ศิษย์หลานข้า ระวังอย่าหลงผิด - ตอนที่ 197 ไม่เจอ ขอบคุณ
“เหตุใดกัน?!” หยวนเจียงฉงน ไม่คิดว่านางจะปฏิเสธรวดเร็วเช่นนี้
อวิ๋นเจี่ยวเหลือบมองเขาทีหนึ่ง ก่อนจะพูดขึ้นอย่างจริงจัง “อาจารย์อาหยวน ตอนนี้ไม่ต้องพูดถึงเรื่องโลกบนของพวกท่าน ในเมื่ออาจารย์ปู่บอกว่าไม่เจอ เช่นนั้นก็แสดงว่าไม่อยากเจอ มันไม่เกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างข้ากับอาจารย์ปู่จะดีหรือไม่ดี ข้าไม่อาจอาศัยเหตุผลนี้ไปคัดค้านการตัดสินใจของอาจารย์ปู่ ทำให้ท่านลำบากใจ”
“แต่ว่าสวรรค์ในตอนนี้…” หยวนเจียงยังคิดจะโน้มน้าว
“เรื่องของสวรรค์ ข้าคิดว่าอาจารย์ปู่ไม่อยากมีส่วนเกี่ยวข้อง” อวิ๋นเจี่ยวพูดขัด “จุดยืนของข้าก็เหมือนกับอาจารย์ปู่ สวรรค์จะก่อเรื่องวุ่นวายอย่างไร แล้วแต่พวกท่าน! แต่อย่าดึงโลกมนุษย์เข้าไปพัวพัน แค่เพียงไม่มายุ่งกับพวกข้า พวกข้าจะไม่สนใจ และไม่อาจช่วยเหลือได้ หากมีคนเจตนาคิดจะดึงพวกข้าเข้าไปด้วย พวกข้าจะทำให้เขารู้ว่าโลกมนุษย์ไม่ได้รังแกง่าย! ไม่ว่าอีกฝ่าย…จะเป็นมหาเทพทิศไหน?” พวกเราไม่ก่อปัญหา แต่ก็ไม่กลัวปัญหา!
“ไม่ใช่ เพียงแค่เจอหน้าเท่านั้น” หยวนเจียงคิดจะโน้มน้าวอีกครั้ง “ข้ารู้ว่าอาจารย์มีอคติกับสวรรค์ แต่ครั้งนี้ไม่เหมือนกัน พวกข้าแค่อยากให้ท่านเข้าใจสิ่งที่พวกข้าทำ ไม่ได้อยากให้ท่านเข้ามาเกี่ยวข้อง”
อวิ๋นเจี่ยวสีหน้าดำลงทันที นางกวาดตามองเขาขึ้นลง “คำพูดนี้ ตัวท่านเชื่อไหม”
“…” หยวนเจียงผงะ
นางถอนหายใจออกมาทีหนึ่ง ก่อนจะพูดขึ้น “อาจารย์อาหยวน เรื่องอสูรกลืนนภาก่อนหน้านี้ ยังพอสามารถอ้างได้ว่าเป็นการรับมือหลังจากที่พบความผิดปกติของยมโลกและโลกมนุษย์ แต่หากตามความหมายของท่าน เมื่ออาจารย์ปู่พบกับท่านมหาเทพของท่านจะเป็นอย่างไรต่อไป ท่านมหาเทพท่านอื่นจะคิดว่าพวกท่านแค่แวะเวียนมาทักทายแล้วจากไปเหรอ”
หยวนเจียงสีหน้าซีดเผือด ก่อนจะอธิบาย “พวกข้า…จะไม่ให้คนอื่นรู้เรื่องนี้”
“ได้ ถึงแม้จะไม่มีคนรู้” อวิ๋นเจี่ยวสูดลมหายใจเข้า ก่อนจะพูดต่อ “หลังจากที่พบท่านมหาเทพของท่านล่ะ? ท่านจะให้อาจารย์ปู่ทำอย่างไร ถือว่าพบหน้าคนรุ่นหลัง ให้ซองแดงแล้วจบเรื่อง? อีกทั้งเมื่อมีบุญคุณต่อกันแล้ว หากโลกบนเกิดเรื่องอะไรขึ้นแล้วต้องการให้ท่านออกหน้า ท่านจะช่วยหรือไม่ช่วย หากในอนาคต โลกบนเกิดสงครามขึ้นจริง ท่านจะไปหรือไม่ไป อย่าลืมว่าพวกท่านเป็นลูกศิษย์ของอาจารย์ปู่ ไม่ว่าอาจารย์ปู่จะแสดงจุดยืนหรือไม่ อาจารย์ปู่ก็เป็นคนฝ่ายพวกท่านไปแล้ว”
“…” หยวนเจียงสีหน้าซีดเผือดลงไปในทันใด
อวิ๋นเจี่ยวยังคงพูดต่อ “นอกจากนี้ ถึงแม้อาจารย์ปู่จะไม่ใช่มนุษย์ แต่ท่านอยู่ในโลกมนุษย์มาเป็นเวลานาน อีกทั้งยังเป็นปรมาจารย์ของเสวียนเหมิน หากอาจารย์ปู่เข้าไปพัวพันเรื่องของสวรรค์ คงต้องส่งผลกระทบต่อโลกมนุษย์อย่างแน่นอน เมื่อถึงเวลานั้น ท่านคิดว่ามนุษย์อย่างพวกข้าจะสามารถอยู่อย่างสงบสุขได้ โดยไม่ถูกดึงเข้าไปในสงคราม?”
