วิวาห์หวาน นายซาตานที่รักของฉัน - บทที่ 991 ตั้งครรภ์ครั้งเดียวได้คู่แฝด
พอถึง ณ เวลานี้ โจวจื่อหมิงคนนี้ก็ได้ทำเรื่องให้มันบานปลายได้ถึงขั้นนี้แล้ว แน่นอนว่าลู่หลันจือก็จะโทษอะไรเขาไม่ได้อีก
ฉะนั้นก็เลยทำได้เพียงยิ้มแห้งแล้วโบกมือ
“ช่างมันเถอะๆ ไหนๆคุณก็พูดขนาดนี้แล้ว งั้นฉันก็ใจกว้างพอที่จะให้อภัย ตอนนี้ก็จะไม่ต่อรอง โต้เถียงกับพวกคุณแล้ว ”
“แต่ว่า คุณก็จำเป็นต้องจำไว้นะ ว่าฉันไม่อนุญาตให้คนพวกนั้นออกมาทำเรื่องทุลักทุเลอีก ไม่อย่างงั้นสุดท้ายแล้วฉันจะไม่ยอมปล่อยไว้ง่ายๆแน่”
โจวจื่อหมิงพยักหน้า
“คุณลู่ ได้โปรดไว้ใจได้เลย เรื่องนี้ผมจะควบคุมดูแลให้ถึงที่สุดอย่างแน่นอน จะไม่ให้เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นอีกเป็นครั้งที่สองแน่นอนเด็ดขาด”
ผู้คนที่เห็นเช่นนี้แล้ว ก็ไม่ได้พูดอะไรอีกเลย ลุกขึ้นเตรียมตัวจะจากไป
โจวจื่อหมิงก็ได้หยุดพวกเขาไว้อีกครั้ง
เขาหัวเราะแล้วพูดว่า:“เขาว่ากันว่าเชิญมาเจอกันไม่เท่ากับการเจอโดยความบังเอิญ ผมนึกไม่ถึงจริงๆ ว่าครั้งนี้จะมาเจอพวกคุณที่เมืองTโดยบังเอิญ ไหนๆ ก็มาแล้ว แล้วผมก็ล่วงล้ำไปก่อน หลังจากนี้ถ้าหากว่าพวกคุณยังจะอยู่เมืองTต่อล่ะก็ เอาเป็นว่าติดต่อผมแล้วกัน ผมสามารถพาพวกคุณไปเที่ยวรอบๆ ได้ อีกอย่างหนึ่งคืออยากขอยกโทษให้ผม สองคือถือว่าทำหน้าที่ในฐานะที่เป็นเจ้าถิ่นหน่อย”
ขณะที่พูดอยู่ ก็ได้เอานามบัตรออกมา แจกให้กับพวกเขาคนละใบ
ลู่หลันจือมองดูรอบๆอย่างผ่านๆ พร้อมพูดขึ้นมาว่า:“พวกเรายังต้องอยู่อีกเป็นเวลาสองวัน ถ้ามีอะไรที่จะขอให้ช่วยจะติดต่อกลับไปหาคุณ”
โจวจื่อหมิงพยักหน้ารับเก้อๆ ลู่จิ่งเซินผู้คนเหล่านี้ถึงจะจากไป
พอเดินออกจากบาร์ ลู่จิ่งเซินไม่ได้นั่งรถคันเดียวกันกับลู่หลันจือ
เพราะว่าก่อนหน้านี้ลู่หลันจือได้ขับรถมาเอง แต่ลู่จิ่งเซินพวกเขาคือขับรถอีกคันมา ฉะนั้น หลังจากที่เดินออกมาแล้ว ทุกคนก็ต่างขึ้นไปนั่งของตัวเอง
แต่เจ้านายหยู เพราะไม่ได้กลับทางเดียวกันกับพวกเขา เพราะฉะนั้น หลังจากที่ได้ทักทายพวกเขาแล้ว ก็ได้นั่งรถตัวเองแล้วจากไป
พอหลังจากที่ทุกคนได้กลับกันหมดนั้น ลู่จิ่งเซินกับจิ่งหนิงนั่งอยู่ในรถ
จิ่งหนิงถึงกับอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจแล้วพูดว่า:“นึกไม่ถึงจริงๆ ทีแรกนึกว่าการออกมาครั้งนี้ จะผ่านไปอย่างราบรื่นด้วยดี แต่กลับมาพบเจอกับเรื่องอย่างนี้”
ลู่จิ่งเซินก็พยักหน้ารับเนิบๆ “มันค่อนข้างบังเอิญเหมือนกัน”
จิ่งหนิงถามด้วยความสงสัย:“จะว่าไป ความรู้สึกที่โจวจื่อหมิงคนนี้ให้กับผู้คนมันรู้สึกแปลกๆ ทั้งๆที่ฉันรู้สึกได้ถึงมีความชอบธรรมในตัวเขาอย่างเห็นได้ชัด แต่ทำไมถึงมาอยู่ในสถานที่แบบนี้ได้ล่ะ เปิดร้านที่บรรยากาศเลวทรามป่าเถื่อนอย่างนี้ ดูไปก็ดูออกว่าเป็นบาร์ใต้ดินที่ไม่ค่อยเคร่งครัดเท่าไหร่นัก?”ลู่จิ่งเซินมองดูเธออย่างลึกซึ้ง “เขาอาจจะมีความยากลำบากที่หลีกเลี่ยงไม่ได้หรือเปล่า ผมก็ไม่ค่อยรู้เรื่องสักเท่าไหร่ ตอนที่พวกผมเรียนมหาลัยตอนนั้น ความสัมพันธ์ค่อนข้างดี แต่พอหลังจากที่จบออกมาก็ต่างคนต่างไปทางของตัวเอง ไม่ได้ติดต่อกันอีกเลย ฉะนั้นผมก็ไม่ค่อยรู้ว่าหลายปีมานี้เขาเจอกับเรื่องอะไรมาบ้าง”
จิ่งหนิงทำเสียงตอบรับและพยักหน้า
“นั่นมันก็จริงอยู่ แต่ฉันมองว่าเขานั้นมีพรสวรรค์ มาอยู่ในที่แบบนี้ ช่างเสียดายจริงๆ”
ลู่จิ่งเซินจับมือเธอไว้
“เอาน่ะ อย่าไปสะเทือนใจมากกับเรื่องของคนอื่นหน่อยเลย คุณเป็นยังไงบ้าง?เมื่อกี้ทำให้คุณตกใจไหม น้องไม่เป็นไรใช่ไหม?”
