วิวาห์หวาน นายซาตานที่รักของฉัน - บทที่ 933 ทำลายชื่อเสียงของเขา
หลินซง: “…”
เขายิ้มอย่างแข็งกร้าว “น้องชาย นายไม่ได้กำลังล้อเล่นอยู่ใช่ไหม? ของสิ่งนั้นมีอะไรให้ดูอีก บอกตามตรง ฉันรู้สึกว่ามีบางคนทำขึ้นมาเพื่อหลอกคนโง่เหล่านั้น นายอย่าทำลายชื่อเสียงของฉันเลย ”
กู้ซือเฉียนพ่นลมออกจากจมูกเบา ๆ “นายแค่กลัวว่าจะเสียชื่อเสียงเหรอ?”
“ทำไมล่ะ? นายจะดูถูกเหรอ?”
กู้ซือเฉียนไม่ได้พูดอะไร แต่สีหน้านั้นก็แสดงท่าทีระอาใจออกมาอย่างชัดเจนแล้ว
หลินซงโกรธจัด และกำลังจะเคลียร์กับเขา ก็ถูกใครบางคนตบเบาๆ ที่บ่า
“คุณชายหลิน!”
เมื่อหันกลับไปมอง ก็พบชายวัยกลางคนพุงพลุ้ยคนหนึ่ง
ชายคนนั้นแซ่เจียง ชื่อเจียงต๋าเขาเป็นตัวแทนอสังหาริมทรัพย์ในเมืองหลิน และเคยเจอกับกู้ซือเฉียนมาแล้วครั้งหนึ่งที่งานเลี้ยงครั้งที่แล้ว ดังนั้นจึงถือว่าเป็นคนรู้จัก
เขายิ้มและพูดว่า “คุณชายหลิน คุณชายกู้ มาอยู่ที่นี่กันหมดเลยเหรอครับ?”
หลินซงพยักหน้า “มีอะไรหรือเปล่าครับ?”
เจียงต๋ายื่นเอกสารในมือให้เขา ด้วยใบหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส “ คุณชายหลินครับ ที่ดินที่คุณดูไว้เมื่อครั้งก่อน คือว่าลูกน้องของผมไม่รู้เรื่องรู้ราว ไม่รู้จักคุณจึงปฏิเสธคำร้องของคุณไป พอผมรู้เรื่องผมก็ได้ดุพวกเขาอย่างรุนแรงแล้ว และนี่ก็คือเอกสารการโอนที่ดินนั้น คุณกรุณารับมันไว้ด้วยเถอะครับ”
หลินซงหรี่ตาลง
เขายิ้มอย่างไม่ค่อยใส่ใจ “ประธานเจียงหมายความว่ายังไงครับ?”
เจียงต๋ายิ้มอย่างหวาดกลัวปนกังวลใจ “คุณชายหลิน ผมรู้ว่าอุตสาหกรรมเล็กๆ ของผมคงไม่เข้าตาคุณ แต่นี่คือน้ำใจจากผม ได้โปรดอย่ารังเกียจเลยนะครับ… ”
ก่อนที่เขาจะพูดจบ หลินซงก็ยกมือขึ้นขัดจังหวะ
เขากล่าวอย่างเคร่งขรึม “ประธานเจียงฉันคิดว่าคุณเข้าใจผิดแล้ว ฉันเคยคิดจะซื้อที่ดินของคุณเพื่อใช้ในการพัฒนาสวนสนุก แต่หลังจากชั่งน้ำหนักดูแล้ว ฉันรู้สึกว่าสถานที่นั้นไม่เหมาะ ดังนั้นฉันจึงไม่ได้สนใจมันอีก น้ำใจของคุณฉันรับไว้แล้วล่ะ ส่วนที่ดินผืนนี้ คุณเอากลับคืนไปเถอะครับ”
เมื่อเจียงต๋าได้ยินเช่นนี้ ก็รู้สึกสับสนเล็กน้อย
หลินซงพูดขึ้นมาอีกว่า “นอกจากนี้ ตระกูลหลินของเราเป็นนักธุรกิจอย่างเป็นกิจจะลักษณะ ไม่ใช่โจรผู้ร้ายที่ไหน แม้ว่าต้องการจะซื้อที่ดินของคุณจริงๆ พวกเราก็จะดำเนินการผ่านช่องทางและขั้นตอนที่เป็นทางการ คุณไม่จำเป็นต้องทำแบบนี้หรอกครับ”
เมื่อพูดถึงตอนสุดท้าย เขาอดไม่ได้ที่จะปรับน้ำเสียงของเขาให้ดูนิ่มนวลลง ดูน่าปวดหัวทีเดียว
เจียงต๋าตอบรับ เขาพยักหน้าทันที “ผมเข้าใจแล้ว ขอบคุณครับคุณชายหลิน ขอบคุณครับคุณชายกู้”
หลิงซงยิ้มอย่างไม่เต็มใจนัก และโบกมือให้เขาไป
หลังจากที่เขาจากไป กู้ซือเฉียนก็ถามว่า “เกิดอะไรขึ้น?”
