ศิษย์หลานข้า ระวังอย่าหลงผิด - ตอนที่ 209 ข้ามีลูกชาย
คนที่เข้ารอบสนามสอบสามนั้นมีหลายร้อยคน ตอนนี้การทดสอบดำเนินมายังไม่ครบหนึ่งชั่วยาม กลับมีลูกศิษย์หนึ่งในสามถูกคัดออก ถือเป็นการคัดเลือกที่รวดเร็วที่สุดในประวัติศาสตร์ของสำนักเทียนซือ
เพียงแต่ลูกศิษย์ที่ถูกคัดออกน้อยลงตามระยะเวลา อีกทั้งยังมีลูกศิษย์บางคนสังเกตถึงจังหวะการปรากฏตัวของเหล่าผีร้ายนี้อีกด้วย พวกเขาเริ่มจับกลุ่มกันในการทำภารกิจ สถานการณ์ในสนามสอบเริ่มมีการเปลี่ยนแปลง เหล่าวิญญาณลดน้อยลงอย่างรวดเร็ว บ้างถูกลูกศิษย์กำราบเก็บเข้ายันต์ บ้างถูกส่งกลับไปยังยมโลกโดยตรง
เมื่อการประลองดำเนินไปถึงชั่วยามที่สี่ถึงห้า วิญญาณในสนามสอบที่ยังคงเหลือมีไม่มากแล้ว เหล่าลูกศิษย์แสดงฝีมือของตนออกมาได้ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งบางกลุ่มยังร่วมมือกันปราบแม่ทัพผี เหล่าเจ้าสำนักมองดูสถานการณ์ด้วยสีหน้าภาคภูมิใจ ข้อสอบในภาคเรียนนี้ไม่ออกเสียเปล่า โดยเฉพาะกลุ่มสามคนที่อยู่ในชุดสีฟ้า พวกเขาจัดการกำราบวิญญาณนับสิบตน หนึ่งในนั้นมีแม่ทัพผี พวกเขามีความใจเย็น และให้ความร่วมมืออย่างดีตลอดทาง แทบจะหาความผิดพลาดไม่ได้เลย
เหล่าเจ้าสำนักให้ความสนใจกับคนกลุ่มนี้เป็นพิเศษ หลังจากพินิจดูอย่างละเอียด ถึงได้รู้ว่าพวกเขาเป็นลูกศิษย์สำนักไหน พวกเขาต่างหันไปมองถังอี้ ผู้เป็นนายท่านตระกูลถังที่ยืนอยู่ด้านข้าง “นายท่านถัง สามคนนี้เป็นลูกศิษย์ตระกูลถังของท่านใช่หรือไม่ หลายเดือนนี้เรียนรู้ได้ไม่เลว มีความแม่นยำทั้งคาถาและเวลาการลงมือ อีกทั้งยังเข้าใจจุดอ่อนของวิญญาณอย่างถ่องแท้”
“ฮ่าๆๆๆ …สหายทุกท่านชมเกินไปแล้ว” ถังอี้หัวเราะจนตาหยีเป็นเส้น ก่อนจะโบกมือไปมาพร้อมสีหน้าถ่อมตน “พวกเขายังเด็ก ไม่อาจรับคำชื่นชมของทุกท่านได้ ยังขาดการฝึกฝนอีกมาก! จริงสิ…”
เขายื่นนิ้วชี้ไปยังชายหนุ่มชุดฟ้าที่อยู่ด้านขวาสุด ก่อนจะพูดขึ้น “เห็นชายหนุ่มที่เก่งกาจทางขวาสุดหรือไม่ เขาคือลูกชายของข้าถังเฉิน! ลูกแท้ๆ !” เขาเดินขึ้นหน้าชี้ไปยังผิวน้ำราวกับกลัวคนมองไม่เห็นด้วยสีหน้าได้ใจ
เหล่าเจ้าสำนักที่ถูกคนอวดลูกชาย “…” ไหนบอกชมไม่ได้ มีลูกชายแล้วอย่างไรกัน!
