ศพ - ตอนที่ 215 ถอยกลับ
ตอนที่ 215 ถอยกลับ
ฉากแปลกประหลาดนี้ ทําให้พวกเราทุกคนตกตะลึง
จนกระทั่งหมอกดํากลับเข้าไป พวกเราก็ยังยืนอึ้งอยู่ที่เดิม
ทุกคนก้มมองกล่องบนพื้น พร้อมกับทําหน้าเหวอ
ส่วนจิ้งจอกทั้งสามตัว ยังคงกลัวเหมือนเดิม ตอนนี้พวกมันตัวสั่น ค่อยๆลุกขึ้นมาจากพื้น
เมื่อเห็นจิ้งจอกสามตัวลุกขึ้นอีกครั้ง พวกเราถึงได้สติกลับคืนมา ในเวลาเดียวกันก็แสดงท่าทางหวาดระแวงทันที
เมื่อกี้พวกเราฟังเสียงในหมอกสีดํา ชัดเต็มสองรูหู เขาสั่งให้พวกมันกลับไปที่เขาจิ้งจอกหรืออะไรสักอย่างแล้วคอยฟังคําสั่ง
ความหมายในคําพูดชัดเจน จิ้งจอกทั้งสามตัว ไม่ใช่จิ้งจอกชั่ว
แต่เป็นเพราะได้รับคําสั่งให้ลงเขา มาปกป้อง “ บ้านเซียน ”
ดูเหมือน บอสขาใหญ่ในภูเขาลูกนี้ จะไม่พอใจกับการกระทําของพวกมันเป็นอย่างมาก
มองจากสถานการณ์ในตอนนี้ เรื่องนี้ไม่ต้องถึงมือพวกเราอีกแล้ว เพราะมีคนมาจัดการพวกมัน ระบายความโกรธให้พวกเรากับลุงหลิวแล้ว
ตอนนี้ ขอแค่จิ้งจอกทั้งสามตัวไม่เล่นลูกไม้กับพวกเรา พวกเราก็จะไม่เข้าไปยุ่งกับพวกมันอีกแล้ว
ขณะที่จิ้งจอกสามตัวลุกขึ้น สีหน้าและท่าทางของพวกมันก็ค่อยๆกลับมาเป็นปกติ
ตอนนี้พวกเราได้ยินสาวน้อยคนนั้นพูดกับจิ้งจอกเฒ่าว่า “ ปู่ ตอนนี้ ตอนนี้พวกเราจะทํายังไงดี ”
เมื่อตาแก่ได้ยินคําพูดนี้ เขาก็อดไม่ได้ที่กวาดสายตามาทางพวกเรา หลังจากนั้นก็ถอนหายใจออกมา “ ชั่งเถอะชั่งเถอะ ! พระแม่สั่งแล้ว พวกเรารีบกลับเขาจิ้งจอกก่อนเถอะ ! หวังว่ากลับไปครั้งนี้ พวกเราจะยังมีโอกาสได้ลงเขาชูหม่าอีก”
หลังจากพูดจบ ตาแก่คนนั้นยังหันมามองพวกเราตามจิตใต้สํานึก
ไม่ใช่แค่นี้ เขายังส่งสายตาจ้องที่ตัวผม “เจ้าเด็กน้อยคิดไม่ถึงว่าแกจะมีสมบัติล้ำค่าแบบนี้ ถึงกับสามารถติดต่อกับพระแม่ของเราได้ เป็นเพราะข้าดูถูกพวกแกเอง ! ถ้ายังอยู่ร่วมโลกกัน สักวันพวกเราอาจมีชะตาได้เจอกันอีก ”
หลังจากพูดจบ ตาแก่ก็หันไปพูดกับจิ้งจอกสองตัวว่า “ พวกเรากลับ ! ”
เสียงเพิ่งเงียบลง จิ้งจอกเฒ่าก็หมุนตัวอย่างรวดเร็ว วินาทีที่เขาหมุนตัว ทันใดนั้นหมอกสีดําก็ห่อหุ้มตัวเขาเอาไว้
เมื่อเขาออกมาปรากฏตัวอีกครั้ง หมอกสีดําก็กระจายตัวหายไปจนหมด
