ศพ - ตอนที่ 235 ทําตามกฏ
ตอนที่ 235 ทําตามกฏ
ตอนที่เห็นจิ้งจอกสาวตนนี้ปรากฏตัวผมก็ตกใจทันที
เพราะผู้หญิงคนนี้ ก็คือหนึ่งในจิ้งจอกที่สู้กับพวกเราเมื่อครั้งก่อน
ก่อนหน้าเธอยังไม่ได้กลายร่างเป็นคน ปะปนอยู่ในฝูงจิ้งจอกผมจึงจําเธอไม่ได้
จนกระทั่งตอนนี้เมื่อเธอกลายร่างเป็นคนแล้วผมถึงจําเธอได้
ครั้งก่อนตอนจิ้งจอกตัวนี้ปรากฏตัวเธอยังแยกเขี้ยว พร้อมที่จะขยําผมตลอด
แต่ตอนนี้จิ้งจอกสาวตนนี้กลับดูสงบเรียบร้อย
เมื่อจิ้งจอกสาวเห็นผม เธอก็ไม่ลังเลเลยสักนิด ทําท่าคารวะเหมือนกับผมเป็นคนโบราณ ดูเหมือนเธอจะให้เกียรติมากๆ “ ข้าน้อยหูเหมยก่อนหน้านี้ข้าน้อยโมโหจนเลือดขึ้นหน้า คุณชายโปรดอภัยให้ด้วย ! ”
เมื่อได้ยินจิ้งจอกสาวพูดแบบนั้นผมก็ได้สติกลับมา
ในเวลานี้เมื่อเห็นหน้าเธอ ผมก็แสดงท่าทางอ่อนน้อมค่อยๆคํานับเธออย่างสุภาพ
ผมคิดว่า เหมือนดวงตาทั้งสองข้างของเธอ บอกในทางตรงกันข้ามหรือจะพูดได้ว่าเธอยังโกรธอยู่
แน่นอนว่า ผมอาจคิดไปเอง
ตอนนี้ผมเป็นชูหมาแล้ว เป็นธรรมดาที่เรื่องก่อนหน้านี้ก็ควรลอยหายไปด้วยเพราะคิดมากไปก็ไม่มีประโยชน์อะไรขึ้นมา
ผมเองก็เผยท่าที่อ่อนโยนออกมา ยิ้มให้กับผู้หญิงคนนั้นเล็กน้อย “ ไม่เป็นไรตอนนั้นทุกคนกําลังเข้าใจผิดกัน คือใช่ เธอไม่ต้องเรียกฉันว่าคุณชายนะเรียกว่าติงฝานก็พอ !”
จิ้งจอกสาวกลับยิ้มหวาน เธอพูดด้วยความดื้อดึง “ ตระกูลหูของข้าต้องทําตามกฏ เมื่อคุณชายเป็นศิษย์ของเจ้าแม่แล้วฐานะก็ย่อมแตกต่างข้าน้อยไม่กล้าทําเช่นนั้น !”
“ คุณชาย ” สําหรับคนในยุคปัจจุบันแบบผม คําพูดนี้มันฟังดูทะแม่งๆ
แต่ไม่รอให้ผมได้พูดต่อ ปู่หลิ่วกลับพูดก่อน “ ชูหม่าคุณได้รับการคายเชี่ยวจากเจ้าแม่แล้ว ฐานะสูงสง
และตระกูลหูของพวกเราก็ต้องทําตามกฏอย่างเคร่งครัดเสี่ยวเหมยเรียกคุณว่าคุณชาย ก็ถือเป็นเรื่องที่สมควรแล้ว คุณอย่าทําให้เธอลําบากใจเลย ”
เมื่อได้ยินปู่หลิ่วพูดถึงขนาดนั้น ผมก็กลืนคําพูดที่คิดจะพูดออกมากลับเข้าไปทันที
สุดท้ายผมก็พยักหน้าให้หูเหมย “ เสี่ยวเหมย งั้นพวกเราไปกันเถอะ !”