จิ่งหนิงพยักหน้า ยิ้มแล้วพูดว่า:“ฉันไม่เป็นอะไร ยังดีอยู่ ลูกชายคุณเป็นเด็กดีมาก ไม่ได้กวนฉัน ฉะนั้นคุณไว้ใจได้เลย”
ลู่จิ่งเซินพอเห็นเช่นนี้ ถึงจะยิ้มแล้วดึงเธอมากอดไว้ที่อก
พอกลับมาถึงที่พัก ถึงแม้ว่าจิ่งหนิงจะพูดว่าตัวเองไม่เป็นอะไรมาก แต่ลู่จิ่งเซินก็กันไว้ดีกว่าแก้ ก็ได้วิ่งไปหาเชวซู่ขอร้องให้เขามาตรวจดูจิ่งหนิงสักหน่อย
เชวซู่และโม่ไฉ่เวย เพราะเป็นห่วงพวกเขา จึงไม่ได้นอนกันเลย พอรู้ว่าพวกเขากลับมาแล้ว ก็รีบมากันหมด
ณ ตอนนี้ลู่หลันจือได้กลับห้องพักแล้ว ยังไม่ได้ออกมา จิ่งหนิงจึงได้เล่าเรื่องที่เกิดในบาร์ให้พวกเขาฟัง
พอหลังจากที่ทั้งสองคนฟังจบ ก็รู้สึกตกตะลึงกันหมด ไม่คาดคิดว่าจะเกิดเรื่องราวอย่างงี้ขึ้น
โม่ไฉ่เวยถอนหายใจแล้วพูดว่า:“ไม่เป็นอะไรก็ดีแล้ว ก็เกรงว่าจะเกิดเรื่องอะไรกับพวกคุณ เราไม่คุ้นเคยกับที่นี่ พอถึงตอนนั้นจะทำยังไงกันดี ”
จิ่งหนิงยิ้มหวาน จับมือเธอแล้วปลอบเธอ
“แม่คะ พวกเราไม่เป็นอะไรกันแล้ว คุณแม่ก็ไม่ต้องเป็นห่วง มันก็แค่เรื่องเข้าใจผิดกันแค่นั้นเอง”
ลู่จิ่งเซินก็พยักหน้าตอบกลับ “ใช่ครับ คุณแม่สุขภาพไม่ค่อยดี กลับไปพักผ่อนก่อนดีกว่านะครับ ทางเราสบายดี ไม่เป็นอะไรหรอกครับ”
โม่ไฉ่เวยพอเห็นเช่นนี้ ถึงจะพยักหน้าตอบรับ
ในเวลานี้ เชวซู่ก็ได้ตรวจดูร่างกายจิ่งหนิงเสร็จเรียบร้อย
ลู่จิ่งเซินถามด้วยความกังวล:“เป็นยังไงบ้าง?ไม่เป็นอะไรใช่ไหม?”
เชวซู่มองดูเขา
สีหน้าค่อนข้างแปลกประหลาด
เขาไม่มองค่อยยังดี พอเขามองไป ลู่จิ่งเซินก็ยิ่งกังวลเข้าไปใหญ่
“หนิงหนิงเธอไม่เป็นอะไรใช่ไหม?”
เขาก็ได้ถามอีกรอบ
เชวซู่พยักหน้า “ไม่เป็นอะไร”
พอสักพัก ก็พูดขึ้นมากะทันหันว่า :“พวกคุณโชคดีมาก”
“หืม?”