รูปร่างมนุษย์ของตาแก่ก็หายไปเช่นกัน ตอนนี้เขากลายร่างเป็นจังจอกเฒ่าดังเดิม
จิ้งจอกเฒ่าไม่มีทีท่าว่าจะอยู่ต่อ เขาใช้ปากคาบโกศเอาไว้ หลังจากนั้น ก็วิ่งเข้าไปในพุ่มไม้ที่อยู่ข้างๆอย่างรวดเร็ว
ส่วนสองคนที่เหลือ ก็เป็นเช่นเดียวกัน
วินาทีที่พวกเธอหมุนตัว หมอกสีดําก็เข้ามาห่อหุ้มกาย หลังจากนั้นก็กลายร่างเป็นจิ้งจอก
พวกมันวิ่งไปพร้อมกับจิ้งจอกเฒ่า เข้าไปในป่า และหายไปจากสายตาของพวกเราอย่างรวดเร็ว
ขณะมองจิ้งจอกเฒ่าจากไป พวกเราก็ไม่พูดอะไร หรือพูดได้ว่าไม่รู้จะพูดอะไรดี
นอกจากอารมณ์ของผมจะไม่ค่อยมั่นคงแล้ว ท่าทีของอาจารย์ ท่านนักพรตตู๋และคนอื่นๆ ต่างกลับมาสงบอย่างรวดเร็ว
เพราะมีชีวิตมาจนถึงอายุของพวกเขา และยังทํางานในสายงานนี้มานานขนาดนี้
สัตว์เดรัจฉานที่แข็งแกร่งแบบนี้ พวกเขาก็คงเคยเจอมาแล้วไม่น้อย
โดยเฉพาะท่านนักพรตตู๋ เคยใช้ชีวิตร่อนเร่พเนจรมาก่อน เขาคงคุ้นเคยกับเรื่องแบบนี้แล้ว
ตอนนี้จิ้งจอกทั้งสามตัวได้จากไปแล้ว ท่าทางของเขาก็ไม่เปลี่ยนไปมากนัก เพียงพูดออกมาเป็นคนแรกเท่านั้น “ ตอนนี้ดูเหมือนเจ้าพวกนั้นจะไม่ใช่จิ้งจอกชั่ว ในเมื่อมีคนมาสั่งสอนมันแทนพวกเราแล้ว งั้นพวกเราก็กลับกันเถอะ !”
จู่ๆท่านนักพรตตู๋ก็พูดแบบนั้นออกมา ทุกคนจึงพยักหน้าให้ แสดงความเห็นด้วย
ถึงจะอยู่ที่นี่ต่อไป มันก็ไม่มีความหมายอะไรแล้ว
ผมกวาดสายตามองรอบๆ คิดถึงเรื่องราวที่เพิ่งเกิดขึ้นเมื่อกี้ ทันใดนั้นผมก็อดสูดหายใจเข้าลึกๆไม่ได้ ผมรู้สึกเหมือนตัวเองกําลังฝันอยู่
จิ้งจอกหนึ่งตัว กลับกลายร่างเป็นคนในชั่วพริบตา แถมการวางตัวของเขา ยังเหมือนกับคนไม่มีผิด
ถึงตอนเด็กผมจะเคยได้ยินเรื่องพวกนี้มาไม่น้อย หรือแม้แต่เห็นละครประเภทนี้ในทีวีบ่อยๆ
แต่ครั้งนี้ผมได้เจอตัวเป็นๆ ในใจของผมจึงอดไม่ได้ที่จะหวาดกลัวและตกใจ
“ เสี่ยวฝาน ยังยืนมื้อหาอะไรอยู่ กลับกันได้แล้ว !” อาจารย์พูดออกมาอย่างฉับพรัน
“ อือ ! อือ ! ไปเดี๋ยวนี้แหละ !” ผมรีบตอบกลับ ตอนนี้ ผมเพิ่งรู้ว่าอาจารย์และคนอื่นๆเริ่มเดินกลับกันแล้ว
ดังนั้นผมจึงรีบเก็บกล่องไม้บนพื้น ในเวลาเดียวกันก็วิ่งตามพวกเขาไปทันที
