ศพ - ตอนที่ 330 สํานักหยินชื่อ
ตอนที่ 330 สํานักหยินชื่อ
ช่วงเวลานั้น ผมทําท่าทางแปลกๆออกมา เพ ราะผมคิดถึงคําพูดที่มู่หลงเหยียนเคยบอกผมเมื่อ ก่อนหน้านี้ได้
สํานักศพ ตอนมีชีวิตมันเคยเป็นที่ฝึกวิชาขอ งมู่หลงเหยียนต่อมาเธอได้ตายกลายเป็นหุ่นเชิดให้องค์กรตาผีและก็เป็นอย่างนี้มาหลายร้อยปี
แต่ตอนนี้หยางเฉวกลับบอกผมว่า สํานักศพที่ว่าที่จริงแล้วเป็นลัทธิที่ชั่วร้ายมีชื่อเดิมว่าสํานัก หยินชื่อ
ลูกศิษย์ทั้งหมดในสํานักนี้ เดินในเส้นทางเดียว กัน นั่นก็คือการฆ่าคน
หยางเนิ่วพูดด้วยน้ําเสียงปกติ แต่ใจของผมกลับเริ่มเต้นแรง
หยางเฉ่วเห็นท่าทีของผมแปลกไป “ติงผ่านนายเป็นอะไรไป ?หรือนายจะเป็นศิษย์สํานัก หยินชื่อนั้นจริงๆเหรอ ?”
ผมรีบโบกมือทันที “จะเป็นไปได้ยังไง ? ฉัน ฉันจะเป็นศิไฟกกกกะษย์ของสํานักชั่วแบบนั้นได้ยังไง ! คือใช่แล้วเจ้าสํานักศพนี่ทําอะไรที่ชั่วร้ายบ้าง ทําไมถึงต้องฆ่าคนบนโลกด้วย !”
หยางเจ๋วพยักหน้าเล็กน้อย หลังจากนั้นก็เริ่มพูดต่อ “ถือได้ !เหตุผลที่สํานักศพโดนคนเรียกว่าลัทธิชั่วร้ายนั้น ปู่ของฉันบอกว่าศิษย์ในสํานักนี้ต้องใช้คนเป็นๆในการฝึกวิชาเพิ่มพลังให้ตัวเองศิษย์สํานักศพแต่ละคนต้องใช้คนหนึ่งคนหรือมากกว่านั้นในการกลั่นยา ! ศิษย์สํานักศพคน ไหนที่มีพลังสูงมากๆก็ต้องกลั่นยาเยอะตามไปด้วย ส่วนพวกที่ถึงขั้นผู้อาวุโสหรือหัวหน้าอย่างน้อยก็ต้องฆ่าคนประมาณหนึ่งร้อยคน
ต่ําช้สุดๆเลยละ……”
หลังจากนั้นหยางเนิ่ว ก็เล่าสิ่งที่เธอรู้ให้ผมฟัง จนหมด
หลังฟังเรื่องพวกนี้จบผมก็อดสูดหายใจเข้าไม่ ได้ ฝึกวิชาที่เอาคนไปกลั่นยาเพิ่มพลังแบบนี้ ชั่วช้าจริงๆ
ในฐานะคนปราบสิ่งชั่วร้าย จึงเป็นธรรมดาที่จะไม่เห็นด้วยกับการมีตัวตนของสํานักแบบนี้และยังถือเป็นลัทธิชั่วร้ายที่บรรดาสํานักอันชอบธรรมทั้งหลายต้องเข้ามาลงโทษอีกด้วย
นอกจากลัทธิที่ชั่วร้ายนี้จะใช้คนเป็นฝึกวิชาแล้วก็ยังมีอีกอย่างหนึ่งที่พิเศษนั่นก็คือลัทธิที่ชั่วร้ายนี้ได้ร่วมมือกับพวกผีที่บําเพ็ญตน
ผู้นําผีจากที่ต่างๆเช่นผู้เฒ่าเขาผีมังกรเหล็กผู้ดูแลโลงที่จริงแล้วการมีอยู่ของผีพวกนี้ยังมี ข้อจํากัดบางอย่างอยู่
คนกับผีมีเส้นทางที่แตกต่างกันหยินหยางแยกจากแม้พวกเขาจะอยู่โลกมนุษย์ต่อไป กลายเป็นผีที่บําเพ็ญตนแต่ก็ไม่สามารถมีส่วนเกี่ยวข้อง ใดๆกับมนุษย์ได้ ยิ่งไปกว่านั้นยังไม่อาจเข้าไปยุ่ง กับสํานักใดๆได้
