ศิษย์หลานข้า ระวังอย่าหลงผิด - ตอนที่ 165 เดินทางไปยังเมื่องหลวง
ทุกคนรู้สึกเพียงภาพตรงหน้าดับไป เพียงแค่พริบตาเดียว ก็มายืนอยู่ในยมโลกแล้ว ด้านหลังคือแม่น้ำแห่งเมืองยมโลกที่กำลังไหลไปอย่างช้าๆ ด้านหน้าคือเส้นทางคดเคี้ยวขนาดเล็กทอดยาวไปด้านหน้า ริมทางมีป้ายหินขนาดใหญ่ตั้งอยู่ ด้านบนแกะสลักตัวอักษรไว้อย่างชัดเจน ซิวหลิง!
อืม บริการทุกระดับประทับใจ เมืองซิวหลิงถึงแล้ว แต่ที่สำคัญคือ…
“ที่นี่ที่ไหน” พวกเขาจะไปหายมราชเมืองซิวหลิงได้อย่างไร
“ที่นี่คงจะเป็นบริเวณใกล้แม่น้ำหยินเมืองซิวหลิง” หยวนเจียงมองจากบริเวณรอบด้าน ครุ่นคิดแล้วพูดต่อ “เมืองหลวงของซิวหลิงอยู่บริเวณแม่น้ำ ยมราชเมืองซิวหลิงคงจะอยู่ในเมืองหลวง ห่างจากตรงนี้ไม่ไกล อาจารย์พวกเรา…” เขากำลังจะพูดอะไรบางอย่าง แต่เงยหน้าขึ้นกลับพบชายรูปร่างเล็กที่ไม่คุ้นเคย ทันใดนั้นผงะไป “เจ้าคือใคร” ก่อนจะมองไปรอบด้าน อาจารย์ล่ะ? เมื่อกี้ยังอยู่ตรงหน้า!
อวิ๋นเจี่ยวที่อยู่ด้านข้างพูดขึ้น “นี่เป็นภาพลักษณ์ของอาจารย์ปู่สำหรับติดต่อภายนอก เคยชินไว้ก็พอ”
“ฮะ?” เขาไม่เข้าใจ
“อย่าสงสัย นี่คืออาจารย์ปู่” ไป๋อวี้ตบไหล่ของเขา จากนั้นอาศัยช่วงจังหวะที่คนหน้าด้านไม่สนใจ พูดเสริมเสียงเบา “หน้าตาของอาจารย์ปู่…ท่านก็รู้ ดังนั้นเขาจะเปลี่ยนใบหน้าทุกครั้งที่ออกจากบ้าน” ถึงแม้จะเป็นหน้าตาเดียวกันทุกครั้ง
หยวนเจียงผงะไป นึกไปถึงคุณสมบัติบางอย่างของอาจารย์ ทันใดนั้นก็โล่งใจไป อืม เปลี่ยนหน้าก็เป็นวิธีที่ดี?
เพียงแต่…อาจารย์พูดง่ายขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่
เขาอดไม่ได้ที่จะถามขึ้น “ใครคิดวิธีให้อาจารย์ ตอนนี้ยังมีชีวิตอยู่หรือไม่”
ชายชรา “…”
ในใจท่านอาจารย์รุนแรงขนาดนั้นเลยหรือ?