แม้จะไม่รู้ว่าเจ้ากล่องลึกลับนี้คืออะไร ทําไมมู่หลงเหยียนถึงมีของสิ่งนี้ แต่เรื่องนั้นไม่สําคัญอีกแล้ว สิ่งสําคัญคือมู่หลงเหยียนช่วยผมเอาไว้อีกครั้ง
หลังจากผมตามทันทุกคน ผมก็ได้ยินอาจารย์ ท่านนักพรตตู๋และเหล่าฉันกําลังคุยกัน
ผมได้ยินเหล่าฉันพูดออกมาจากความรู้สึกลึกๆ “ ตอนเป็นวัยรุ่น ฉันตามอาจารย์ฝึกวิชา ได้ยินอาจารย์พูดว่าในภูเขามีหุบเขาแห่งหนึ่ง รูปร่างเหมือนจิ้งจอกมองจันทร์ เรียกว่าเขาจิ้งจอก ผู้ที่อาศัยบนเขาจิ้งจอก ล้วนเป็นจิ้งจอกที่แข็งแกร่ง เมื่อก่อนฉันคิดว่า นี่เป็นแค่เรื่องเล่า แต่คิดไม่ถึงคิด ไม่ถึงจริงๆว่านี่จะเป็นเรื่องจริง บนโลกนี้มีเขาจิ้งจอกอยู่จริงๆ ”
เมื่ออาจารย์และท่านนักพรตตู๋ได้ยิน พวกเขาก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มอย่างขมขึ้น
ในเวลาเดียวกันผมก็ได้ยินอาจารย์พูดว่า “ คนมีบ้าน ผีมีสุสาน เป็นธรรมดา ที่ปีศาจเองก็ต้องมีบ้านเช่นกัน แต่เจ้าจิ้งจอกพวกนี้ร้ายกาจจริงๆ โชคดีที่พวกมันกลับไปแล้ว ไม่อย่างนั้นพวกเราต้องสู้กันอย่างยากลําบากแน่ ! ”
เหล่าฉินและท่านนักพรตตู๋พยักหน้า เห็นได้ชัดว่าจิ้งจอกเฒ่านั้นแข็งแกร่งจริงๆ
แม้พวกเขาสามคนจะร่วมมือกัน แต่ก็ยังไม่สามารถจัดการอีกฝ่ายได้ จะเห็นได้ว่าพลังแตกต่างกันขนาดไหน
แต่ทันใดนั้นท่านนักพรตตู๋กลับเปลี่ยนเรื่อง เขาหันมาทางผมและอาจารย์ “ เหล่าติง เสี่ยวฝานเมื่อกี้กล่องที่ใช้คือสมบัติอะไรเหรอ ฉันขอดูหน่อยได้ไหม ”
เมื่อได้ยินคําพูดนี้อาจารย์ก็เป็นใบ้ เขาหันมามองผมทันที
เพราะกล่องไม้เป็นสิ่งที่มู่หลงเหยียนให้มา อาจารย์เองก็ไม่รู้ว่ามันคืออะไรหรือที่มาของกล่องมาจากไหน และยิ่งไปกว่านั้นยังไม่อาจตัดสินใจแทนผมได้
ดังนั้นตอนนี้อาจารย์ จึงหันมามองตาผม ไม่ได้ตอบกลับทันที
ท่านนักพรตตู๋ร่อนเร่พเนจรมาหลายปี เป็นธรรมดาที่เขาจะสามารถสังเกตคนจากสีหน้าและคําพูดได้
ตอนนี้จู่ๆอาจารย์ก็เป็นใบ้ เผยท่าทางอึดอัดใจ เขาจึงรู้ทันทีว่าอาจารย์ไม่อยากพูด
ทํางานในสายงานของพวกเรามีข้อห้ามเยอะมากมาย
นอกจากข้อห้ามบางอย่างแล้ว วิชา หรือวิชาลับของสํานักต่างๆ ก็ยังห้ามนําไปบอกกับคนนอก ยิ่งไปกว่านั้นยังไม่สามารถเล่าให้คนรอบข้างฟังได้ง่ายๆ
เมื่อคิดถึงตรงนี้ ท่านนักพรตตู๋ก็คิดว่าตัวเองล้ำเส้นเกินไป