และห้ามต่อสู้กับมนุษย์เด็ดขาด
หากล้ําเส้น พวกเขาก็จะโดนช่วงชิง“อายุไข”และถูกส่งกลับโลกของคนตาย หากรุนแรงหน่อยก็อาจจะโดนลงโทษอีกด้วย
แต่ ในนั้นยังมีข้อยกเว้นหนึ่งอย่างนั่นก็คือสํานักหยินชื่อ
ศิษย์ของสํานักนี้ ไม่ใช่มนุษย์ไปซะทีเดียวเพราะวิธีฝึกฝนจะทําให้พลังพัฒนาขึ้นได้เร็วก็จริง
แต่ ก็ทําให้พวกเขากลายเป็นคนก็ไม่ใช่ศพก็ไม่เชิงหัวใจยังเต้นอยู่แต่เลือดกลับเริ่มไม่ค่อย อุ่นเหมือนคนปกติ
ยิ่งพลังเยอะเท่าไหร่ ร่างกายก็จะเย็นมากเท่านั้นไฟหยางทั้งสามใกล้จะสูญสลายในที่สุด
นี่ก็คือสาเหตุว่าทําไม ศิษย์ในสํานักหยินชื่อถึงถูกมองว่าไม่ใช่คนหรือศพอยู่อย่างไม่มีพลังหยินไม่มีพลัง
หยางถูกเข้าใจว่ามีชีวิตครึ่งเป็นครึ่งตาย แต่ก็เพราะการมีตัวตนแบบนี้ศิษย์สํานักหยินชื่อถึงได้ติดต่อกับผีบําเพ็ญตนพวกนี้ได้มันไม่ถือว่าผิดกฎ
ถือว่าเป็นช่องโหว่ช่องหนึ่งของกฎนี้
เรื่องนี้จึงนําไปสู่การมีอยู่ของผีบําเพ็ญตนที่โลภมากพอทนไม่ได้กับการหลอกล่อของสํานัก หยินชื่อ
พวกเขาก็เข้าไปพัวพัน และร่วมกันทําในสิ่งที่อีกฝ่ายอยากทําแต่ทําไม่ได้
เพราะปรากฎการณ์แบบนี้ ดังนั้นสํานักที่ชอบธรรมทั้งหลายบนโลกเลยมั่นใจว่า มนุษย์กับผีที่บําเพ็ญตนต้องเข้ามาเกี่ยวข้องอย่างแน่นอนและยังโดนสงสัยอย่างมากว่ามนุษย์พวกนั้นก็คือศิษย์ของสํานักหยินชื่อ
นี่ก็คือสาเหตุว่าทําไม หยางเนิ่วถึงสงสัยว่าผม กับอาจารย์เป็นศิษย์สํานักหยินชื่อ
หลังพูดเรื่องพวกนี้จบ หยางเฉ่วยังถามผมอีกรอบและพูดถึงมิตรภาพระหว่างเธอกับผมว่าถึงผมจะยอมรับเธอก็จะไม่เอาไปบอกคนอื่นแน่ๆ
ผมกลับยิ้มอย่างขมขื่น พลังอ่อนด้อยอย่างผม จะไปเป็นศิษย์สํานักหยินชื่ออะไรนั่นได้ยังไง
เพียงแค่ในใจของผมเริ่มคิดไม่หยุดแล้วว่าตอนมีชีวิตยัยผีเมียของผม เคยเป็นคนในลัทธิชั่วที่หยางเฉ่วพูดถึงจริงๆหรือเปล่า
พอเราคุยกันมาถึงตรงนี้ ผมก็ได้ยินเสี่ยวม่านตะโกนบอกว่าการรักษาของเหล่าเพิ่งเสร็จแล้ว
ผมคลี่ยิ้มให้หยางเฉวเล็กน้อย “วางใจได้ ฉัน กับอาจารย์ไม่ใช่ศิษย์สํานักหยินชื่ออะไรนั่น อย่างแน่นอน
ถ้าฉันกับอาจารย์เป็นศิษย์ลัทธิชั่วนั่นจริงๆป่านนี้พวกเราคงกลายเป็นเศรษฐี กินอิ่มนอนอุ่นไม่ ต้องหาเช้ากินค่ําคอยออกไปช่วยผู้คนแบบนี้ หรอก”
“อ๋อ ! นั่นก็จริง แต่พอเห็นนายกับผู้นําผีพวกนั้นรู้จักกันฉันก็เลยคิดถึงคําพูดของปู่ขึ้นมาน่ะ” หยางเจ๋วพยักหน้า
“โอเค งั้นพวกเราไปดูเหล่าเฟิงกันเถอะ !”
