ศิษย์หลานข้า ระวังอย่าหลงผิด - ตอนที่ 259 อวี๋ซีความจำเสื่อม
“ตี๋ไฮ่ เจ้าคนชั่ว!” เสียงตะโกนดังราวกับระเบิด เห็นได้ชัดว่าคนพูดโกรธมาก
อวิ๋นเจี่ยวและชายแก่ต่างก้าวถอยหลังไปหนึ่งก้าว…ก้าวถอยไปอีกหนึ่งก้าว…จนกระทั่งก้าวถอยออกไปหลายเมตร
นาทีถัดมารองเท้าในมือของอวี๋ซีกระทบเข้ากับหน้าของใครบางคนเข้า อีกฝ่ายใช้แม้กระทั่งหมัด ราวกับใช้แรงทั้งชีวิตในการลงมือ เหตุการณ์ตรงหน้าเรียกได้ว่าน่าอนาถ
ดังนั้น…ทั้งสองคนเบือนหน้าหนีอย่างเงียบๆ แสร้งทำเป็นมองไม่เห็น เพราะใครบางคนเป็นคนหาที่ตายเอง
ครึ่งชั่วยามต่อมา…
อวี๋ซีเหมือนจะหมดสิ้นเรี่ยวแรง นางพลางหอบหายใจพลางซัดหมัดไปยังตี๋ไฮ่ต่อ แต่ตี๋ไฮ่ไม่มีการตอบโต้ตั้งแต่ต้นจนจบ อีกทั้งไม่มีการใช้พลังเทพในการขัดขวาง เขามองคนตรงหน้าด้วยใบหน้าที่บวมช้ำ ก่อนจะหัวเราะขึ้นมา “เสี่ยวซี เขา…เขาเป็นลูกของข้า? ลูกของข้าใช่หรือไม่…”
“ไม่ใช่!” อวี๋ซีตอบ
“เจ้าบอกไม่ใช่ เช่นนั้นต้องใช่แน่” ตี๋ไฮ่ฉลาดขึ้นมา ใบหน้าที่บวมเป่งหัวเราะขึ้นมาอย่างกับคนไร้สติ “ข้ามีลูกชายแล้ว ฮ่าๆๆๆ … เสี่ยวซี เสี่ยวซีข้าขอบคุณเจ้า หลายปีมานี้ ภายในใจข้ามีแต่เจ้า…”
“ไปให้พ้น!” อวี๋ซียกเท้าขึ้นมาถีบหน้าเขา
หากแต่ตี๋ไฮ่ยิ่งหัวเราะอย่างอารมณ์ดี เขาจับเท้าของนางก่อนจะลุกขึ้นมา พร้อมกับกอดคนตรงหน้าเอาไว้ “เสี่ยวซี...”
“เจ้าทำอะไร ปล่อยข้า!” อวี๋ซีคิดจะถอย แต่ไม่ทันการจึงถูกอีกฝ่ายกอดเอาไว้ได้ นางจึงออกแรงดิ้นขึ้นมา “ตี๋ไฮ่! หากเจ้าแตะตัวข้าอีก ข้าจะตัดมือเจ้า!”
“ได้ๆๆ !” ตี๋ไฮ่กอดแน่นขึ้น “เจ้าตัดอะไรก็ได้ เสี่ยวซีข้า…ข้าคิดถึงเจ้า”
“เจ้าคนเลว ปล่อยข้า!”
“ไม่ปล่อย!”
“เจ้าคนถ่อย!”
“ข้าไม่ปล่อย!”
“เจ้า…”
ในขณะที่ทั้งสองคนเริ่มจู๋จี๋กันนั้น อีกสองคนที่ดูอยู่ด้านข้างเอื้อมมือลงไปปิดตาของเด็กเอาไว้อย่างเงียบๆ ไม่เหมาะสมกับเด็ก! จากนั้นพวกนางกระแอมไอเสียงดังหนึ่งที “แค่ก คือ…พวกท่านช่วยคำนึงถึงคนดูด้วย” ยังมีเด็กอยู่!
