ศิษย์หลานข้า ระวังอย่าหลงผิด - ตอนที่ 13 ปรมาจารย์ไขปัญหา
เยี่ยยวนรู้สึกศิษย์หลานที่เพิ่งรับเข้ามามีความแปลกประหลาดเล็กน้อย เขาหลับใหลเป็นเวลานานจนตัวเองยังจำไม่ได้ อาศัยอยู่ในป้ายนี้ไม่รู้กี่ปีแล้ว เมื่อตื่นขึ้นมาก็พบว่าภายในสำนักชิงหยางแห่งนี้เหลือแค่เจ้าศิษย์ซื่อบื้อคนเดียว
เขาเป็นคนรักความสงบ ไม่ค่อยจะสนใจกับเรื่องที่เกิดขึ้นภายในอาราม เพราะฉะนั้นแต่ก่อนอารามจะเป็นอย่างไร เขาก็ไม่ค่อยได้ใส่ใจ แต่ถึงกระนี้เขาก็ยังมั่นใจว่าไป๋อวี้เป็นศิษย์ที่โง่เขลาที่สุดในสำนัก
พรสวรรค์ย่ำแย่ สมองยังไม่ดี แต่ละวันพูดแต่จะพัฒนาสำนักชิงหยาง ไม่เคยรู้สึกถึงการมีอยู่ของเขาแม้แต่น้อย เจ้านี่ดิ้นรนฝึกฝนเป็นเวลานับหลายสิบปี อย่าว่าแต่ตาทิพย์ แม้แต่ตาหยินหยางยังเปิดไม่ได้เลย ขนาดตัวเขาเองยังรู้สึกว่าสำนักชิงหยางคงจะล่มสลายในเร็ววันเป็นแน่ หากไม่ใช่ว่าเห็นแก่จิตใจที่ศรัทธา ธูปสามดอกตั้งแต่เช้าถึงเย็นไม่เคยขาด เขาเองก็อยากจะไล่ให้ออกจากสำนักไป
ดังนั้นเมื่อตอนที่ไป๋อวี้พาศิษย์หลานนามอวิ๋นเจี่ยวมา ทำให้เขาเห็นความแตกต่างราวฟ้ากับดิน จากเดิมที่น่าเบื่อจนอยากจะหลับต่อ ก็เกิดความตื่นเต้นและสนใจขึ้นมาทันที เขาเลยมอบคาถาให้นางหนึ่งเล่มตามความเคยชิน
เยี่ยยวนไม่รู้สึกเป็นเรื่องใหญ่อะไร เพราะที่ผ่านมาเขาก็ทำเช่นนี้กับคนที่มาเยี่ยมเยือนเขา แน่นอนว่านอกจากศิษย์ซื่อบื้อคนนั้น เพราะว่าเจ้านั่นมองไม่เห็นเขาแม้แต่น้อย
อีกทั้งในหลายวันนี้ยังลงมือคัดอีกหนึ่งเล่ม เผื่อว่าจะเจอคนที่มาเยี่ยมเยือนอีก เขาก็จะได้มอบให้ได้ สุดท้ายเวลาผ่านไปแค่ห้าวัน ศิษย์หลานคนนั้นก็กลับมาอีกรอบ
เดิมเขาคิดว่านางยังเด็ก เพิ่งเริ่มฝึกฝนทางเต๋า ข้างกายก็มีเพียงเจ้าศิษย์ซื่อบื้อคนเดียว ไม่สามารถซึมซับคาถาเสวียนซินได้และก็ไม่มีคนไขปัญหาให้ได้ ถึงแม้จะลำบากใจแต่ก็ต้องขอให้เขาช่วยเหลือก็เป็นเรื่องปกติ ดังนั้นเขาถึงจะปรากฎตัวพร้อมเอ่ยถาม อืม ไม่ใช่เพราะเบื่ออย่างแน่นอน
╭(╯^╰)╮
แต่ใครจะไปรู้ว่านางมีคำถามจริงๆ อีกทั้งคำถามยังไม่น้อยและยัดตำราให้เขาห้าเล่ม นอกจากคาถาเสวียนซินเล่มนั้นแล้ว อีกสี่เล่มที่เหลือล้วนหนากว่าเท่าตัว เพียงแค่ใช้จิตกวาดไป เขาก็เข้าใจในทันทีว่าในตำรานั้นพูดถึงอะไร
ในตำรานั้นเขียนเต็มไปด้วยความเข้าใจเกี่ยวกับคาถา อีกทั้งยังมีการอธิบายอย่างละเอียดในแต่ละคำ รวมไปถึงยังมีการปรับปรุงเล็กน้อยให้คาถาให้ดีขึ้นด้วย เขาลองปฏิบัติดู ถึงแม้จะยังดูอ่อนหัด แต่ก็ถือว่าใช้ได้
