทั้งสองฝ่ายกำลังตกอยู่ในต่อสู้ครั้งใหญ่
ผ่านไปพักหนึ่ง กู้ซือเฉียนก็พูดว่า “คุณต้องการให้เราหาอะไรให้คุณ?”
หนานกงจิ่นยิ้ม “แผ่นหยกคัมภีร์สวรรค์”
….
ตั้งแต่ออกจากคฤหาสน์มา นี่ก็เป็นเวลาเที่ยงวันแล้ว
ทั้งสองไม่ได้อยู่ที่งานเทศกาลไหว้พระจันทร์ของตระกูลหนานต่อ เมื่อออกมาแล้ว ก็ขึ้นเรือออกจากเกาะทันที
ซึ่งฉินเยว่รอพวกเขาอยู่ที่ชายฝั่งแล้ว เมื่อลงจากเรือ ก็ตรงขึ้นเครื่องบิน และบินกลับไปที่เมืองหลินทันที
เมื่อไปถึงปราสาท ก็เป็นเวลาบ่ายสามโมง
ลุงโอสั่งให้ฝ่ายห้องครัวเตรียมอาหารไว้รอแล้ว และทั้งสองที่เหน็ดเหนื่อยจากการเดินทางตะลอน ๆ เมื่อทานอาหารเสร็จจึงพักผ่อน และทบทวนสิ่งที่เกิดขึ้นวันนี้อีกครั้ง
เธอหยิบแผ่นหยกคัมภีร์สวรรค์ที่ได้จากการประมูลขึ้นมา และตรวจดูสักครู่ แล้วกล่าวว่า “ก่อนหน้านี้เราคิดยังไงก็ไม่เข้าใจ ว่าทำไมสมาชิกของตระกูลหนานถึงเอาของชิ้นนี้ออกมาประมูล ตอนนี้ถึงได้รู้แล้วว่า พวกเขาวางแผนไว้นานแล้ว”
สีหน้าของกู้ซือเฉียนทรุดลงเล็กน้อย
“พวกเขาจงใจส่งของชิ้นนี้มาให้เรา โดยงานประมูลนั้น ไม่ว่าใครก็สามารถเข้าร่วมได้ แต่จุดประสงค์ที่แท้จริงนั้น มันถูกจัดเตรียมไว้สำหรับเรา”
เฉียวฉีพยักหน้าเห็นด้วย และถอนหายใจออกมาอีกครั้ง
“คุณคิดว่าพวกเขาหาสิ่งนี้ไปทำไมกัน? ดูจากคุณหนานกงจิ่นแล้วฉันไม่คิดว่าเขาเหมือนคนที่จะเชื่อข่าวลือเรื่องความเป็นอมตะเลย เขาดูไม่สนใจโลกภายนอก แล้วเขาจะมาสนอกสนใจกับสิ่งนี้ได้ยังไง? ”
กู้ซือเฉียนเย้ยหยัน เขาไม่เห็นด้วยกับคำพูดของเธอ
“บางครั้งคนที่ดูไม่สนใจโลกภายนอก แท้จริงแล้วกลับโลภมากกว่าอีก ฉันไม่คิดว่าเขาจะเป็นคนดีอะไรหรอก”
เฉียวฉีชะงัก และหันกลับมามองเขา “ถ้างั้นคุณบอกหน่อยสิว่า ทำไมเขาถึงส่งสิ่งนี้มาให้เรา? ทำไมเขาถึงเลือกให้เราหาชิ้นส่วนที่เหลือให้เขา?”
กู้ซือเฉียนตอบอย่างเฉยเมย “มันง่ายมาก นั่นก็เพราะด้วยเหตุผลบางอย่าง ทำให้เขาไม่สะดวกที่จะยื่นมือออกมาทำด้วยตัวเองน่ะสิ และพวกเราก็ดันไปมีส่วนเกี่ยวข้องแถมยังมีอำนาจอีก ส่วนคุณก็มีเรื่องอาการป่วยที่ต้องขอให้เขาช่วย ดังนั้นเราจึงเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด และสำหรับเหตุผลที่ว่าทำไมสิ่งนี้ถูกส่งมอบให้กับเรานั้น… ”
เขาหยิบแผ่นหยกคัมภีร์สวรรค์ชิ้นนั้นขึ้นมา และดูอย่างพินิจพิจารณาใกล้ๆ
“บางทีอาจจะต้องการให้เราศึกษามันหรือเปล่า? ”
พูดจบ เขาก็ส่ายหน้า “ฉันก็ไม่แน่ใจนัก”
เฉียวฉีถอนหายใจ
“แล้วตอนนี้เราควรทำยังไงกันดี?”