หยางเนิ่วตอบ “อิม” จากนั้นพวกเราก็ไปที่ห้อง รักษาพร้อมกัน
เมื่อพวกเรามาถึงห้องรักษา เราก็พบว่าพวกเจ้าหน้าที่กําลังเป็นเหล่าเฟิงออกมาเพราะต้องล้าง ปอด ตอนนี้เขามีน้ํามูกไหลไม่หยุดคอยจับจมูกอยู่ตลอดเวลา
“เหล่าเฟิงตอนนี้รู้สึกยังไงบ้าง ?” ผมเริ่มถาม
เหล่าเฟิงจามออกมาครั้งหนึ่ง “นายลองโดนเอาท่อสอดเข้าไปในจมูกดูซิ !”
หลังจากพูดจบ เจ้าหมอนี่ก็จามอีกรอบ
แม้น้ําเสียงของเขาจะฟังดูไม่ดีเท่าไหร่แต่ดูจากท่าทางของเจ้าหมอนี่แล้วเขาน่าจะดีขึ้นเยอะแล้ว
ต่อจากนั้น เหล่าเฟิงก็โดนพาไปที่ห้องพัก
เสี่ยวม่านมาอยู่ข้างหน้าผม แล้วจากนั้นก็พูด กับผมและหยางเฉวว่า “ติงผ่านฉันทําให้พวก นายต้องเดือดร้อนขอโทษด้วยจริงๆนะ !”
“เราสองคนเป็นอะไรกัน ? เธอยังจะมาพูดแบบ นี้อีกไม่เป็นไรหรอกน่าตอนนี้ดึกมากแล้วเธอรีบกลับไปพักผ่อนเถอะ !เดี๋ยวฉันดูแลที่นี่เอง !” ผมพูดพร้อมรอยยิ้ม
เสี่ยวม่านทําท่าซาบซึ้งใจมาก “ใช่แล้วพวกนายจะคิดค่าจ้างเท่าไหร่พรุ่งนี้เช้าฉันจะให้คนโอ นเงินเข้าบัญชีพวกนาย !”
เสี่ยวม่านมาขอร้องให้ผมช่วย แล้วผมจะพูดเรื่องเงินกับเธอได้ยังไงแต่ไม่ว่ายังไงผมก็พูดไม่ ออกอยู่ดี
ผมเลยยิ้มแล้วพูดกับเธอว่า “ความสัมพันธ์ของ พวกเราสองคนฉันจะกล้ารับเงินจากเธอได้ยังไง ? อีกอย่าง ฉันก็ทํางานแบบนี้อยู่แล้วนี่ก็เป็นหน้าที่ของพวกเราเรื่องนี้ก็ให้มันจบๆไปเถอะ”
พอเสี่ยวม่านได้ยินผมพูดถึงขนาดนั้น ะเธอก็ทําเหมือนยอมไม่ได้หรือแม้แต่ทําท่าทางอึดอัดใจออกมา
ผลลัพธ์พอฟางฉางเจียงที่อยู่ข้างๆเห็นแบบนั้นก็กลอกตาครู่หนึ่งแล้วหลังจากนั้นก็พูดออกมาทันที
“ท่านนักพรตติง แบบนี้ไม่ได้นะครับความสัมพันธ์ของคุณกับท่านรองผู้จัดการเป็นเรื่องส่วนตัวแต่เรื่องที่ไซต์งานเป็นเรื่องของบริษัทการมาของคุณก็ถือว่าไว้หน้า และแสดงน้ําใจต่อท่านรองผู้จัดการแล้ว
แต่เรื่องที่ช่วยงานบริษัท ก็ต้องให้บริษัทเป็น คนจัดการซิครับ ทางบริษัทเราต้องให้ค่าตอบ แทนอย่างแน่นอนไม่อย่างนั้นมันจะไปทําลายกฎของพวกคุณไม่ใช่เหรอครับ ?”