หลินซงถอนหายใจ
“เฮ้อ อย่าพูดถึงมันเลย คือเมื่อเร็วๆ นี้พ่อของฉันปฏิเสธที่จะให้คุณลุงผู้ชอบเอาเปรียบของฉันมาทำงานที่หลินซื่อกรุ๊ปใช่ไหมล่ะ? มันจะไม่เป็นไรถ้าเขาไม่มา เพราะถ้าเขามาเขาก็จะต้องข่มเหงรังแกคนอื่น และทำพฤติกรรมส่อไปทางฉ้อโกงถูกไหม?” แล้วตอนนั้นที่เราดูที่ดินของเจียงต๋าแต่ยังไม่ได้คิดจะซื้อ ซึ่งตอนนั้นฉันก็ไม่รู้ว่าคุณลุงผู้ชอบเอารัดเอาเปรียบของฉันได้ยินได้ยงไง เจียงต๋าคนนี้ก็น่าจะถูกเขาใช้อำนาจคุกคาม เขาจึงมาขอร้องฉันด้วยความเกรงกลัวและหวั่นวิตกอย่างนี้ไง”
กู้ซือเฉียนขมวดคิ้ว
“สำหรับบุคคลเช่นนี้ หากปล่อยทิ้งไว้ก็เป็นหายนะ”
เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ หลินซงก็ปวดหัวเช่นกัน
“แล้วใครบอกว่าไม่ใช่ล่ะ? แต่เขาดันเป็นน้องชายของแม่ฉัน นายก็รู้จักแม่ของฉันดี เธออยากจะถีบหัวส่งเขาออกไปจริงๆ โวยวายไปสามบ้านแปดบ้าน จนแทบจะใช้ชีวิตในบ้านไม่ได้เลย”
เมื่อเขาพูดแบบนี้ กู้ซือเฉียนก็คงไม่สามารถปริปากออกมาได้อีก
ท้ายที่สุดมันก็เป็นเรื่องในครอบครัว ซึ่งเขาในฐานะเพื่อน พูดถึงแค่นิดๆ หน่อยก็เพียงพอแล้ว
หรือจะพูดให้ถูกก็คือ มันเริ่มที่จะเป็นการยุ่งเรื่องของคนอื่นไปแล้ว
เมื่อคิดแบบนั้น เขาก็เบนสายตาไปที่ห้องโถงแทน
เมื่อเห็นว่าแขกเหรื่อมากันได้ประมาณหนึ่งแล้ว กู้ซือเฉียนก็เหลือบมองดูเวลา ซึ่งเป็นเวลาสองทุ่มตรง เขาพูดด้วยเสียงต่ำทุ้มว่า “เริ่มเลยเถอะ”
หลินซงพยักหน้า “งั้นเดี๋ยวฉันไปจัดการก่อน”
“อืม”
หลังจากที่หลินซงจากไป เฉียวฉีก็เดินเข้ามา
โดยมีฉินเยว่ตามเธอมาข้างๆ ในมือของฉินเยว่ถือกล่องไม้โบราณมากล่องหนึ่ง ซึ่งภายในบรรจุแผ่นหยกคัมภีร์สวรรค์
เธอถามว่า “เอาออกไปตอนนี้เลยไหม?”