สายตาของกู้ซือเฉียนเคร่งขรึม ครู่หนึ่ง เขาก็ตอบว่า “ตามหามัน”
“จะหายังไง? โลกกว้างใหญ่ขนาดนี้ แถมเราไม่มีเงื่อนงำเลยแม้แต่นิดเดียว แต่เขากลับให้เวลาเราเพียงแค่สี่เดือนเท่านั้น”
ขณะที่ทั้งสองกำลังจะออกมา หนานกงจิ่นให้ยาแก่พวกเขาทั้งหมดสี่เดือน และสั่งให้พวกเขาหาแผ่นหยกคัมภีร์สวรรค์ทั้งสิบสองชิ้นให้เจอภายในสี่เดือน
ตามที่เขาพูด ขณะนี้เขามีห้าชิ้นอยู่ในมือ และกู้ซือเฉียนมีหนึ่งชิ้นอยู่ที่นี่ ซึ่งเท่ากับว่าตอนนี้พวกเขามีทั้งหมดหกชิ้น กล่าวคือ ยังเหลือหกชิ้นที่กระจัดกระจายอยู่ข้างนอกนั่น
จากข่าวลือก่อนหน้านี้ หลายคนเชื่อว่าสิ่งนี้เป็นวัตถุศักดิ์สิทธิ์ที่สามารถทำให้ผู้คนกลับมามีชีวิตอีกครั้ง ทุกคนจึงตามหามัน แต่หลังจากค้นหามานานแสนนาน กลับมีน้อยคนที่จะหาพบ
การที่จะหาแผ่นหยกคัมภีร์สวรรค์ทั้งหกชิ้นในเวลาเพียงสี่เดือนนั้น มันใช่เรื่องง่ายซะที่ไหนกัน?
เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ คิ้วของเฉียวฉีก็ขมวดเป็นปมขึ้นมา
กู้ซือเฉียนหันไปมองเธอ และยิ้มออกมาเล็กน้อย
“ไม่ต้องรีบร้อนไปหรอก ทุกอย่างมีทางออก จากที่เขาพูด การรวบรวมแผ่นหยกคัมภีร์สวรรค์สิบสองชิ้นนี้ จะต้องส่งผลกระทบอย่างมาก ฉันเดาว่าเขาไม่น่าจะเป็นคนเดียวที่รู้ข่าวนี้ ดังนั้นทางที่ดีเราน่าจะลองดูกันก่อน แล้วดูว่าใครจะมาช่วงชิงสมบัติชิ้นนี้ไป ฉันรับประกันได้เลย ว่ากลุ่มคนที่เข้ามาจะต้องมีใครสักคนที่มีมันอยู่แล้วสักหนึ่งหรือสองชิ้น พอถึงตอนนั้นเราก็ค่อยสังเกตและเริ่มลงมือ”
เฉียวฉีครุ่นคิด และพยักหน้าเห็นด้วย
“บางทีนี่อาจเป็นวิธีที่ดีที่สุดในตอนนี้”
เมื่อรู้สึกได้ถึงความกังวลของเธอ กู้ซือเฉียนก็ปลอบโยนเธอไว้ในอ้อมแขนของเขา
“อย่ากลัวไปเลย ทุกอย่างจะต้องได้รับการแก้ไข คุณจะไม่เป็นอะไร พวกเราจะต้องไม่มีใครเป็นอะไร”
เฉียวฉีเอนตัวไปในอ้อมแขนของเขา เธอพยักหน้า และหลับตาลง
สามวันต่อมา เมืองหลินก็จัดงานงานวินิจฉัยอัญมณีขึ้นมาอย่างยิ่งใหญ่
ซึ่งงานนี้ก็ไม่ได้จัดขึ้นโดยใครที่ไหน แต่โดยลูกชายของบุคคลที่ร่ำรวยที่สุดในเมืองหลิน ซึ่งก็คือหลินซงนั่นเอง