ทั้งสองคนนิ่งไปสักพัก ไม่เข้าใจที่เขาพูดอย่างนี้มันหมายความว่ายังไง
เชวซู่หัวเราะเบาๆและพูดว่า:“ยินดีกับคุณด้วย ครั้งนี้คุณอาจจะเป็นพ่อของคนสองคนทีเดียวเลย”
ลู่จิ่งเซินตกตะลึงอยู่พักใหญ่ แต่พอไม่นาน ก็ได้ตั้งสติขึ้นมาได้
“นี่คุณ เมื่อกี้คุณพูดว่าอะไรนะ?พ่อของคนสองคนคือหมายถึงอะไร?”
ถึงแม้ว่าในใจนั้นมีคำตอบอยู่แล้ว แต่ก็ไม่กล้าเชื่อสักเท่าไหร่
เชวซู่ได้พูดว่า:“ความหมายก็คือภรรยาของคุณได้ตั้งครรภ์เป็นลูกแฝด ไม่ชัดเจนว่าเป็นลูกชายหรือลูกสาว แต่รับรองได้ว่าเป็นลูกแฝดแน่ๆ”
ลู่จิ่งเซินมีความสุขมากเมื่อพูดเช่นนี้
กอดจิ่งหนิงอย่างแน่นหนาแล้วได้หอมเธออย่างแรง
โม่ไฉ่เวยและเชวซู่รู้สึกเขินเล็กน้อยเมื่อเห็นสิ่งนี้ หลังจากพูดคุยกับพวกเขา พวกเขาหันหลังเดินจากไปและกลับไปที่ห้องของพวกเขา
จิ่งหนิงกลับยังไม่โต้ตอบอะไร
จนกระทั่งพวกเขาได้เดินจากไป สมองของเธอก็ยังมึนงงอยู่ และคำพูดเชวซู่เมื่อตะกี้ก็ยังดังก้องอยู่ในหัวสมองของเธอ
ลู่จิ่งเซินเห็นท่าทางของเธอที่งุนงงอยู่ ยิ้มและหยิกแก้มของเธอ
“หนิงหนิง คุณกำลังคิดอะไรอยู่?ดีใจมากเหมือนกันใช่ไหม?”
จิ่งหนิงเงยหน้าขึ้นและจ้องมองเขา
ณ ตอนนี้ เธอค่อยตั้งสติขึ้นมาได้ และใบหน้าของเธอก็ดูเคร่งขรึม
“ฉันดีใจอะไร?สองคนเลยนะ!ที่บ้านก็มีแล้วสองคน,แล้วยังจะมาอีกสองคน……”
ไม่จำเป็นต้องพูดถึง เธอก็สามารถนึกได้เลยว่าชีวิตในอนาคตข้างหน้าของเธอนั้นจะต้องทรมารแค่ไหน
ไม่ใช่ว่าเธอไม่ชอบเด็ก แต่คุณลองนึกสภาพที่มีลูกสี่คนที่บ้านออกได้ไหม?
ไม่ว่าจะมีคนรับใช้สักกี่คน พอเวลาที่เด็กๆ ต้องการแม่ขึ้นมา เธอก็จะไม่มีเวลาและวุ่นวายมากเกินไป
ลู่จิ่งเซินรับรู้ถึงความกังวลของเธอ ยิ้มพร้อมกับโอบกอดเธอและดึงเข้ามาตรงหน้าอก
“ไม่ต้องกังวล หลังจากนี้ผมจะช่วยคุณเอง ไม่ให้พวกเขามากวนคุณ หนิงหนิง นี่เป็นลูกของเรา และเป็นสัญลักษณ์แห่งความรักของเรา ผมดีใจมากจริงๆ”
ที่จริงในใจของจิ่งหนิงก็ไม่ใช่ว่าไม่ดีใจเลย
ท้ายที่สุด ก็ไม่มีแม่คนใดที่ไม่มีความสุขเพราะเธอตั้งครรภ์เป็นลูกแฝด
ครั้งเดียวได้รางวัลใหญ่ตั้งสองรางวัล เป็นใครจะไม่รู้สึกโชคดีล่ะ?
เมื่อคิดได้เช่นนี้ เธอก็อดยิ้มไม่ได้
ได้เอาศีรษะพิงไว้ที่อกของลู่จิ่งเซิน พูดด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาว่า:“คุณว่า พวกเขาจะเป็นเด็กผู้ชายหรือเด็กผู้หญิงหรือ?”
ลู่จิ่งเซินกระซิบเบาๆ:“ไม่ว่าจะชายหรือหญิง ผมก็ชอบหมด”
จิ่งหนิงขมวดคิ้วและเหลือบมองเขา
“ฉันหวังว่าเป็นเด็กผู้หญิง”
เธอยิ้มและพูดว่า:“เด็กผู้หญิงมันช่างแสนดีเหลือเกิน หวานแหววเหมือนอานอานเลย”
ลู่จิ่งเซินหัวเราะเบาๆ “ชายหญิงก็ดีหมด ถ้าหากเป็นเด็กผู้หญิง ก็จะเป็นคุณหนูของตระกูลลู่ ถ้าหากเป็นเด็กผู้ชาย เมื่อโตเป็นผู้ใหญ่ก็สามารถมาช่วยผมปกป้องคุณได้ ก็ดีเหมือนกันนิ?”