วิวาห์หวาน นายซาตานที่รักของฉัน - บทที่ 943 ไม่อยู่ตรงนี้
เขายิ้มแห้งเสียงหนึ่ง ใบหน้าแสดงความเยาะเย้ยออกมา “ฉันไม่เชื่อตั้งแต่หลายสิบปีก่อนแล้วล่ะ ตอนนี้ฉันสนแค่ตัวเองใช้ชีวิตได้อย่างมีความสุข ใช้ชีวิตได้อย่างสบาย ไม่คิดอะไรอย่างอื่นเลย แม้ว่าหลังจากตายแล้วจะตกลงไปนรกสิบแปดชั้นแล้วยังไง กูไม่สนหรอก!”
เมื่อเขาพูดคำพูดนี้ออกมา กู้ซือเฉียนเปลี่ยนสีหน้าทันที
จิ่งหนิงก็ขมวดคิ้วแน่นเช่นกัน ถามว่า: “ท่านปู่ ท่านพูดแบบนี้ แสดงว่าไม่ยอมช่วยใช่ไหม”
ท่านปู่ชิวมองเธอแวบหนึ่งและยิ้มพูดว่า: “ของที่พวกแกอยากได้ ฉันไม่มีจริงๆ ถ้าอยากได้ชีวิต นี่ฉันมีชีวิตแก่ๆ หนึ่งชีวิต แน่จริงพวกอกก็เอาไปเลย ฉันไม่แคร์”
“แม่งมึงนึกว่ากูไม่กล้าฆ่ามึงจริงเหรอ!”
เพิ่งพูดจบก็ถูกกู้ซือเฉียนพุ่งเข้าไปดึงเสื้อคอไว้
ทุกคนล้วนตกใจมาก เฉียวฉีรีบขึ้นไปดึงแขนของเขาไว้: “ซือเฉียน อย่าใจร้อน!”
แต่กู้ซือเฉียนทนท่านปู่คนนี้นานเกินไปแล้ว เวลานี้ยังจะยอมทนได้ที่ไหน
ควักปืนออกมากระบอกหนึ่งจ่อหัวของเขา กัดฟันไว้ด้วยความแค้น “เชื่อไหมว่ากูยิงมึงให้ตายในนัดเดียวเลย”
ท่านปู่ชิวหรี่ตามองเขา
แม้ว่าถึงเวลานี้แล้ว สีหน้าของเขายังคงไม่ได้เปลี่ยนแปลงอะไร ยังคงเป็นหน้าตาแบบหมูตายไม่กลัวน้ำเดือดลวกอย่างนั้น ยิ่งกว่านั้นบนใบหน้ายังมีรอยยิ้มแบบเยาะเย้ยด้วยซ้ำ
“อยากฆ่าฉันตายงั้นเหรอ ยิงสิ ยิงมาตรงนี้เลย ถ้าฉันตายแล้ว พวกแกก็อย่าหวังจะได้แผ่นหยกคัมภีร์สวรรค์ก้อนนั้นตลอดชีวิตเลย แกกับเด็กผู้หญิงที่แกชอบคนนี้เนี่ยก็รอตายไปเหอะ! ไม่มีใครช่วยเธอได้ ฮ่าๆๆๆๆ…”
เขาหัวเราะขึ้นมาอย่างบ้าคลั่ง หลอดเลือดดำตรงหน้าผากของกู้ซือเฉียนโป่งขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัดมาก นัยน์ตาสีดำคู่หนึ่งจ้องเขาด้วยความโกรธแค้น แทบอยากจะลั่นไกทันทีเลย
จิ่งหนิงเห็นแล้วเปลี่ยนสีหน้าทันที กลัวเขาจะโกรธจนฆ่าท่านปู่ชิวให้ตายเลยจริงๆ
รีบเข้าไปห้ามเขาไว้และพูดว่า: “กู้ซือเฉียน อย่าทำซี้ซั้วเลยนะ!”