-_-|||
“วิญญาณที่นี่ทำไมมีน้อยเช่นนี้?” อวิ๋นเจี่ยวมองไปรอบด้าน ก่อนจะพูดขึ้น
เถิงสีผงะ ก่อนจะรีบอธิบาย “ศิษย์น้องเล็กไม่รู้อะไร วิญญาณที่สามารถเข้าเมืองซิวหลิงได้ ล้วนเป็นวิญญาณในโลกปีศาจ ซึ่งก็คือเหล่าปีศาจที่มีความคิดแล้ว สรรพสิ่งบนโลกมีความคิดได้ไม่มาก อีกทั้งเหล่าปีศาจมีอายุยืนยาว ดังนั้นวิญญาณที่ตายไปและตกลงมาที่นี่จึงมีไม่มาก ไม่อาจเทียบกับโลกมนุษย์ได้”
อวิ๋นเจี่ยวเข้าใจทันที หมายความว่าวิญญาณที่นี่ทั้งหมดล้วนเป็นวิญญาณของปีศาจ นางมองดูวิญญาณลอยผ่านไป ไม่ใช่วิญญาณทุกดวงจะเป็นรูปร่างมนุษย์โดยสมบูรณ์ บ้างมีอวัยวะแปลกประหลาดโผล่มา เช่น หูสามเหลี่ยม หางยาวเป็นต้น
“เช่นนั้นพวกเราต้องเดินไปทางไหน ถึงจะเข้าเมือง” ชายแก่ถาม
เถิงสีกำลังจะพูดว่าให้สัมผัสพลังวิญญาณ เยี่ยยวนที่อยู่ด้านหน้ายกมือขึ้น “ทางนี้”
ทันใดนั้นราวกับมีพายุพัดผ่าน พลังวิญญาณรอบด้านสลายออกไปด้านข้าง กลายเป็นเส้นทางมุ่งตรงไปด้านหน้า
ทั้งสี่คนผงะ รีบเดินตามขึ้นไป มีตัวช่วยช่างสะดวกสบาย
หยวนเจียงพูดไม่ผิด เมืองหลวงของซิวหลิงห่างจากแม่น้ำไม่ไกล พวกเขาเดินมาได้หนึ่งเค่อ ก็เห็นเงาของเมืองผีปรากฏอยู่ด้านหน้า พลังวิญญาณรอบด้านก็เข้มข้นมากขึ้น
“เมืองหลวงซิวหลิง!” เถิงสีดีใจ เขารีบลอยไปทางนั้นอย่างรวดเร็ว ชายแก่ที่อยู่ด้านหลังก็เร่งฝีเท้าให้เร็วขึ้น
“รอเดี๋ยว!” อวิ๋นเจี่ยวสีหน้าเปลี่ยนไป เอื้อมมือไปดึงชายแก่กลับมา
ชายแก่ถูกดึงอย่างไม่ทันตั้งตัว เกือบจะลื่นล้มลงไป “ทำไมหรือ” เถิงสีก็หยุดลง
“พวกท่านไม่รู้สึกว่า…” อวิ๋นเจี่ยวกวาดตามองรอบด้าน “ที่นี่เงียบสงบเกินไปเหรอ”
คนที่ได้ยินต่างผงะไป ก่อนจะมองไปยังรอบด้าน เป็นไปอย่างที่ว่า วิญญาณที่ลอยไปลอยมารอบด้านมีน้อยนิดตามทาง แต่ประหลาดคือยิ่งเข้าใกล้เมืองหลวงวิญญาณยิ่งน้อย ตอนนี้พวกเขาใกล้จะถึงประตูเมืองแล้ว แต่รอบด้านไม่มีวิญญาณแม้แต่ตัวเดียว ตามหลักแล้ว ที่นี่คือเมืองหลวง ควรจะคึกคักถึงจะถูก
ทันใดนั้นทุกคนต่างรู้สึกไม่ดีขึ้นมา สถานการณ์ผิดปกติ
“ประตูเมืองไม่มีผู้รักษาประตู!” หยวนเจียงอุทานออกมาด้วยความตกใจ มองไปยังประตูเมืองทางด้านหน้าอย่างเหลือเชื่อ
ทุกคนถึงได้พบว่า เมืองหลวงขนาดใหญ่แห่งนี้ ประตูเมืองเปิดออกกว้าง แต่ด้านหน้ากลับว่างเปล่า อย่าว่าแต่วิญญาณ แม้แต่เงาของผู้รักษาประตูยังไม่เห็น
“ที่นี่เป็นเมืองร้าง!” เยี่ยยวนพูดขึ้นอย่างกะทันหัน น้ำเสียงมั่นใจ
ทุกคนต่างผงะไป ก่อนจะเดินเข้าไปใกล้อย่างรวดเร็ว ประตูเมืองขนาดใหญ่เปิดกว้างอยู่อย่างนั้น พวกเขาสามารถมองเห็นทางหลักภายในเมือง สองข้างทางมีร้านค้าขนาดเล็กตั้งอยู่ เพียงแต่บนถนนกลับไม่มีวิญญาณแม้แต่ตัวเดียว
“นี่…เป็นไปได้อย่างไร” เถิงสีเบิกตากว้าง สีหน้าเหลือเชื่อ “เป็นไปไม่ได้ เมื่อวานศิษย์พี่จี้ฉีเพิ่งส่งสารไปลองเชิงท่านยมราชแห่งเมืองซิวหลิง อีกฝ่ายอยู่ในเมืองอย่างแน่นอน เป็นไปได้อย่างไรว่าจะกลายเป็นเมืองร้างในคืนเดียว” เกิดอะไรขึ้นในเมืองกันแน่
“เข้าไปดูหน่อย!” หยวนเจียงพูด คนที่เหลือต่างพยักหน้าพร้อมเดินเข้าไปด้านในอย่างรวดเร็ว อวิ๋นเจี่ยวกำลังจะเดินตามขึ้นไป แต่กลับสัมผัสถึงพลังวิญญาณกลุ่มหนึ่งพัดผ่านไป พลังกลุ่มนั้นมีกฎเกณฑ์อะไรบางอย่าง ทันใดนั้น “เดี๋ยว!”