“ คะคุณชาย ! ” หูเหมยดูอ่อนน้อมมาก เธอทําเหมือนตัวเองเป็นสาวใช้
แต่ตอนนี้เป็นเพราะผมง่วงจะตายแล้ว ไม่อยากอยู่นานและไม่อยากสนใจอะไรมากนัก
ผมจึงทํามือคํานับปูหลิ่ว บอกลา และเดินออกจากศาลเจ้าหลักเมืองทันที
ด้านในศาลเจ้าหลักเมือง อาจารย์ ท่านนักพรตตูและจิ้งจอกแปลงกลายกลุ่มหนึ่งกําลังดื่มเหล้ากันอยู่
ดูจากท่าทางเหมือนพวกเขากําลังเข้ากันได้ดีเลยทีเดียว
ผมเดินเข้าไปหาพวกเขา บอกว่าจะกลับแล้ว
อาจารย์และท่านนักพรตตู้ดื่มกันอย่างเมามัน ไม่มีทีท่าว่าจะกลับบ้านเลยสักนิด
ส่วนเหล่าเพิ่งและหยางเนิ่วไม่ค่อยสนุกเท่าไหร่ พวกเขาจึงลุกขึ้นและบอกว่าจะกลับพร้อมผม
ในเวลาเดียวกัน เหล่าเฟิงและหยางเนิ่วก็สังเกตเห็นหูเหมยที่อยู่ข้างหลังผม
ไม่รอให้พวกเขาได้พูด ผมก็แนะนําให้พวกเขารู้จักถือเป็นการรู้จักคร่าวๆ
เมื่อทั้งสองคนได้ยินว่าปู่หลิ่วเป็นคนสั่งให้เธอพาผมกลับบ้านพวกเขาก็ไม่ได้สนใจอะไร
เพราะผมกลายเป็นชูหมาของสํานักหูแล้ว มีจิ้งจอกคอยดูและอยู่รอบๆ มันก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร
ตลอดทางที่ผ่านมาผมเองก็ไม่ได้พูดอะไรเยอะแยะ เพราะง่วงอยากนอนเต็มแก่แล้ว จึงทําได้เพียงหายใจอย่างเหนื่อยล้า
สุดท้ายเหล่าเฟิงก็เห็นขาผมเดินโซซัดโซเซ เดินไปสั่นไปเขาถึงเข้ามาประคองผมเดินไปพร้อมกัน
เมื่อมาถึงร้าน หูเหมยก็พูดกับผมว่า “ คุณชาย คุณถึงบ้านแล้วเสี่ยวเหมยขอตัวก่อนนะคะ !”
หลังจากพูดจบ หูเหมยยังทํามือคารวะผม และไม่รอให้ผมได้พูดอะไร ทันใดนั้นเธอก็หมุนตัวกลายร่างเป็นจิ้งจอกจากนั้นก็วิ่งไปทางศาลเจ้าหลักเมืองทันที
เมื่อผมเห็นหูเหมยจากไป มุมปากของผมก็อดไม่ได้ที่จะเผยรอย ยิ้มที่ขมขื่น
เมื่อเดือนก่อนพวกเรายังหันดาบเข้าหากันอยู่เลยแต่วันนี้ผมกลับกลายเป็นชูหม่าของสํานักหู กลายเป็น “ คุณชาย ” ที่หูเหมยเรียก
โชคชะตาสร้างคน และทําให้คนยากที่จะรับมือ
หลังจากหูเหมยออกไป หยางเฉ่วกลับพูดเหน็บผม “ ติงฝาน ไม่เลวนิ ! ต่อไปนายจะมีสาวใช้แสนสวยคอยดูแลแล้วนิ ชีวิตคงสุขสบายขึ้นเยอะ !”
เมื่อได้ยินคําพูดนี้ ผมก็กรอกตาใส่เธอทันที “ พอได้แล้วน่า ! ฉันจะทนไม่ไหวแล้วนะ !”
แต่หยางเฉ้วกลับหัวเราะ “ คิคิคิ ”
ทันใดนั้นเหล่าเพิ่งก็พูดว่า “ เหล่าติง ถึงท่าทางของจิ้งจอกตัวนี้จะดูเคารพนายมาก แต่ฉันเห็นสายตาของเธอ เธอยังแค้นนายอยู่ยังไงนายก็ต้องระวังตัวด้วยนะ !”
ผมฉีกยิ้มเล็กน้อย “ เรื่องนี้ฉันรู้แล้ว แต่ไม่เป็นไร ฉันเป็นชูหม่า แล้วจะมีเรื่องอะไรได้ ! ไม่อยากนั้นเจ้าแม่ต้องถลกหนังพวกเขาแน่ๆ ! ”
“ โอเค ฉันถึงบ้านแล้ว พวกนายก็กลับไปพักผ่อนเร็วๆเถอะ ! ห ยางเฉ่วถ้าเธอกลับช้ากว่านี้ จะไม่มีรถเอานะ ” ผมพูดออกมาต
รงๆ
เฟิงเฉิวหานเองก็ไม่ได้พูดอะไร เพียงพยักหน้าให้ผมเท่านั้น
หยางเฉวหาว “ โอเค ! พวกเราไปกันเถอะ !”