เยี่ยยวนตะลึงไปสักพัก ไม่รู้ควรพูดอะไรดี ถ่ายทอดวิชามาเป็นเวลานานขนาดนี้ นี่เป็นครั้งแรกที่มีคนให้ ของขวัญ เขากลับ แล้วยังเป็นของขวัญที่หนาราวหนึ่งปึก
ส่วนศิษย์หลานที่วางของขวัญลงแล้ว เอ่ยต่อว่า อาจารย์ปู่ค่อยๆ ตรวจ ข้าจะรอคำตอบของท่าน พูดจบก็เดินหันหลังกลับลงไปด้านล่าง ราวกับไม่รีบร้อน เหลือเพียงแต่น้ำแกงร้อนๆ หนึ่งถ้วย
เยี่ยยวนถือตำราอยู่หนึ่งปึก …
ถ่ายทอดวิชามานานขนาดนี้ เป็นครั้งแรกที่มีคนให้การบ้านเขา อีกทั้งยังเป็นแบบที่จัดเรียงเป็นตำราด้วย เยี่ยยวนอยากจะบอกว่าศิษย์หลานรุ่นนี้…สอนยากจัง
เขากวาดตาดูคำถามของศิษย์หลานอย่างละเอียด พบว่านางอธิบายคาถาที่มีความลึกล้ำนั้นอย่างละเอียด ระบุไว้ได้อย่างชัดเจน เข้าใจง่ายกว่าที่เขาเขียนไว้เสียอีก ตำราเล่มนี้เอาออกมา ศิษย์ที่โง่เขลาแค่ไหนก็สามารถเริ่มฝึกฝนได้อย่างแน่นอน แต่แปลกตรงที่นางกลับไม่มีความเข้าใจเกี่ยวกับพื้นฐานและหลักการทั่วไปเลยแม้แต่น้อย ในคำถามนั้นเกี่ยวกับเรื่องพวกนี้มีมากกว่าครึ่ง ส่วนคำถามที่ถามออกมานั้น มันทำให้เขา…อ่านไม่เข้าใจ
เยี่ยยวนกวาดตามองรอบหนึ่ง ก่อนจะเก็บตำรากองนั้นไป ช่างเป็นศิษย์หลานที่แปลกประหลาด! พลางคิดวิธีการไขปัญหาของนาง และถอยกลับเข้าไปยังป้ายบูชา แต่ดันหันไปเห็นถ้วยน้ำแกงที่ยังมีไอร้อนอยู่บนโต๊ะ คิ้วขมวดเข้าหากันเล็กน้อย
ปกติบูชาเทพเจ้าล้วนใช้ธูปเทียน เพราะว่าควันจากธูปเทียนเป็นแหล่งรวมพลังความศรัทธาของคนที่บูชา อาหารทั่วไปนั้นไม่มีประโยชน์อันใดสำหรับผู้ที่หลุดพ้นจากกายเนื้ออย่างเซียน เทพเจ้า หรือผี นี่เป็นครั้งแรกที่เขาเห็นว่ามีคนบูชาอาจารย์บรรพบุรุษด้วยน้ำแกง
ดูท่าเจ้าศิษย์หลานจะขาดความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับการฝึกฝนเสียมาก เยี่ยยวนส่ายหัว ก่อนจะมองไปยังน้ำแกงถ้วยนั้นอีกรอบ ร่างกายกลายเป็นแสงสว่างสีขาว ก่อนจะหายเข้าไปในป้ายบนโต๊ะบูชานั้น
ชั้นบนสุดของเจดีย์กลับสู่ความสงบ
ห้านาทีให้หลัง…
พรึบ ร่างขาวปรากฏที่หน้าโต๊ะอีกครั้ง จ้องมองไปยังน้ำแกงที่อยู่บนโต๊ะ ถึงแม้จะเป็นอาหารทั่วไป แต่เหมือนว่า…จะหอมอยู่นะ เสียดายที่ไม่มีประโยชน์
แสงขาวนั้นหายไปอีกรอบ
อีกห้านาทีให้หลัง…
พรึบ ร่างขาวปรากฏอีกครั้ง ยังคงจ้องมองไปยังน้ำแกงที่อยู่บนโต๊ะ หอมก็หอมอยู่ แต่อาหารทั่วไปก็คืออาหารทั่วไป เขาไม่ใช่ร่างธรรมดา รสชาติคงไม่อร่อยไปถึงไหนหรอก อย่างน้อยไม่อร่อยเท่าพลังลมปราณ
ดังนั้นแสงขาวนั้นหายไปอีกรอบ
อีกอีกอีกห้านาทีให้หลัง…
พรึบ ร่างขาวประกฎตัวอีก…อีกครั้ง อืม ดูเหมือนจะเย็นไปแล้ว แต่ยังไงก็เป็นสิ่งที่ศิษย์หลานตัวน้อยตั้งใจเอามาให้ หรือว่า…ลองหน่อย?
