วิวาห์หวาน นายซาตานที่รักของฉัน - บทที่ 954 ท้องอีกแล้ว
ดวงตาลู่จิ่งเซินลึกเล็กน้อย พยักหน้า “โอเค”
ตลอดทางทั้งสองเดินไปจนถึงสุดทางเดิน ทางนี้ ไม่ได้ยินเสียงกรีดร้องภายในห้องแล้ว เธอมองไปนอกหน้าต่าง ถามขึ้นเสียงเบา “คุณว่า หลี่เก๋อนั่นมันเป็นใครกันแน่?”
ลู่จิ่งเซินเล่นนิ้วนุ่มนิ่มของเธออย่างลวกๆ “กลุ่มชาวจีน”
จิ่งหนิงตกตะลึง
“กลุ่มชาวจีน? พวกเขาไม่ใช่ว่า……”
ยังพูดไม่จบ ก็หยุดไป
ลู่จิ่งเซินมองเธอ พูดขึ้นเรียบๆ “ถึงกลุ่มชาวจีนจะล่มสลายแล้ว แต่ยังมีกองกำลังขนาดเล็กเหลืออยู่มาก ฉันเดาว่าหลี่เก๋อมันคงถือเป็นบุคคลสำคัญของพวกมัน คราวนี้ต้องการได้แผ่นหยกคัมภีร์สวรรค์ เดาว่าก็คงได้ยินมาว่าตระกูลหนานต้องการเก็บรวบรวมสิ่งนี้ เลยอยากเอาไปทำข้อตกลง”
จิ่งหนิงพยักหน้า นึกถึงเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืน ยังรู้สึกค่อนข้างหวาดกลัว
“โชคดี โชคดีที่เราได้ของมาก่อนมันหนึ่งก้าว ไม่งั้นถ้าให้ของสิ่งนี้ตกอยู่ในมือมันจริงๆ ถ้ากู้ซือเฉียนเอาสิ่งนี้มาไม่ได้ อาการป่วยของเฉียวฉีก็จะอันตราย”
ลู่จิ่งเซินก็พยักหน้า
“นี่ก็น่าจะเป็นความโชคดีล่ะมั้ง เธอยังไม่ควรตาย แม้แต่พระเจ้าก็ช่วยเธอ”
ทั้งสองคนยืนกันสักพักหนึ่ง จนกระทั่งบนทางเดินมีเสียงดัง “ปัง” ลอยมา กู้ซือเฉียนและเฉียวฉีออกมาจากห้อง
พวกเขาจูงมือเดินมาด้วยกัน
“เป็นยังไงบ้าง?”
กู้ซือเฉียนมีสีหน้าเย็นชา พูดเสียงเข้ม “คนของกลุ่มชาวจีน”
ลู่จิ่งเซินขยิบตาให้กับจิ่งหนิง
จิ่งหนิงถอนหายใจ “เป็นอย่างที่คิดไว้”
คำพูดเธอ ทำให้กู้ซือเฉียนตกตะลึง ตอบสนองอย่างรวดเร็ว แล้วมองลู่จิ่งเซินอีกครั้ง
“คุณเตรียมจะจัดการยังไง?” ลู่จิ่งเซินถาม
กู้ซือเฉียนพูดเสียงเย็นชา “ต่อยสักที แล้วปล่อยไป”
เขาตกลงกับท่านปู่ชิวไว้แล้วว่าไม่เอาชีวิตมัน แน่นอนว่าต้องทำอย่างที่พูดไว้
ลู่จิ่งเซินพยักหน้า จากนั้นก็ยกข้อมือขึ้นอีกครั้งเพื่อดูเวลา
“เวลาไม่เช้าแล้ว เราจองตั๋วเครื่องบินกลับเมืองหลวงแล้ว พวกคุณล่ะ? จะกลับเมืองหลวงกับพวกเรา หรือจะกลับเมืองหลิน?”