ขณะที่พูด ทั้งสองคนก็หมุนตัวเดินออกไป
เมื่อเห็นเหล่าเพิ่งและหยางเฉิวจากไปแล้ว ผมก็กลับเข้า มาในบ้านรีบแปรงฟันอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็ล้มตัวลงนอนทันที 4
คายเชี่ยววันนี้ทรมานมาก ผมรู้สึกเหมือนตัวเองออกไปวิ่งมา 10 กิโลเมตร
เมื่อนอนลงบนเตียง ผมก็รู้สึกสบายไปทั้งตัว มันทั้งสบายและผ่อนคลายสุดๆ
หลังจากหลับตาไม่นาน ผมก็นอนหลับสนิท
เมื่อผมลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง ก็เป็นเวลา 12.10 น. ของอีกวันแล้ว
ผมลุกขึ้นยืดเส้นยืดสาย รู้สึกว่าร่างกายเต็มไปด้วยพลัง
เมื่อเห็นขวดยาเล็กๆที่นางพญาจิ้งจอกให้ไว้เมื่อคืนวางอยู่บนหัวเตียงผมก็รู้สึกสงสัยขึ้นมาทันที
นางพญาจิ้งจอกพูดว่าอะไรนะยา “ ตี้หลงเฉียน ” สามารถช่วยชีวิตได้
ตี้หลงเฉียนอะไร ? ผมไม่เคยได้ยินมาก่อน เพราะเมื่อ คืนง่วงแทบล้มทั้งยืนผมจึงไม่ได้ตั้งใจฟัง
แต่ดูจากท่าทางและน้ําเสียงที่ตื่นตกใจของอาจารย์กับท่าน นักพรตต์เมื่อคืนเจ้าสิ่งนี้ก็น่าจะเป็นของดี
และต้องดีกว่าเห็ดหลินจือแน่ๆ
ตอนนี้ผมหยิบมันขึ้นมา มองสํารวจรอบๆ อยากเปิดดูว่าข้างในมีอะไรอยู่
แต่ผมเพิ่งเปิดขวด จู่ๆกลิ่นเหม็นเน่าของอะไรบางอย่างก็ลอยออกมา มันฉุนมาก เหมือนกับตกลงในบ่อขี้
“ ให้ตายเถอะ นี่มันอะไรเนี่ย ทําไมเหม็นขนาดนี้มันไม่ได้เน่าแล้วใช่ไหม !” ผมบ่นทันที ที่จริงผมคิดไม่ถึงว่าเจ้านี่จะเหม็นขนาดนี้กลิ่นเต้าหูเหม็นยังหอมกว่ามันซะอีก
ผมรีบปิดฝา โยนมันเอาไว้ข้างๆ นั้นมันยาล้ําค่าบ้าบออะไร ? อย่างกับลูกอม
ในตอนนั้นเอง จู่ๆประตูห้องของผมก็ถูกเปิดออก
อาจารย์เดินเข้ามา เขาเพิ่งเข้ามาในห้อง ก็ได้กลิ่นเหม็นทันที “ นี่มันกลิ่นอะไร ? ”
เมื่อเห็นอาจารย์ ผมก็รีบชี้ไปที่ขวดยานั้น “ จะอะไรได้อีกละก็ยาสุดแสนล้ําค่าที่นางพญาจิ้งจอกให้ผมมานั่นไง เหม็นอย่างกับขี้ ไม่รู้ว่ามันเป็นยาอะไรเก็บเอาไว้ไม่ดีรึป่าว มันถึงได้เน่าแบบนี้ !”
เมื่ออาจารย์ได้ยินผมพูดแบบนั้น ก็ทําหน้าสงสัยทันที “ ตี้หลงเฉียนรีบเอามาให้ฉันดูหน่อย ! ”
“ อาจารย์ เหม็นขนาดนี้ยังอยากดูอีกเหรอ ? ”
“ ไอ้เด็กโง่ นี่มันเป็นของล้ําค่าเลยนะ !” ขณะที่พูดอาจารย์ก็เดินเข้ามาสองก้าว
ผมหยิบยาให้อาจารย์อย่างรังเกียจ อาจารย์หยิบไปดู จากนั้นก็เปิดออกกลิ่นเหม็นเน่าลอยออกมาอีกครั้ง ช่วงเวลานี้มันกระจายไปทั่วห้อง
เมื่อกี้อาจารย์ยังบ่นว่าเหม็น แต่ตอนนี้กลับใช้จมูกดมไม่หยุดและยังเทยาใส่ฝ่ามือ
ยาเป็นสีน้ําตาลอ่อน เหมือนกับสีดินแป๊ะ แถมยังเหม็นมากเรียกได้ว่าเหม็นจนถึงสวรรค์เลยละ
แต่อาจารย์กลับทําเหมือนมันเป็นสมบัติล้ําค่า เขาพยักหน้าอย่างต่อเนื่อง “ ของดีเป็นของดีอย่างที่คิด !
ช่างเป็นกลิ่นยาที่ยอดเยี่ยม ไม่น่าแปลกที่ถูกยกย่องว่าเป็นสมบัติล้ําค่า… ”
เมื่อได้ยินคําพูดนี้ ผมก็แทบจะกระอักเลือดออกมาผมคิดในใจอาจารย์นะอาจารย์ ! นี่อาจารย์ไม่ได้เป็นไซนัสใช่ไหมเนี่ย ยังกล้าบอกว่าเป็นกลิ่นยาที่ยอดเยี่ยมนี่มันกลิ่นขี้ชัดๆ