เฉียวฉีก็ดึงแขนเสื้อของกู้ซือเฉียนด้วยและพูดเบาๆ ว่า: “ท่านไม่กลัวตาย คุณทำแบบนี้ขู่ท่านไม่ได้หรอกนะ ใจเย็นหน่อย”
ยังไงกู้ซือเฉียนก็ยังมีสติอยู่ เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับความปลอดภัยชีวิตของเฉียวฉี เขาก็ไม่กล้าเอามันมาล้อเล่นเหมือนกัน
ในที่สุดก็วางปืนลงอย่างโกรธเคือง
จิ่งหนิงส่งสายตาให้ลู่จิ่งเซิน ให้สัญญาณเขาพากู้ซือเฉียนออกไปทำจิตใจให้สงบก่อน
ลู่จิ่งเซินกับเธอหัวใจตรงกัน รู้ความหมายของเธอแน่นอนอยู่แล้ว รีบพากู้ซือเฉียนออกไปทันที
หลังจากรอพวกเขาออกไปกันหมดแล้ว จิ่งหนิงจึงหันหน้ากลับไปมองท่านปู่ชิวอย่างจริงๆ จังๆ
เมื่อกี้คอเสื้อของท่านปู่ชิวถูกกู้ซือเฉียนทำจนหลุดลุ่ยแล้ว ขณะนี้กำลังจัดการให้ตัวเองอย่างละเอียด จริงๆ แล้วเป็นชายชราที่แก่หง่อมคนหนึ่ง แต่กลับเหมือนจะพิถีพิถันในการแต่งตัวของตัวเองมากเลย
หลังจากจัดการเสื้อผ้าของตัวเองเรียบร้อย เขาจึงส่งเสียงไม่พอใจออกมาแรงๆ คำหนึ่ง จากนั้นเก็บยาเส้นที่ถูกโยนไปเรี่ยราดกลับเข้าไปในถุงยาเส้นต่อ
จิ่งหนิงกับเฉียวฉีคุยซุบซิบสองประโยค ให้สัญญาณเธอว่าก็ออกไปก่อนเช่นกัน
หลังจากรอเธอก็ออกไปแล้ว ทีนี้จึงยกมือขึ้นมา เอาไฟแช็กจุดบุหรี่ให้ท่านปู่ชิว
ท่าทางของท่านปู่ชิวชะงักทีหนึ่ง เงยหน้าขึ้นมามองเธอ
สีหน้าของจิ่งหนิงเยือกเย็น ไม่มีความรู้สึกเอาใจหรืออยากประจบสักนิดเลย ยิ่งไม่มีความโกรธแม้แต่สักนิดเดียวเลย
เขาจึงยิ้มแห้งๆ เสียงหนึ่ง ก้มหน้าเอาบุหรี่จุดไฟในมือของเธอ
หลังจากจุดบุหรี่เรียบร้อย เขาสูบลึกๆ คำหนึ่ง จากนั้นพิงลงไปที่เก้าอี้อย่างสบาย มองจิ่งหนิงพูดว่า: “อย่าคิดว่าเธออยู่ต่อเอาใจฉันก็สามารถพูดให้ฉันยอมแล้ว ฉันบอกแล้ว ของมันไม่มีก็คือไม่มี ถึงแม้เธอพูดจนปากแตก ฉันก็ไม่ให้พวกเธอโดยเด็ดขาด”
เขาแสดงให้เห็นชัดเจนแล้วว่าฟังไม่เข้าสักอย่าง จะแข็งกับพวกเขาจนถึงที่สุด
จิ่งหนิงก้มหน้าลงเล็กน้อย เงียบแล้วสักพัก
จากนั้นพูดเบาๆ ว่า: “ถ้าท่านไม่ยอมเอาออกมาจริงๆ พวกหนูก็ทำอะไรไม่ได้ ยังไงของก็เป็นของท่าน ท่านไม่ยอมเอาออกมาแล้วจะให้พวกหนูไปแย่งอย่างนั้นเหรอ”
พอพูดถึงตรงนี้ เธออดหัวเราะเยาะตัวเองไม่ไหว
“หนูแค่รู้สึกว่า ท่านปู่ใช้ชีวิตจนถึงอายุนี้แล้ว แต่ยังคงเหมือนชายหนุ่มที่มีอายุน้อย ทำอะไรชอบใจร้อน เพื่อความสุขช่วงสั้นๆ ไม่สนใจผลที่จะตามมา แปดสิบกว่าปีที่ผ่านมานี้ สงสัยใช้ชีวิตไปเสียเปล่าซะแล้ว”
พอเธอพูดแบบนี้ ท่านปู่จ้องตาโตขึ้นมา หันหน้ามองเธออย่างโมโหทันที
“เธอพูดอะไรนะ”
จิ่งหนิงยิ้มอ่อนๆ เดินช้าๆ ไปที่เก้าอี้ข้างๆ นั่งลง“หรือว่าไม่ใช่เหรอ”
เธอยิ้มเบาๆ พูดว่า: “ถ้าหนูเดาไม่ผิด ที่ท่านไม่ยอมเอาของออกมา ไม่ใช่ว่าท่านจงใจอยากหาเรื่องพวกหนู แต่ความจริงคือของนั้นไม่อยู่ในมือของท่านตั้งนานแล้วใช่หรือไม่”
สีหน้าของท่านปู่เปลี่ยนแปลงทันที
จิ่งหนิงก้มหน้าลงเล็กน้อยและยิ้มออกมา
“หนูได้ข่าวว่าเหลนสาวของท่าน ช่วงก่อนหน้านี้อยู่ๆ ก็หายตัวไปแล้ว?”