ทั้งสองคนผงะราวกับเพิ่งพบว่าด้านข้างยังมีคนอื่น ทั้งสองคนหน้าแดงก่ำ อวี๋ซีออกแรงผลักตี๋ไฮ่ออกไป เพียงแต่มือยังถูกอีกฝ่ายจับเอาไว้แน่น
“นี่…มันเรื่องอะไรกัน” ชายแก่มองไปยังอวี๋ซี ท่าทางของอีกฝ่ายไม่เหมือนกับกึ่งปีศาจ อีกทั้งฟังจากคำบรรยายของตี๋ไฮ่ก่อนหน้านี้ ตอนที่นางถูกผนึกควรจะกลายเป็นปีศาจแล้วถึงจะถูก เมื่อกลายเป็นปีศาจคงไม่อาจรักษาสติเอาไว้ได้ แต่อวี๋ซีไม่เป็นอะไรแม้แต่น้อย อีกทั้งยังคลอดลูกชายออกมาคนหนึ่ง
ตี๋ไฮ่ก็ฉงนเช่นเดียวกัน เขาหันไปถามอวี๋ซี “เสี่ยวซี เหตุใดเจ้าอยู่ที่นี่ อีกทั้งเด็กคนนี้…” แตกต่างจากทั้งสองคน เขามองออกว่าเด็กตรงหน้าอายุมีเพียงสี่ห้าขวบ แต่นางถูกผนึกเป็นเวลานับหมื่นปี ระหว่างนี้พวกเขาไม่เคยพบเจอกัน เหตุใดจึงมีลูก อีกทั้งบนตัวของนางไม่มีร่องรอยของผนึกแม้แต่น้อย
“ฮึ!” อวี๋ซีส่งเสียงเย็นในลำคอ คิดจะชักมือกลับมาแต่ทำไม่ได้ จึงทำได้เพียงพูดด้วยน้ำเสียงโมโห “ไม่เกี่ยวกับเจ้า!”
“เสี่ยวซี...”
“หุบปาก!”
“แม่นางท่านนี้…” ชายแก่ถอนหายใจ ก่อนจะเดินขึ้นหน้าพูดขัดทั้งสองคน “พวกข้าเป็นลูกศิษย์เสวียนเหมิน เรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่มาก พวกข้าเดินทางมาเพื่อผนึก หวังว่าแม่นางจะบอกความจริง”
บนใบหน้าของอวี๋ซีมีความเขินอาย แต่ยังคงความโกรธเอาไว้ แต่นางไม่ได้อารมณ์เสียใส่ชายแก่ เพียงแค่ตอบคำถามด้วยความเก้อเขิน “ข้า…ข้าก็ไม่รู้ ตอนที่ข้าตื่นมา ข้าก็มาอยู่ที่นี่แล้ว ข้าเดินออกไปไม่ได้ จึงทำได้เพียงอยู่ที่นี่! ต่อมา…” นางหันไปมองเด็กชายที่กำลังยืนมองพวกเขาอย่างสงสัย นางกวักมือเรียกอีกฝ่าย “เจียงเอ๋อ มา”
“ท่านแม่…” เด็กชายเรียกคำหนึ่งก่อนจะเดินเข้าไป
“เขาชื่อเจียงเอ๋อ?!” ตี๋ไฮ่ดีใจ สายตาที่มองไปยังเด็กชายลุกวาวขึ้น ยังไม่ทันอีกฝ่ายเดินเข้าใกล้ เขาก็ใช้มือหนึ่งอุ้มคนบนพื้นขึ้นมา “เจียงเอ๋อ ข้าคือท่านพ่อของเจ้า”
“เจ้าทำอะไร ปล่อยลูกข้า!” อวี๋ซีอยากจะเดินขึ้นหน้าไปแย่งลูกชายกลับมา แต่ตี๋ไฮ่กลับรั้งนางเข้ามากอดเอาไว้ด้วย อวี๋ซีดิ้นออกจากตัวของอีกฝ่ายไม่ได้ จึงทำได้เพียงต่อว่าขึ้นมา “ตี๋ไฮ่ เจ้าคนชั่ว ปล่อยข้า! ลูกชายเป็นของข้า ไม่เกี่ยวกับเจ้า”
ตี๋ไฮ่กลับแสร้งทำเป็นไม่ได้ยิน เขาหัวเราะอย่างได้ใจ ทำท่าทางมีความสุขอย่างมาก มีเพียงเด็กชายที่ถูกอุ้มมองพวกเขาทั้งสองคนด้วยสีหน้าสงสัยปนงุนงง
ชายแก่ไร้คำพูด อวิ๋นเจี่ยวเดินขึ้นหน้าขัดทั้งสองคนเอาไว้ “ท่านอยู่ในหุบเขานี้นานแค่ไหนแล้ว”
อวี๋ซีดิ้นไม่หลุด จึงตอบกลับอย่างโมโห “หกปี!”