นางคิดจะเอื้อมมือดึงคนเอาไว้ แต่ก็ช้าไปก้าวหนึ่ง ทันดึงไว้แค่ชายแก่ เถิงสีที่เดินอยู่ด้านหน้าสุดกำลังก้าวเท้าเข้าเมือง ร่างของเขาก็หายไปต่อหน้าทุกคนทันที
“พี่สี!”
“ศิษย์หลานสี!”
ทั้งสองคนอุทานออกมา ก่อนจะใช้คาถา แต่ก็หาร่องรอยของอีกฝ่ายไม่เจอ
เมื่อกี้หากไม่ใช่อวิ๋นเจี่ยวลากเอาไว้ พวกเขาคงจะเข้าไปแล้วเหมือนกัน
“เจ้าหนู เมื่อกี้คืออะไร” ชายแก่ถาม
“หน้าประตูมีข่ายพลัง!” อวิ๋นเจี่ยวตอบ
“ข่ายพลัง! ข่ายพลังอะไร” ชายแก่ตะลึง ข่ายพลังแบบไหนที่แม้แต่อาจารย์อาหยวนและเจ้าหนูก็ยังไม่เห็นแต่แรก “พี่สีหายไป จะไม่เป็นไรใช่หรือไม่!”
อวิ๋นเจี่ยวมองไปรอบด้าน หาตำแหน่งสัมผัสพลังในข่ายพลัง ก่อนจะพูดขึ้น “ข้าไม่เคยเห็นข่ายพลังเช่นนี้ แต่คงจะคล้ายกับข่ายพลังขนส่ง ศิษย์พี่สี…ศิษย์พี่สีคงจะถูกส่งไปยังอีกที่แล้ว เพียงแต่ตอนนี้ข้ายังหาตำแหน่งนั้นไม่เจอ” นางขมวดคิ้วเล็กน้อย เมื่อกี้นางลองสัมผัสอีกด้านของข่ายพลัง แต่กลับสัมผัสได้ถึงความว่างเปล่า ราวกับ…ถูกอะไรบางอย่างรั้งเอาไว้ อีกทั้งข่ายพลังนี้ยังมีพลังบางอย่างที่นางไม่เคยพบเจอปะปนอยู่ พลังนี้มีความแปลกประหลาดอย่างยิ่ง เหมือนกับพลังวิญญาณ แต่หนาวเย็นยิ่งกว่า
“ดูท่าทางมีเพียงต้องหาตัวคนวางข่ายพลังถึงจะหาศิษย์หลานสีเจอ!” หยวนเจียงพูด “ศิษย์หลานมีวิธีกำจัดข่ายพลังนี้หรือไม่”
“ข้าจะลองดู!” อวิ๋นเจี่ยวพยักหน้า พินิจดูข่ายพลังอีกครั้ง ก่อนจะเดินไปทางด้านขวาอย่างลังเล นางขยับหินข่ายพลังด้านข้าง ทันใดนั้นเห็นเพียงแสงสีขาวส่องประกายขึ้น ข่ายพลังหนึ่งปรากฏขึ้นกลางอากาศ ก่อนจะสลายหายไป
“เสร็จแล้ว เข้าไปเถอะ!” อวิ๋นเจี่ยวพยักหน้า หยวนเจียงและชายแก่เดินตามเข้าไป
เยี่ยยวนที่อยู่ด้านข้างชะงักไปเล็กน้อย เงยหน้ามองประตูเมืองทีหนึ่ง เขาหรี่ตาลงเล็กน้อย สักพักก็เดินตามศิษย์หลานเข้าไปอย่างไม่ลังเล
ช่างเถอะ! ผู้ชายไม่สำคัญ!