กู้ซือเฉียนพยักหน้า
เฉียวฉีไม่พูดอะไร และเดินลงไปข้างล่างกับเขา
เวลาสองทุ่มตรง งานวินิจฉัยอัญมณีก็เริ่มต้นขึ้นอย่างเป็นทางการ
แม้ว่าก่อนหน้านี้หลายคนจะบ่นอุบเรื่องความขี้อวดของหลินซง และดูเหมือนจะค่อนข้างเหยียดหยามซะด้วยซ้ำ แต่พอตอนนี้งานเริ่มต้นขึ้นจริงๆ ความสนใจของทุกคนก็ถูกดึงดูดอย่างช่วยไม่ได้
ณ เวลานี้ พิธีกรยังไม่ขึ้นเวที ทุกคนนั่งอยู่บนที่นั่งชั้นล่าง กระซิบกระซาบกัน และทายกันว่าสมบัติของวันนี้จะเป็นอะไร
จนกระทั่งมีลำแสงส่องสว่างขึ้นบนเวที และโปรเจคเตอร์ขนาดใหญ่ก็ฉายบนม่านสีขาว ทำให้บรรยากาศภายในงานค่อยๆ เงียบลง
ทั่วทั้งสถานที่จัดงาน มีเพียงลำแสงสีขาวที่ส่องสว่างอยู่บนเวทีเท่านั้น ไฟที่เหลือทั้งหมดถูกปิดลงครึ่งหนึ่ง จากนั้นก็เงียบสนิท
มีเสียงจากรองเท้าส้นสูงดังขึ้น และพิธีกรในชุดราตรีก็ก้าวขึ้นไปบนเวที
ลำแสงสีขาวส่องตามร่างเธอไป และสุดท้ายก็เดินไปหยุดอยู่ที่ด้านซ้ายของเวที
เสียงสูงกังวานดังขึ้น “สวัสดีตอนค่ำนะคะทุกคน”
ด้วยการประกาศของพิธีกร งานเลี้ยงที่ยิ่งใหญ่นี้ได้เริ่มขึ้นอย่างเป็นทางการแล้ว
หลังจากแนะนำสั้นๆ พิธีกรก็เริ่มเข้าประเด็น และแนะนำสมบัติในค่ำคืนนี้
“สมบัติที่ปรากฏบนเวทีในค่ำคืนนี้ ฉันคิดว่าพวกคุณหลายคนที่นี่คงเคยได้ยินเกี่ยวกับมันมาก่อนแล้ว และต้องสนใจมันมากแน่ๆ มันเป็นสมบัติล้ำค่าที่ถูกบอกเล่าต่อๆ กันไปทั่วโลกอย่างร้อนแรงในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา แผ่นหยกคัมภีร์สวรรค์”
ทันทีที่เสียงหายไป แสงสีขาวอีกดวง ก็ส่องลงมาทางด้านขวาของเวที และทุกคนก็พบว่า มีตู้กระจกตั้งอยู่ตรงนั้น ในตู้โชว์มีแผ่นหยก สีขาวบริสุทธิ์แผ่นเล็กๆ วางอยู่ ถ้าไม่ใช่แผ่นหยกคัมภีร์สวรรค์แล้วจะเป็นอะไรได้อีก?
แผ่นหยกคัมภีร์สวรรค์แผ่นนี้ จากงานประมูลครั้งก่อน ทำให้หลายคนเคยเห็นมันมาก่อนแล้ว
แต่ในตอนนั้นถ่ายรูปออกมาไม่ได้ จึงได้แค่นึกเสียดาย และคิดว่าคงไม่มีโอกาสได้เห็นมันอีกเลยในชีวิตนี้ หลายคนจึงไม่คาดคิดว่าจะได้เห็นมันอีกครั้งที่นี่
ทำให้ข้างล่างนั้นมีการพูดคุยกันเสียงดังเซ็งแซ่
พิธีกรกล่าวต่อว่า “อย่างที่เราทุกคนทราบ สาเหตุที่แผ่นหยกคัมภีร์สวรรค์ถูกเรียกว่าเครื่องราง เพราะมีข่าวลือว่าของสิ่งนี้มีผลในการฟื้นคืนชีพของคนตาย และความเป็นอมตะ สมบัติชิ้นนี้ถูกประมูลโดยคุณกู้ซือเฉียนเมื่อหกเดือนก่อน และหลังจากศึกษาอย่างละเอียดถี่ถ้วนแล้ว ถึงได้รู้ว่าความจริงแล้วมันมีทั้งหมดสิบสองชิ้น และที่เรากำลังจัดแสดงอยู่ เป็นเพียงแค่ชิ้นเดียวเท่านั้น”
ทันทีที่ได้ยินคำนั้น ผู้คนที่อยู่ข้างล่างเวทีก็ตกตะลึง และการสนทนาก็เร่าร้อนขึ้น
พิธีกรไม่ได้รีบร้อนพูด หลังจากให้เวลาผู้คนด้านล่างตื่นตกใจกันพอสมควรแล้ว ถึงจะแนะนำต่อ
“มีคนเคยสงสัยว่าข่าวลือเกี่ยวกับแผ่นหยกคัมภีร์สวรรค์นั้นเป็นเรื่องจริงหรือไม่ แม้ว่าเราจะยังไม่สามารถยืนยันประเด็นนี้ได้ แต่การสำรวจ รวมไปถึงค้นหาจากหนังสือโบราณหลายเล่มระบุว่า หากรวบรวมแผ่นหยกคัมภีร์สวรรค์ได้ครบสิบสองชิ้น แล้วจะมีสิ่งมหัศจรรย์เกิดขึ้น
ไม่ว่าเรื่องมหัศจรรย์นี้ จะทำให้ฟื้นคืนชีพ หรือเป็นอมตะได้ ขณะนี้ก็ยังไม่มีข้อมูลที่ถูกต้อง แต่หลังจากทำการวิจัยทางวิทยาศาสตร์แล้ว พบว่าวัสดุของแผ่นหยกคัมภีร์สวรรค์ชิ้นนี้เป็นวัสดุที่มนุษย์เราไม่เคยเห็นมาก่อนบนโลกนี้ “