“ท่านนักพรตติง พวกคุณไม่ได้แค่ช่วยพวกเรา จัดการเรื่องนี้ แต่ยังบาดเจ็บอีกด้วย นอกจากค่าตอบแทนของพวกคุณแล้ว ค่าพยาบาล และค่า พักฟื้นก็จะน้อยไม่ได้เด็ดขาดคุณว่าถูกไหมครับท่านผู้จัดการ”
ไม่พูดไม่ได้ สมองของเจ้าฟางฉางเจียงหมุน ได้เร็วจริงๆ แถมยังเข้าใจความคิดของเธอเป็น อย่างดี
เมื่อโดนฟางฉางเจียงถามแบบนี้ เสี่ยวม่านก็มีชี วิตชีวาขึ้นมาทันที “ใช่ติงผ่านความสัมพันธ์ของพวกเราเป็นเรื่องส่วนตัวแต่นายช่วยทํางานให้บริษัทเอาแบบนี้ก็แล้วกัน !นอกจากค่ารักษาพยาบาลทั้งหมดแล้ว
บริษัทของเราจะให้ค่าตอบแทนเป็นเงินห้า หมื่น”
ห้าหมื่น นี่มันเงินจํานวนไม่น้อยเลยนะถึงจะเยอะไม่เท่ากับค่าตอบแทนของผีตานีครั้งที่แล้วแต่นั่นเป็นเงินที่เราแลกมาด้วยชีวิตและลูกของพวกเขาก็เป็นคุณชายเจ้าสําราญเวลารับเงินก็เลยไม่รู้สึกอะไรมากนัก
ผ่านมาแค่ครึ่งคืน เสี่ยวม่านก็ให้เงินถึงห้าหมื่นแค่นี้ก็ถือว่าเป็นค่าตอบแทนที่เยอะมากแล้ว
หากย้อนกลับไปเมื่อก่อน ชาวบ้านที่เป็นคนจนเราไม่รับค่าตอบแทนจากพวกเขาก็มี
และบางครั้งที่ต้องออกไปทําพิธีในงานศพถึง สิบที่และในแต่ละที่ยังต้องอยู่เฝ้าสามวันสามคืนแบบนั้น
พวกเรายังได้เงินไม่ถึงห้าหมื่นเลย
แค่เอ่ยปากเสี่ยวม่านก็ให้ถึงห้าหมื่นแล้วเธอช่างใจกว้างจริงๆ
ผมและหยางเฉวก็เข้าใจ นี่คือการขอโทษจากเสี่ยวม่านพวกเราจึงจําเป็นต้องรับไว้
ด้วยเหตุนี้ พวกเราเลยไม่ได้ปฏิเสธ เพียงพยักหน้าตกลงรับเงินก้อนนี้
เสียวม่านถึงได้ถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอกจากนั้นเธอยังอยู่เฝ้าที่โรงพยาบาลกับเรา ต่อ
นิยาย เรื่องนี้อัพเดตก่อนที่อื่น เว็ปแรกที่ลง novelza.com
หลังจากคุยกันพักหนึ่ง เพราะเหตุผลเรื่องงานพอฟ้าสางแล้วเธอถึงออกไปพร้อมฟางฉางเจียง
ถึงเสียวม่านจะออกจากโรงพยาบาลไปแล้วแต่เธอก็รีบกลับไปที่บริษัททันที พูดได้ว่าเป็นพวก บ้างานนั่นเอง
ในเวลาเดียวกันผมก็โทรไปหาอาจารย์และท่านนักพรตต์เล่าเรื่องในคืนนี้ให้พวกเขาฟัง
พอตาเฒ่าสองคนนี้ได้ยินว่าพวกเราไปเจอผีชุด แดงมา ก็ตกใจและระเบิดเสียงในโทรศัพท์ทันที
แต่หลังจากนั้นพอได้ยินว่าพวกเราไม่เพียงป ลอดภัย แต่ยังจัดการผีชุดแดงได้และได้แก่นพ ลังหยินมาอีกด้วย พวกเขาก็ตกใจแล้วตกใจอีกหรือแม้แต่เงียบไปซะนานสองนาน
แต่ตอนคุยโทรศัพท์ผมก็ไม่ได้พูดให้มันชัดเจนขนาดนั้นบอกให้พวกเขามาดูที่โรงพยาบาลเองตอนนี้เหล่าเฟิงกําลังนอนพักอยู่ในโรงพยาบาล
หลังจากนั้นผมและหยางเฉวก็นั่งพิงเก้าอี้แล้ว พักสายตาครู่หนึ่งจากนั้นประมาณสิบโมงเช้าอาจารย์
ท่านนักพรตตูและเหล่าฉันก็รีบวิ่งฝุ่นตลบมาหา พวกเรา
วินาทีที่เห็นผมกับหยางเฉ่ว พวกอาจารย์ก็แสดงสีหน้าตกใจออกมา
ในเวลาเดียวกันเราก็ได้เห็นเหล่าฉันพูดด้วยสีหน้าไม่อยากเชื่อ “เสี่ยวฝานยัยหนูเสี่ยวเฉ่ว พวกเธอพวกเธอจัดการจัดการผีชุดแดงผีชุดแดงได้จริงๆเหรอ ?”