凸(艹皿艹)
อวิ๋นเจี่ยวที่อยู่ด้านข้างนึกบางอย่างขึ้นได้ ก่อนจะหันไปถาม “ลูกชายของท่านหายดีแล้ว?” ถังเฉินตกลงไปยังก้นเหวพร้อมกับไป๋อวี้ อีกทั้งเขายังเป็นคนที่บาดเจ็บสาหัสที่สุด
ถังอี้ผงะ ก่อนจะหันไปพูดกับอวิ๋นเจี่ยวด้วยความเกรงขาม “เรื่องครั้งก่อนต้องขอบคุณอาจารย์อวิ๋นช่วยเหลือ ลูกข้าถึงได้วิญญาณกลับร่างได้สำเร็จ” ในฐานะที่เป็นบิดา หลังจากที่เขาได้ฟังเหตุการณ์มังกรน้ำร้ายกาจนั้นก็ยังมีความกังวล หากอาจารย์อวิ๋นไม่ได้ตามไปช่วยเหลือ ลูกชายเขาอาจกลับมาไม่ได้แล้ว
“ไม่ต้องเกรงใจ” เดิมทีนางก็ต้องไปช่วยชายแก่อยู่แล้ว อีกทั้งก่อนหน้านี้เขายังเคยส่งของขวัญชิ้นใหญ่มาให้ตนเอง
ถังอี้กลับยิ่งซาบซึ้งมากกว่าเดิม มองไปยังภาพของลูกชายที่สะท้อนออกมาจากผิวน้ำ ดวงตาของเขาประกายความกังวลเล็กน้อย “เฮ้อ ลูกชายข้าอยู่ไม่นิ่งมาตั้งแต่ยังเล็ก เดิมทีหมอที่รักษาบอกให้เขาพักฟื้นร่างกายต่ออีกหลายวัน แต่เขากลับอยากจะมาเข้าร่วมการประลอง แม้แต่ข้าก็ไม่รู้ว่าเขาหายดีแล้วหรือไม่”
“ดูจากสีหน้าของเขาคงไม่มีปัญหา” อวิ๋นเจี่ยวตอบ “หากท่านไม่วางใจ เมื่อรอการประลองเสร็จสิ้น ข้าสามารถดูอาการเขาให้ได้!”
ถังอี้สีหน้าดีใจ ก่อนจะพูดต่อ “ขอบคุณอาจารย์อวิ๋น!”
“ไม่ต้องเกรงใจ” อย่างไรนางก็รับเงินมาแล้ว!
เรื่องของมังกรน้ำร้ายกาจนั้นผ่านไปเป็นเวลาหลายเดือนแล้ว แต่ว่าผู้ที่อยู่เบื้องหลังกลับไม่แม้แต่จะปรากฏตัว ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายจะรู้เรื่องที่ตนโยนลูกแก้วกำเนิดวิญญาณลงแม่น้ำหยิน และการตายของมังกรน้ำร้ายกาจนั้นหรือไม่ นางไม่อาจไว้วางใจได้ หากอีกฝ่ายยังคงไม่มีการเคลื่อนไหว นางเป็นกังวลว่าอีกฝ่ายกำลังวางแผนลับอะไรบางอย่างอยู่
“พวกเขากำลังจะตีหมู่บ้านนี้ได้สำเร็จแล้ว” เจ้าสำนักท่านหนึ่งพูดขึ้นอย่างตื่นเต้น
ในเวลานี้ อวิ๋นเจี่ยวถึงได้ดึงสติกลับมา นางมองไปยังผิวน้ำที่กำลังสะท้อนภาพอย่างตั้งใจ จากความพยายามมากว่าสี่ชั่วยาม วิญญาณภายในหมู่บ้านถูกเหล่าลูกศิษย์กำราบจนเกือบหมดแล้ว อีกทั้งยังมีลูกศิษย์บางคนบุกเข้าไปยังด้านหลังสุดของหมู่บ้าน เพียงแค่กำราบวิญญาณบริเวณนั้นได้ ทั้งหมู่บ้านก็จะกลับสู่ความสงบ เพียงแต่ลูกศิษย์ที่หลงเหลืออยู่ตอนนี้มีไม่ถึงหนึ่งในสิบ อีกทั้งการประลองมีเวลาจำกัด ผ่านไปอีกหนึ่งชั่วยามฟ้าก็จะสว่างแล้ว
กลุ่มแรกที่เข้าไปด้านในสุดของหมู่บ้านคือกลุ่มสามคนของตระกูลถัง ในเวลานี้ถังอี้ไม่แม้แต่จะแสร้งทำเป็นถ่อมตน เขาชี้ไปยังผิวน้ำด้วยความตื่นเต้น “ลูกข้าถึงก่อน สหายทุกท่านรีบดู นี่คือลูกชายข้า! ลูกแท้ๆ !”
เหล่าเจ้าสำนัก “…” คนที่อวดลูกออกไป!