“…” มือข้างลำตัวของเขาสั่นเทา
“ที่จริงแล้วอาจารย์ปู่ได้ปฏิเสธอย่างชัดเจนแล้ว ท่านไม่อยากมีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องเหล่านี้ ยิ่งไม่อยากดึงโลกมนุษย์ลงไปในวิกฤต คนที่พวกท่านเลือกดีหรือไม่ มีเมตตาหรือไม่ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับพวกเรา ความคิดของอาจารย์ปู่ แม้แต่ศิษย์หลานอย่างข้ายังเข้าใจ พวกท่านในฐานะลูกศิษย์ของอาจารย์ปู่จะไม่เข้าใจเหรอ”
“…” หยวนเจียงใจหล่นลงวูบ ไม่ ที่จริงแล้วเขาเข้าใจดี ตอนที่พบกับอาจารย์ตอนลงมาโลกมนุษย์นั้น ท่านเคยบอกไว้แล้วว่าไม่อยากแทรกแซงเรื่องเหล่านี้ อีกทั้งตักเตือนพวกเขาอย่าดึงโลกมนุษย์เข้าไปเกี่ยวข้อง เพียงแต่ตอนนั้นเขา…ไม่ได้ใส่ใจเท่านั้นเอง
“ข้าอยากให้ท่านเข้าใจ อาจารย์ปู่ไม่ชอบโลกสวรรค์ อาจารย์ปู่ปฏิเสธท่าน เป็นเพราะอาจารย์ปู่ถือว่าพวกท่านเป็นลูกศิษย์ ไม่ใช่ท่านเทพสูงส่งบนโลกสวรรค์ อาจารย์ปู่แยกพวกท่านออกจากเหล่าเทพบนสวรรค์ หลงเหลือพื้นที่ให้ทั้งสองฝ่าย อาจารย์ปู่ปฏิบัติอย่างชัดเจนเช่นนี้ อาจารย์อาหยวนที่ฉลาดเฉลียวเช่นนี้ทำไมถึงไม่เข้าใจกัน หากข้าเป็นท่าน เรื่องนี้ข้าจะไม่มีวันพูดออกมา อาจารย์อา…อย่าทำให้อาจารย์ปู่ผิดหวังในตัวพวกท่าน!”
หยวนเจียงรู้สึกเหมือนถูกค้อนทุบหัวเข้าไปทีหนึ่ง ร่างกายของเขาสั่นเทา ก้าวถอยหลังไปหลายก้าว คนทั้งคนราวกับกำลังจมอยู่กับความละอายใจ
ตอนนี้เพิ่งจะเข้าใจว่าตนเองได้พูดคำขออะไรออกมา เขา…ทำอะไรลงไป ทั้งที่ท่านเป็นอาจารย์ที่พวกเขาเคารพอย่างมาก แต่เขากลับดันให้ท่านไปอยู่ในตำแหน่งที่ก้าวถอยอย่างยากลำบาก เพียงแค่อาศัยว่าอาจารย์ยังมีความเมตตาต่อพวกเขาอยู่ เมื่อหลายหมื่นปีก่อน พวกเขาได้ทำผิดไปครั้งหนึ่งแล้ว ดังนั้นอาจารย์ถึงได้โกรธเคือง ไม่ยอมเจอหน้าพวกเขามานับหมื่นปี แต่ตอนนี้…
ทันใดนั้นเขารู้สึกว่าไม่อาจอยู่ต่อไปแล้ว ความรู้สึกไร้จุดยืนถาโถมเข้าใส่ ร่างกายของเขาสั่นไหว เดินหันหลังออกไปอย่างไม่สนใจอวิ๋นเจี่ยวที่อยู่ตรงหน้า
“เอ๊ะ อาจารย์อาหยวนท่านทำไม…” ชายแก่อุ้มของจำนวนมากเข้ามา กำลังจะกล่าวทักทาย กลับพบว่าอีกฝ่ายลอยขึ้นฟ้าหายลับไปแล้ว เขามองไปยังอวิ๋นเจี่ยวที่อยู่หน้าประตูด้วยความฉงน “เจ้าหนู อาจารย์อาหยวนเป็นอะไร สีหน้าดูไม่ค่อยดี” อีกทั้งยังยืนเซไปเซมา จะไม่ตกลงมาหรือ