ทีนี้ท่านปู่ชิวเหมือนก็รู้สึกได้ว่าเธอมาโดยมีการเตรียมตัวมาก่อนแล้ว แม้แต่บุหรี่ก็ไม่สูบแล้ว วางถุงยาเส้นลง มองเธออย่างแหลมคม
“เธออยากพูดอะไร”
“หนูอยากพูดว่า ความจริงของไม่อยู่ที่ท่านตั้งนานแล้ว แต่อยู่ที่เหลนสาวของท่าน ใช่ไหม”
สีหน้าของท่านปู่กลายเป็นดูไม่ดีมากในชั่วขณะเลย
“พูดมั่วล่ะ! ตอนที่เธอไปไม่ได้เอาอะไรติดตัวเลย ส่วนของนี่ก็ยิ่งไม่มีทางเอาให้เธอ!”
“อ๋อ? แต่ได้ข่าวว่าเธออยู่ๆ ก็หายตัวไปกะทันหันไม่ใช่เหรอ ถ้าเป็นหายตัวไปกะทันหัน แล้วท่านรู้ได้ยังไงว่าเธอไม่ได้เอาอะไรติดตัวเลย”
“ฉัน…”
ท่านปู่ไม่ทันสังเกต กลับถูกเธอทำจนพูดไม่ออก หลังจากกลับมารู้ตัวแล้วจึงรู้ว่าเธอกำลังหลอกคำพูดอยู่ ทันใดนั้นโมโหจนหน้าแดงขึ้นมา
“โฮ่ เด็กผู้หญิงคนนี้นี่เล่ห์เหลี่ยมคดโกงจริงๆ มีลักษณะท่าทางเหมือนยายแก่หชินในตอนนั้นเลยจริงๆ แต่ถ้าเธออยากหลอกคำพูดจากปากของฉันก็ยังอ่อนอยู่ ฉันจะบอกเธอ ตอนนั้นที่พวกเราทำมาหากินในวงการอยู่เธอยังไม่เกิดเลย เพราะฉะนั้นรีบเก็บหัวใสของเธอนั้นกลับไปดีกว่า ฉันไม่โดนหลอกแน่นอนหรอก”
จิ่งหนิงส่ายหัว
“หนูไม่ได้อยากให้ท่านโดนหลอก และก็ไม่ได้อยากหลอกคำพูดของท่านด้วย ความจริงพอพูดถึงตอนนี้แล้ว ท่านไม่ยอมเอาของให้พวกหนู หนูก็ไม่จำเป็นต้องพูดกับท่านอะไรเยอะแล้ว แต่หนูคิดว่าบนโลกนี้มีบางสิ่งบางอย่างไม่ได้เป็นสองขั้วหรืออยู่ตรงกันข้ามอย่างเด็ดขาด
ท่านอยากปกป้องเหลนสาวของท่าน พวกหนูอยากหาแผ่นหยกคัมภีร์สวรรค์ให้เจอ เอามันไปช่วยชีวิตของเฉียวฉี ระหว่างสองเรื่องนี้ไม่มีความขัดแย้งกันใดๆ เลย ท่านคิดว่ายังไง”
สีหน้าของท่านปู่ชิวดูแย่มาก
จิ่งหนิงพูดต่อว่า: “หนูไม่รู้ว่าเคยเกิดอะไรขึ้นกับท่าน จนทำให้เหลนสาวของท่านอยู่ดีๆ ก็หายตัวไป แต่หนูรู้ว่าเรื่องนี้มีความเกี่ยวข้องกับแผ่นหยกคัมภีร์สวรรค์แน่นอน ถ้าหนูเดาไม่ผิด เธอน่าจะไม่ใช่หายตัวไป แต่คือตั้งใจซ่อนตัวไว้ใช่หรือไม่ มีคนแอบแจ้งเบาะแสให้กับท่านว่าช่วงนี้จะมีคนมาหาสมบัติก้อนนี้ หรืออาจจะบอกท่านอะไรอย่างอื่นด้วย ทำให้ท่านตัดสินใจ ไม่ยอมให้ของตกอยู่ในมือของพวกหนูใช่หรือเปล่า”
คำพูดทั้งหมดของเธอพูดจบ สีหน้าของท่านปู่ซับซ้อนมาก
เขาคิดไม่ถึงเลยจริงๆ ความคิดที่ตัวเองปกปิดไว้ลึกขนาดนี้ กลับถูกเด็กผู้หญิงอย่างเธอเดาถูกแล้วจริงด้วย