กู้ซือเฉียนมองเขา และไม่ลังเล “กลับเมืองหลิน”
“ได้ งั้นพวกคุณเดินทางระมัดระวังด้วย มีอะไรก็โทรหาได้ตลอด”
ทั้งสองคนพยักหน้า สี่คนบอกลาซึ่งกันและกัน จากนั้นก็แยกจากกัน
เมื่อกลับไปถึงเมืองหลวง ก็เป็นเวลากลางคืนแล้ว
ตั้งแต่บ่ายวันนี้ หลังจากจิ่งหนิงเห็นเลือด ช่วงเวลาที่เหลือก็รู้สึกค่อนข้างอึดอัดตลอดเวลา กลับถึงบ้านทั้งร่างก็รู้สึกอ่อนแอ
ลู่จิ่งเซินกลัวว่าเมื่อคืนเธอทรมานมาหนึ่งคืน เป็นหวัดแล้ว จึงเรียกแพทย์ประจำครอบครัวมาช่วยดูเธอ
จิ่งหนิงนอนบนเตียงให้แพทย์ตรวจ ขณะที่ยิ้มแล้วตำหนิเขา “ฉันแค่เหนื่อยเฉยๆ ดูคุณสิกังวลมากขนาดนั้น แถมยังเรียกหมอมา คนที่ไม่รู้จะนึกว่าฉันป่วยหนัก”
ลู่จิ่งเซินอยู่ข้างๆ เฝ้าเธอขณะที่ทำงานในคอมพิวเตอร์ ตอบกลับโดยไม่เงยศีรษะขึ้น “อย่าดูถูกอาการป่วยเล็กๆ น้อยๆ บางครั้งเป็นหวัดก็ทำให้เกิดผลพวงที่ตามมามากมาย ระวังหน่อยดีกว่า”
ในเมื่อเขาพูดแบบนี้ จิ่งหนิงก็ไม่มีอะไรจะพูดอีกต่อไปแล้ว
เห็นแพทย์ตรวจอยู่นานมาก ยังไม่เสร็จ จึงถามขึ้นด้วยความสงสัยอย่างช่วยไม่ได้ “หมอคะ ยังตรวจไม่เสร็จเหรอคะ? ฉันคงไม่เป็นอะไรใช่ไหม?”
แพทย์ขมวดคิ้วแน่น ไม่ตอบเธอ แค่จู่ๆ ก็หันตัวไปหยิบชุดตรวจครรภ์หนึ่งชิ้นออกมาจากกล่องแล้วยื่นให้
“คุณนาย รบกวนคุณไปตรวจในห้องน้ำหน่อยครับ”
จิ่งหนิงตกตะลึง ไม่อยากจะเชื่อนิดหน่อย
“นี่มัน……” เธอหันศีรษะไปมองลู่จิ่งเซิน ลู่จิ่งเซินก็เห็นแล้ว รู้สึกค่อนข้างตกตะลึงเช่นกัน
จิ่งหนิงยิ้มอย่างกระอักกระอ่วน “คงไม่ใช่มั้งคะ เรา……เรามีการป้องกัน”
แพทย์เงียบไปสองวินาที จากนั้นก็พูดอธิบาย “มาตรการคุมกำเนิดทั้งหมดมันไม่มีทางได้ผล 100% ครับ ผมก็เลยแนะนำให้คุณไปลองตรวจสอบดูก่อน ถ้าผลออกมาเป็นบวก ผมค่อยทำการตรวจสอบเชิงลึกให้คุณ”
จิ่งหนิงหมดหนทาง จริงๆ แล้วในใจก็รู้สึกกังวลนิดหน่อย จึงรับมาแล้วลุกขึ้นไปตรวจ
โดยไม่คาดคิด ในเวลานี้ลู่จิ่งเซินก็ยืนขึ้นมาเช่นกัน ก้าวเท้ายาวเดินไปด้วยใบหน้าประหม่า “ฉันจะไปกับคุณ”
จิ่งหนิงสีหน้าแข็งทื่อทันที
เงยหน้าขึ้น จ้องมองเขา
“คุณนั่งดีๆ เถอะ!”
แพทย์ยังอยู่ ไปเข้าห้องน้ำกันสองคน มันเหมือนอะไร?