เขารีบหยุดบทสนทนาทันที “ เหล่าติง ฉันพูดมากเอง ในเมื่อมันเป็นความลับ งั้นฉันก็จะไม่ถามแล้ว ”
หลังจากพูดจบ ท่านนักพรตตู๋ยังหัวเราะ “ ฮ่าฮ่า ” ออกมา เพื่อสร้างบรรยากาศให้ครึกครื้นขึ้น
แต่ผมที่ยืนอยู่ข้างๆ กลับหยิบกล่องไม้ออกมา จากนั้นก็พูดว่า “ ท่านนักพรตตู๋เอาไปดูซิครับ แต่พวกเรา ไม่รู้ว่ากล่องนี้เรียกว่าอะไร และยังเคยใช้เป็นครั้งแรก เมื่อก่อนไม่เคยเปิดมันเลย ปกติ ก็ไม่สามารถเปิดได้ตามใจชอบ ! ดังนั้นเรื่องที่มันเป็นสมบัติอะไรนั้น พวกเราก็ไม่แน่ใจเหมือนกันครับ ส่วนเรื่องที่มา พวกเราบอกไม่ได้จริงๆ… ”
ผมพูดออกมาตรงๆ สิ่งที่ผมพอจะบอกท่านนักพรตตู๋ได้ก็มีแค่นี้
เมื่อท่านนักพรตที่ได้ยินแบบนั้น เขาก็ตกใจทันที
แต่เมื่อได้ยินผมพูดแบบนั้น เขาก็คิดว่ากล่องไม้นี้อาจเป็นเรื่องต้องห้ามหรืออาวุธที่สืบทอดกันมาของบ้านเรา
เรื่องแบบนี้เป็นเรื่องที่พบเจอกันบ่อยๆ แม้แต่ตัวเขาเองก็มีความลับและวิชาลับของลัทธิเต๋ที่ไม่อาจเปิดเผยให้คนนอกรู้ได้เช่นกัน
ตอนนี้เมื่อเห็นผมเต็มใจให้เขาดูกล่อง เขาก็พอใจมากแล้ว
ส่วนเรื่องที่มา เขาไม่ได้สนใจมากนัก
ฉากเมื่อกี้ เขาเห็นมันกับตา สําหรับคนปราบสิ่งชั่วร้ายอย่างเขา
เงินทองหรืออํานาจ ล้วนไม่ใช่สิ่งที่เขาสนใจ
แต่สําหรับพวกวิชาและสมบัติลึกลับแล้ว มันดึงดูดเขาไม่รู้จักจบ
ตอนที่เห็นกล่อง เขาก็แค่อยากตอบสนองความต้องการของตัวเอง
ถึงจะแค่ได้จับ แค่ได้ดู ไม่สามารถเปิดได้ ดูแต่ด้านนอก เขาก็พอใจแล้ว
ดังนั้นท่านนักพรตตู๋จึงดีใจ รีบขานรับผมทันที “ ดีดีดี ! ฉันขอดูแป็บเดียว แป็บเดียวเท่านั้น ! จะไม่ถามอะไรเลย ”
ขณะที่พูด ท่านนักพรตตู๋ก็รับกล่องไปถือเอาไว้แล้ว
เหล่าฉันเองก็เข้ามา เขาเองก็อยากดูบ้างเช่นกัน
พวกเขาเดินไป มองไป เหล่าฉันมองไม่เห็นอะไรผิดปกติ เขาแสดงสีหน้ามึนงงตลอดทาง
แต่ท่านนักพรตตู๋มีความรู้กว้างขวาง ตอนนี้เขามองออกว่ามีบางอย่างอยู่ข้างใน
เขาพยักหน้ารัวๆ ท้ายที่สุดหลังจากเห็นสัญลักษณ์บางอย่างที่ด้านล่างกล่อง เขาก็อดไม่ได้ที่จะตกใจ “ อือเป็นของดี เป็นของดีจริงๆ ฉันเดินทางมาหลายปี ได้เห็นของดีแบบนี้น้อยมาก ไม่แปลกใจเลยที่มันสามารถติดต่อกับนางพญาจิ้งจอกได้…”