“ไม่เป็นอะไร” อวิ๋นเจี่ยวเงยหน้ามองไปยังทิศทางที่อีกฝ่ายหายตัวไป “อาจเป็นเพราะเมื่อคืนคุกเข่านาน ไม่สบาย”
“อ่อ” ชายแก่ก็ไม่ได้ใส่ใจ เขาเดินเข้าห้องพร้อมวางของกองใหญ่ในมือลงบนโต๊ะหนังสือของนาง “เจ้าหนู เหล่านี้คือข้อสอบของตำแหน่งยมทูตเมืองโยวหลิง ข้าตรวจเสร็จแล้ว มือจะหักอยู่แล้ว” เขาพลางพูดพลางนวดแขนขาของตนเอง
“เลือกคนได้แล้ว?” อวิ๋นเจี่ยวถาม
“อืมๆๆ” เขาพยักหน้าให้นาง “สามใบบนสุด 67 สองคน 65 หนึ่งคน ล้วนผ่านเกณฑ์ สอบครั้งแรกถือว่าใช้ได้”
อวิ๋นเจี่ยวหยิบข้อสอบด้านบนขึ้นมาดู ก่อนจะผงะไปเล็กน้อย “เป็นเจ้าเมืองผีทั้งสองคน?”
“ใช่!” เขาพยักหน้า “เจ้าเมืองสองคนนี้ ข้าถามพี่สีมาแล้ว ชื่อเสียงและพลังล้วนไม่เลว เหมาะสมกับการเป็นยมทูต เพียงแต่อีกคน…” เขาขมวดคิ้ว
“ความสามารถไม่พอ?” อวิ๋นเจี่ยวพูด
“ไม่ใช่เพียงความสามารถไม่พอ!” ชายแก่ถอนหายใจ “เขาเป็นเพียงวิญญาณธรรมดาเท่านั้น ถึงแม้จะอยู่ในยมโลกมานาน ไม่ได้ไปเกิดใหม่ แต่ก็ไม่เคยฝึกฝน ถึงแม้คะแนนสอบจะไม่เลว แต่ความสามารถ…ข้าคิดว่าคงยากที่จะควบคุมผีข้างใต้ได้ เจ้าหนู เจ้าว่าพวกเราจะ…” หยิบออกมา?
“ไม่ต้อง!” อวิ๋นเจี่ยวส่ายหัว “เช่นนี้ก็ดี! พวกเราบอกแล้วว่ายุติธรรม เที่ยงธรรม เปิดเผย ในเมื่อพูดแล้วก็ต้องทำให้ได้ อีกทั้งหากสุดท้ายคนที่ได้เป็นยมทูตล้วนเป็นเจ้าเมืองผี เช่นนั้นจะแตกต่างจากวิธีการคัดเลือกยมทูตแบบเดิมอย่างไร พวกเราไม่เพียงแต่จะแต่งตั้งเขาเป็นยมทูต อีกทั้งยังจะแปะข้อสอบเหล่านี้ออกไปตอนประกาศผล ให้เหล่าวิญญาณในเมืองโยวหลิงได้รู้ว่า การคัดเลือกยมทูตของพวกเราเป็นเรื่องจริง!”
“แต่ว่า…” ชายแก่ยังคงมีความกังวล “ความสามารถของวิญญาณนี้…หากได้เป็นยมทูตจริง อาจจะถูกรังแกก็ได้”
“เช่นนั้นต้องดูวิธีการของเขาเองแล้ว” อวิ๋นเจี่ยวตอบ “วิญญาณที่ไม่ได้ฝึกฝนแต่กลับสามารถผ่านการทดสอบมาได้ อีกทั้งยังอยู่สามอันดับแรก แสดงว่าอย่างน้อยเขามีความฉลาด ท่านคอยช่วยเขาในเวลาที่เหมาะสมก็พอ ส่วนเรื่องการฝึกฝน เมื่อถึงเวลาค่อยถ่ายทอดก็พอ”
“อืม” ชายแก่พยักหน้า “เพียงแต่พวกเราไม่รู้วิธีการฝึกฝนด้วยพลังวิญญาณ! จะไปเรียนที่ใด” คงจะเอาแต่ถามอาจารย์ปู่ไม่ได้นะ!
“…”