ลู่จิ่งเซินถูกเธอดุอย่างน่าพิศวง รู้สึกน้อยใจนิดหน่อย แต่เมื่อนึกถึงความเป็นไปได้ที่แพทย์เพิ่งพูด ก็รู้สึกตื่นเต้นนิดหน่อย
จริงๆ แล้วเขาอยากมีลูกอีกคนมาโดยตลอด แต่หนึ่งคือกลัวว่าจิ่งหนิงจะลำบาก อย่างไรแล้วคลอดลูกมันก็เหนื่อยและเจ็บปวดเกินไป สองคือช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาจิ่งหนิงยุ่งกับการทำงานและอยู่เป็นเพื่อนอานอานและจิ้งเจ๋อน้อย ไม่มีเวลาคลอดลูกเลย
ดังนั้น ช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาทั้งสองคนก็ใช้มาตราการคุมกำเนิดตลอด
นอกจาก……คืนก่อนหน้านั้นที่เมืองหลิน
คิดถึงตรงนี้ สีหน้าเขาก็เปลี่ยนแปลงอย่างช่วยไม่ได้
ในเวลานี้ จิ่งหนิงเข้าไปในห้องน้ำแล้ว ปิดประตูลง
เขาไม่กล้าเข้าไป กลัวถูกเธอด่า ทำได้แค่เฝ้าทางเข้าประตู
แพทย์ยืนข้างๆ เป็นครั้งแรกที่ได้เห็นท่านประธานของตัวเองกลัวจนตัวสั่นแบบนี้ ทั้งร้อนอกร้อนใจและระมัดระวัง จึงก้มหน้าเม้มปากยิ้มขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้
โดยไม่คาดคิดเพิ่งเผยรอยยิ้มออกไปเพียงเล็กน้อย ก็ถูกลู่จิ่งเซินจ้องเขม็ง
“ห้ามยิ้ม!”
แพทย์รีบทำหน้าเคร่งขรึม พยักหน้าอย่างจริงจัง “ครับ”
อย่างรวดเร็ว จิ่งหนิงก็ออกมาแล้ว
ลู่จิ่งเซินรีบเข้าไป “เป็นยังไงบ้าง?”
สีหน้าจิ่งหนิงแย่มาก โยนชุดตรวจครรภ์ไว้ในอ้อมแขนเขา แล้วพูดอย่างเย็นชา “เป็นยังไงเหรอ? ดูเองสิ!”
พูดจบ ก็กลับไปนอนบนเตียงอย่างขุ่นเคือง
ลู่จิ่งเซินหยิบชุดตรวจครรภ์นั้นขึ้นมา มองดูอย่างรอบคอบ อย่างที่คิดไว้ ขึ้นสองขีด!
หัวใจเอ่อล้นด้วยความสุข แต่ไม่นานก็นึกได้ว่าจิ่งหนิงน่าจะไม่อยากมีลูกตอนนี้ จึงรีบหุบยิ้ม เดินเข้าไปด้วยใบหน้าเคร่งขรึม
“ภรรยาครับ”
เขานั่งข้างเตียง โอบไหล่เธอไว้ แล้วพูดเสียงอ่อนโยน “ไม่เป็นไรนะ ถ้าคุณไม่ต้องการเด็กคนนี้ เราเอาออกได้ แค่คุณมีความสุข……”
ยังพูดไม่จบ ก็ถูกจิ่งหนิงผลักออก
เธอมองลู่จิ่งเซินอย่างไม่อยากจะเชื่อ เหมือนมองผู้ชายเลวๆ ที่บาปอย่างไม่น่าให้อภัย
“ลู่จิ่งเซิน! นี่คุณพูดอะไร? คุณมีความเป็นมนุษย์ไหม นี่ลูกคุณนะ ไม่คิดว่าคุณจะพูดว่าจะเอาออก! คุณบ้าไปแล้วเหรอ?”
ลู่จิ่งเซินตกตะลึง ค่อนข้างงุนงง
สถานการณ์นี้ทำไมมันไม่ค่อยเหมือนที่เขาจินตนาการไว้?
จิ่งหนิงนั่งกลับไปโดยไม่สบอารมณ์ และไม่มองเขา พูดขึ้นอย่างเย็นชา “ฉันไม่สน ฉันจะคลอดเด็กคนนี้!”
ลู่จิ่งเซินถึงได้ตอบสนองในที่สุด รู้สึกยินดีมาก
เขารีบพยักหน้า “ได้ คลอด! ต้องคลอด!”
ขณะที่เขาพูด ก็หันศีรษะไปทางแพทย์ “คุณ! รีบเตรียมทำการตรวจโดยละเอียดให้ภรรยาฉัน ต้องรับประกันความปลอดภัยและความแข็งแรงของเธอและลูก”
แพทย์พยักหน้าตอบรับ “ครับ”
ขณะที่เขาพูด ก็คิด “งั้นจองพรุ่งนี้ดีไหม? ทำการตรวจครรภ์ช่วงต้นอย่างละเอียดก่อน พอแน่ใจแล้วค่อยเตรียมการตรวจภายหลัง”
ลู่จิ่งเซินพยักหน้า “ได้ จัดการตามที่คุณว่า คุณลงไปเตรียมตัวเถอะ”
“ครับ”
แพทย์ถึงได้ออกไป