หลินซงเป็นลูกผู้ลากมากดีที่เป็นที่รู้จักกันดีในเมืองหลิน และเขาไม่เคยทำอะไรไร้สาระ ดังนั้นเมื่อเขาจัดงานงานวินิจฉัยอัญมณีนี้ขึ้นมา ทุกคนจึงไม่รู้สึกแปลกใจ
แต่กลับกันในสายงานธุรกิจ ทุกคนต่างก็อยากรู้ว่าเขาพบสมบัติหายากอะไรเมื่อเร็วๆ นี้ ดังนั้นเขาจึงแทบรอไม่ไหวที่จะอวดให้ทุกคนได้เห็น
อย่างที่ทุกคนรู้ แม้ว่าคุณชายหลินจะร่ำรวย และขี้อวด แต่สิ่งที่เขาโอ้อวดออกมาทุกครั้งล้วนเป็นสมบัติที่แท้จริงทั้งสิ้น ซึ่งเป็นสิ่งที่คนรวยธรรมดาทั่วไปไม่สามารถเห็นได้
เพราะฉะนั้น ถึงจะวิพากษ์วิจารณ์กันไปต่างๆนาๆ แต่ก็ยังต้องไปอยู่ดี
งานวินิจฉัยอัญมณีนี้จัดขึ้นในโรงแรมที่ใหญ่ที่สุดภายใต้หลินซื่อกรุ๊ป
ณ วันที่จัดงาน แขกเหรื่อต่างมาร่วมงานกันอย่างคับคั่ง และคนที่มีหน้ามีตาที่อยู่แถวนี้ก็มาเกือบทุกคน ทำให้ภายในห้องโถงสนุกสนานรื่นเริง และครึกครื้นขึ้นมาทันตา
หลินซงถือแก้วไวน์แดง นั่งเอนหลังอยู่บนโซฟา ยิ้มให้กับฉากที่มีชีวิตชีวาชั้นล่าง และพูดด้วยรอยยิ้มว่า “นี่ซือเฉียนฉันได้เรียกคนที่มีหน้ามีตาทุกคนในเมืองหลินมาให้นายแล้ว นายคิดจะทำอะไร ก็รีบพูดมาสักที!”
ใครก็คงคิดไม่ถึงว่า งานวินิจฉัยอัญมณีที่จัดขึ้นมาโดยหลินซงนั้น แท้จริงแล้วผู้ที่วางแผนอยู่เบื้องหลังคือกู้ซือเฉียน
กู้ซือเฉียนก็ถือแก้วไวน์ด้วยเหมือนกัน และสายตาก็จับจ้องไปที่ผู้คนที่อยู่ชั้นล่าง
ไม่มีการแสดงอารมณ์ใดๆ บนใบหน้าของเขา ยังคงไว้ด้วยสายตาที่เย็นชา มีเพียงแววตาที่มืดมิดของเขา ที่เผยให้เห็นว่าใจของเขาไม่อยู่กับเนื้อกับตัว
หลินซงใช้ศอกสะกิดแขนเขา และถามว่า “เฮ้ ที่นายต้องการให้ฉันจัดงานเลี้ยงหรูหราใหญ่โตเช่นนี้ ความจริงแล้วต้องการแสดงสมบัติชิ้นไหนกันแน่? ถึงเวลาที่ต้องพูดได้แล้วใช่ไหม?”
กู้ซือเฉียนเหลือบมองเขา
ริมฝีปากบางเปิดออกเบาๆ “แผ่นหยกคัมภีร์สวรรค์”
“หา?”
หลินซงรู้สึกประหลาดใจ “นั่นไม่ใช่ของที่นายประมูลได้จากงานประมูลก่อนหน้านี้เหรอ?”
กู้ซือเฉียนพยักหน้า
“ก่อนหน้านี้มีคนสนใจมันเพียบเลยไม่ใช่เหรอ? ที่ฉันเอามันออกมา ก็เพื่อจะให้ทุกคนได้ยลโฉมสักหน่อย”