เขาหมุนมือ ทันใดนั้นบนมือก็ปรากฏช้อนคันเล็กๆ ลองทานหนึ่งคำ ก่อนที่จะตะลึงงัน แววตาฉายแววแพรวพราวระยิบระยับ
(⊙_⊙)
หอม…หอมมากเลย!
นาทีถัดมา บนมือปรากฏแสงสีขาวแวบหนึ่ง ช้อนเล็กนั้นกลายเป็นช้อนขนาดเท่าครึ่งฝ่ามือ จากนั้น หนึ่งช้อน…หนึ่งช้อน…อีกหนึ่งช้อน!
หอมมาก หอมมาก หอมมากๆ !
เขาตัดสินใจแล้ว นางเป็นศิษย์หลานที่สมควรแก่การอบรม
อืม จากวันนี้เป็นต้นไป!
ดังนั้น อวิ๋นเจี่ยวที่ใช้เวลาครึ่งวันเช้าซ่อมรอยร้าวบนผนังอย่างยากลำบาก กลับห้องก็เห็นคนที่สวมชุดขาวราวกับหิมะ กำลังนั่งตัวตรงอยู่ที่โต๊ะ พอเห็นนางเดินเข้าห้อง ดวงตาก็จับจ้องไปที่นาง สีหน้าเต็มไปด้วยความเคร่งขรึมจริงจัง!
หากไม่ใช่ว่า…ด้านหน้าไม่ได้วางถ้วยเปล่าขนาดใหญ่เท่าอ่างล้างหน้า
อวิ๋นเจี่ยวมีความรู้สึกว่าถูกอาจารย์มาเยี่ยมบ้านอย่างกะทันหัน เพียงแต่คนเรียนเก่งอย่างนาง ไม่เคยกลัวการที่อาจารย์มาเยี่ยมบ้านอยู่แล้ว ดังนั้นนางจึงตะลึงไปชั่วครู่ ก่อนจะเอ่ยเรียกอย่างไม่มั่นใจ ท่านอาจารย์ปู่?
อืม เยี่ยยวนพยักหน้า สีหน้ายิ่งเคร่งขรึมมากกว่าเดิม ข้าเข้าใจคำถามที่เจ้าสงสัยแล้ว คำถามเหล่านั้นล้วนไม่ได้ยากอะไร ถึงแม้ข้าจะไม่พูด แต่เจ้าก็จะเข้าใจเองเมื่อเจ้าเริ่มฝึกฝนอย่างจริงจัง เห็นแก่ที่เจ้าเพิ่งเริ่มเข้าทางเต๋า อีกทั้งยังมีจิตใจใฝ่รู้ ข้าเลยมาไขข้อข้องใจให้เจ้าเป็นกรณีพิเศษ
อวิ๋นเจี่ยว … ท่านไม่ใช่มาคืนถ้วยเหรอ
แต่พอคิดถึงคำถามของตัวเองเมื่อหลายวันมานี้ อวิ๋นเจี่ยวก็มองข้ามถ้วยเปล่าบนโต๊ะไป แล้วเปลี่ยนท่าทีเป็นนักเรียนที่ดีออกมา ก่อนจะเอ่ยถามด้วยความเกรงใจ ขอบคุณท่านอาจารย์ปู่ หวังอาจารย์ปู่ช่วยชี้แนะ
เจ้ามาตรงนี้ เยี่ยยวนชี้ไปที่เก้าอี้ข้างตัว
อวิ๋นเจี่ยวรีบเดินเข้าไปนั่ง กำลังจะเอ่ยถามก็เห็นเขายกมือขึ้น แตะเบาๆ ที่บริเวณหว่างคิ้วของนาง
นางปิดตาลงทันที นาทีถัดมารู้สึกถึงมีพลังเย็นสดชื่นหลั่งไหลเข้าร่างกาย วิ่งตามหลอดเลือดไปยังแขนขาทั้งสี่และกระดูกทั่วร่างกาย สุดท้ายหยุดอยู่ที่จุดตันเถียน ทันใดนั้นรู้สึกร่างกายอบอุ่นขึ้นทันที อีกทั้งก็ผ่อนคลายลงไม่น้อย ราวกับว่าระบบรับรู้ความรู้สึกถูกขยายใหญ่ขึ้นหลายเท่า
ข้างหน้าปรากฏแสงสว่างดวงน้อยหลากหลายสี กำลังลอยอย่างกระจัดกระจายอยู่รอบๆ เพียงแค่เท่านี้ นางก็รู้ในทันทีว่ามันคืออะไร
พลังลมปราณ!