“หกปี!” ไม่เพียงแต่อวิ๋นเจี่ยว แม้แต่ตี๋ไฮ่และชายแก่ล้วนผงะ ไม่ใช่หมื่นปีหรือ
“เช่นนั้นเจียงเอ๋อปีนี้…”
“ห้าขวบ!” อวี๋ซีตอบ
“…” ทำไมจึงเป็นเช่นนี้ ทั้งสามคนล้วนผงะไป โดยเฉพาะตี๋ไฮ่ เขารู้สึกได้ว่าเด็กชายในอ้อมกอดเป็นสายเลือดของเขา แต่ทำไมถึงมีอายุเพียงห้าขวบ
“เจ้าหมายความว่าอย่างไร” เมื่อเห็นสีหน้าของเขาเปลี่ยนไป อวี๋ซีระเบิดขึ้นมาอีกครั้ง “เจ้าสงสัยข้าใช่หรือไม่ เจ้าไม่อยากรับก็ช่าง เอาลูกชายคืนมาให้ข้า!” พลางพูดพลางดิ้นขึ้นมา
“เสี่ยวซี ข้าไม่ได้หมายความเช่นนี้..” ตี๋ไฮ่รีบอธิบาย
เมื่อเห็นทั้งสองคนกำลังจะทะเลาะกันขึ้นมาอีกครั้ง อวิ๋นเจี่ยวจึงพูดแทรกขึ้น “แม่นางอวี๋ ท่านจำเรื่องสุดท้ายก่อนที่ท่านจะตื่นมาได้หรือไม่”
อวี๋ซีผงะราวกับนึกบางอย่างขึ้นมาได้ นางหันไปถลึงตาใส่ตี๋ไฮ่ ก่อนจะพูดขึ้น “ข้าจำได้ว่าวันนั้น หลังจากที่ข้า…ทะเลาะกับเขาแล้ว ข้าวิ่งไปยังด้านหลังภูเขา จากนั้นก็หมดสติไปอย่างไร้สาเหตุ เหมือนจะเห็น….แท่นสีดำแห่งหนึ่ง”
“แท่นผนึกปีศาจ!” ชายแก่พูด นางไม่ได้ตั้งใจไปที่นั่นหรือ
“แท่นผนึกปีศาจอะไร” นางทำหน้าฉงน ก่อนจะพูดต่อ “หลังจากตื่นมาข้าก็มาอยู่ที่นี่แล้ว ข้าเดินออกไปไม่ได้ เดิมทีคิดจะใช้ยันต์ส่งสาร…” นางนึกบางอย่างขึ้นได้ สายตาที่นางมองตี๋ไฮ่ยิ่งเต็มไปด้วยไฟโกรธ “ฮึ! แต่ไร้การตอบรับแม้แต่น้อย ดังนั้นข้าจึงอยู่ที่นี่เป็นเวลาหกปี”
ทั้งสามคนล้วนทำสีหน้าตกตะลึง เมื่อเป็นเช่นนี้ นางไม่รู้ว่าอันที่จริงแล้วผ่านไปเป็นหมื่นปีแล้ว คิดเพียงว่าตี๋ไฮ่ทิ้งนางไว้ที่นี่โดยไม่สนใจเป็นเวลาหกปี ดังนั้นจึงโกรธขนาดนี้หรือ
“เสี่ยวซี...” ตี๋ไฮ่คิดจะอธิบาย แต่ก็ไม่รู้ว่าต้องเริ่มพูดจากตรงไหน เขาบรรลุเป็นเทพไปนานแล้ว ยันต์ส่งสารของนางจึงติดต่อเขาไม่ได้
“ท่านไม่ได้ไปแท่นผนึกปีศาจเพื่อสร้างปีศาจ?” ชายแก่ถาม “อาจารย์ปู่ล่ะ? ท่านจำได้หรือไม่”
“อาจารย์ปู่อะไรกัน” นางผงะ