ด้านในสุดของหมู่บ้านคืออารามร้างแห่งหนึ่ง อารามหลังนี้ไม่มีแม้แต่กระเบื้องมุงหลังคา เมื่อทั้งสามคนเดินมาถึงทางนี้ต่างรู้สึกเหน็ดเหนื่อยอย่างมากแล้ว แต่พวกเขายังคงพยายามตั้งสติ มองไปรอบด้านอย่างระมัดระวัง ยิ่งเวลาผ่านไปนานมากเท่าไร วิธีการปรากฏตัวของเหล่าวิญญาณยิ่งแปลกประหลาด ลูกศิษย์บางคนยังไม่ทันได้ตอบสนองก็ถูกวิญญาณร้ายที่พุ่งออกมาส่งออกไป
ถังเฉินสำรวจอารามร้างตรงหน้าอย่างละเอียด ทันใดนั้นเกิดความลังเลขึ้นเล็กน้อย อารามหลังนี้เต็มไปด้วยพลังวิญญาณ แสดงว่าต้องมีวิญญาณอยู่ภายในอย่างแน่นอน เพียงแต่ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายหลบซ่อนอยู่แห่งใด ความจริงแล้ว พวกเขาไม่จำเป็นต้องกำราบวิญญาณตนนี้ก็สามารถเข้าสู่รอบตัดสินได้ แต่ในฐานะลูกศิษย์เสวียนเหมิน ทั้งที่รู้ว่ามีวิญญาณแต่กลับไม่ลงมือ ถือเป็นการเพิกเฉยต่อหน้าที่ ถึงแม้นี่จะเป็นเพียงการทดสอบก็ตาม
เขาไม่ได้ใช้เวลานานมากในการลังเล ก่อนจะหันไปพูดกับอีกสองคน “พวกเจ้ารออยู่ที่นี่ ข้าเข้าไปสำรวจก่อน”
ทั้งสองคนสบตากัน ก่อนจะพยักหน้า “ศิษย์พี่ถังระวังตัว”
“อืม” ถังเฉินติดยันต์ป้องกันไว้บนตัวของตน ก่อนจะก้าวเท้าเข้าไปด้านในอารามด้วยความระมัดระวัง ทันทีที่เขาย่างเท้าเข้ามา เขารู้สึกได้ว่าพลังวิญญาณรอบด้านนั้นหนักมากขึ้นหลายสิบเท่า บรรยากาศโดยรอบหนาวเหน็บ
เขาเริ่มเกิดความระแวงขึ้นมาในทันที จากพลังวิญญาณนี้ บ่งบอกถึงวิญญาณที่ซ่อนอยู่ในอารามอาจไม่ใช่วิญญาณร้ายทั่วไป แต่มีความเป็นไปได้ว่าจะเป็นระดับแม่ทัพผี เขากำดาบในมือแน่น ก่อนจะส่งสายตาให้คนทั้งสองที่อยู่ด้านหลัง
จากการร่วมมือตลอดทาง ทั้งสองคนเข้าใจความหมายของถังเฉินในทันที พวกเขาแยกย้ายออกไปคนละทิศทาง แต่ละก้าวนั้นล้วนมีกฎเกณฑ์ราวกับกำลังคำนวณอะไรบางอย่าง
ถังเฉินสัมผัสความเปลี่ยนแปลงของพลังวิญญาณรอบด้านอย่างรอบคอบ เขาคิดจะหาตำแหน่งที่พลังวิญญาณเข้มข้นที่สุดออกมา แต่ว่าพลังวิญญาณรอบด้านนั้นทำให้เขาไม่อาจแยกแยะความแตกต่างได้ เขาจึงทำได้เพียงเคลื่อนตัวเข้าไปยังใจกลางด้วยความระมัดระวัง
น่าแปลกคือวิญญาณไม่ได้โผล่ออกมาอย่างกะทันหันเหมือนก่อนหน้านี้ เพียงแต่รอถังเฉินเดินเข้าไปยังใจกลางอาราม ถึงได้ราวกับแตะต้องโดนกลไกบางอย่าง
พลังวิญญาณเริ่มรวมตัวกัน กลายเป็นน้ำวนขนาดใหญ่ เสียงผีที่ร้องโหยหวนดังก้องไปทั่วหมู่บ้าน เพียงแค่ได้ยินเสียง เหล่าถังเฉินก็รู้สึกเหมือนประคองสติไว้ไม่ได้ พวกเขารีบสงบลงถึงได้ต้านเสียงร้องนั้นเอาไว้
ร่างหนึ่งค่อยๆ ปรากฏขึ้นกลางอากาศ พลังวิญญาณรอบด้านก็เพิ่มมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง ตามที่ถังเฉินคาดการณ์เอาไว้ พลังวิญญาณนี้ไม่ใช่ระดับผีร้ายธรรมดา แต่ว่าเป็นระดับแม่ทัพผี แต่แล้ว…พลังวิญญาณยังคงรวมตัวกันอย่างต่อเนื่อง! ร่างตรงหน้าก็สูงใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ ก่อนจะกลายเป็นร่างสีดำที่มีความสูงเท่าภูเขา
นี่คือ…
“ราชาผี!”