ศิษย์หลานข้า ระวังอย่าหลงผิด - ตอนที่ 268 เผชิญหน้า
“เรื่องของยมโลกเกี่ยวอะไรกับประจิมสวรรค์” สิงเหิงขมวดคิ้วมุ่น แต่สีหน้าของนางกลับไม่มีการเปลี่ยนแปลง ไร้ซึ่งความวิตกแม้แต่น้อย
“เรื่องนี้ให้เจ้าเมืองหลงเป็นคนพูดเองเถอะ!” มหาเทพสิงซีหันไปพยักหน้าให้หยวนเจียง
หยวนเจียงเดินขึ้นหน้าหยิบยันต์ส่งสารออกมา นาทีถัดมาทั้งตำหนักใหญ่อบอวลไปด้วยพลังวิญญาณ มิติในห้องโถงบิดเบี้ยวไป ทันใดนั้นประตูผีบานหนึ่งเปิดออก หลงฉางในชุดขาวก้าวเท้าเดินออกมาจากด้านในปรากฏตัวขึ้นในตำหนัก
“ดูท่าจะมาครบแล้ว” สายตาหลงฉางกวาดตามองไปยังท่านมหาเทพทั้งสาม แตกต่างจากขบวนทัพอันยิ่งใหญ่ของอีกฝ่าย ด้านหลังของหลงฉางไม่มีคนติดตามแม้แต่คนเดียว
“เจ้าแซ่หลง?” สิงเหิงมองไปยังอีกฝ่ายอย่างสนใจ อาจเป็นเพราะอีกฝ่ายรูปลักษณ์งดงาม นางหยุดมองอยู่หลายวินาที ทั้งที่ออกมาจากยมโลก แต่กลับมีพลังเทพติดตัว คนอย่างนี้มีเพียง…นางนึกบางอย่างขึ้นได้
“เจ้าคือเจ้าเมืองหมิ่นเฟิน หลงฉาง?” ชื่อเสียงของเขตหมิ่นเฟินเป็นที่รู้จักกันเป็นอย่างดีในสวรรค์ เพราะอีกฝ่ายเป็นเพียงคนเดียวที่สามารถรักษาผนึกโลกปีศาจเอาไว้ได้
สายตาของหลงฉางหยุดลงบนตัวของอีกฝ่าย ดวงตาของเขาหรี่ลง “ท่านมหาเทพประจิมสวรรค์! ท่านเทพหวาซูภายใต้ท่านอยู่ที่นี่ด้วยหรือไม่”
ทันทีที่เขาพูดจบ สิงเหิงมองไปยังเทพชายชุดฟ้าด้านหลังทันที อีกฝ่ายก็ผงะไปเช่นเดียวกัน ในดวงตามีบางอย่างแล่นผ่านไป ก่อนจะเดินขึ้นหน้าตอบ “ข้าคือหวาซู! คารวะเจ้าเมืองหลง”
หลงฉางหัวเราะเสียงเบา ก่อนจะมองอีกฝ่ายอย่างพินิจ “ที่แท้ก็เจ้าเอง!”
หวาซูถูกเขามองจนก้าวถอยไปตามสัญชาตญาณ จนสิงเหิงถามขึ้นอย่างอดไม่ได้ “เจ้าเมืองหลงหมายความว่าอย่างไร หวาซูเคยทำอะไรให้ท่าน?” นางมองไปยังสิงซีที่อยู่ด้านข้าง “ไม่ใช่เรื่องของยมโลกหรือเหตุใดไม่เห็นยมราชทั้งเจ็ด?” ถึงแม้เขตหมิ่นถึงจะอยู่ในยมโลก แต่อีกฝ่ายไม่เคยแทรกแซงเรื่องของยมโลก อีกทั้งไม่ใช่เมืองผี
“เจ้าร้อนใจอะไร เจ้าเมืองหลงยังไม่ทันได้พูดต้นสายปลายเหตุแม้แต่น้อย” สิงเย่หัวเราะออกมา ก่อนจะพูดด้วยสีหน้าทับถม “หรือว่าเจ้ากลัว ไม่อยากให้อีกฝ่ายพูด?”
“สิงเย่ เจ้าหมายความว่าอย่างไร” ไฟโกรธของสิงเหิงลุกโชนขึ้นในทันที นางถลึงตามองอีกฝ่าย “คิดจะหาเรื่องข้าก็ทำอย่างโจ่งแจ้ง เจ้าคิดว่าข้ากลัวหรือ?!”
“หากไม่ได้กลับ เจ้าจะกังวลทำไม”
“เจ้า…”
ในขณะที่ทั้งสองฝ่ายทำท่าจะใช้กำลัง สิงซีจึงรีบลุกขึ้นห้ามเอาไว้ “ทั้งสองท่านอย่าใจร้อน ที่นี่คือโลกมนุษย์ วันนี้พวกเรามาเพียงหารือเพื่อสืบหาความจริง ไม่ว่าผลเป็นอย่างไร หวังว่าทั้งสองท่านจะไม่ลงมือกันที่นี่”
สีหน้าของทั้งสองคนเต็มไปด้วยความโกรธเคือง ล้วนไม่ได้ตอบคำพูดของสิงซี
สิงซีไม่ได้พูดห้ามปรามต่อ เพียงแต่หยิบกระจกลักษณ์ปากั้วออกมา “เพื่อป้องกันทุกคนทำร้ายผู้บริสุทธิ์ มิเช่นนั้นพวกเราพูดคุยกันภายในกระจกนี้?”
“กระจกคุนหลุน!” สิงเหิงอยู่ใกล้จึงเห็นสิ่งที่อีกฝ่ายถืออยู่ในมือ นางทำหน้าตกตะลึง “ทำไมอยู่ในมือเจ้า”
สิงซีไม่ตอบ เพียงแต่หมุนมือ นาทีถัดมาเห็นเพียงแสงว่างประกายออกมาจากกระจกนั้น จากนั้นเหมือนมีอะไรบางอย่างที่มองไม่เห็นแผ่ขยายไปโดยรอบ ทันใดนั้นครอบคลุมทั้งสำนักเทียนซือ
ทันทีที่แสงกระจกกวาดผ่าน ทุกคนล้วนขมวดคิ้วอย่างไม่สบายตัว แม้แต่ชายแก่ข้างตัวของอวิ๋นเจี่ยวยังถอยไปหนึ่งก้าวเล็ก
“เป็นอะไร” อวิ๋นเจี่ยวหันไปมองเขา
ชายแก่ย่นหน้าลง “พลังของพวกเราถูกกดทับเอาไว้”
อวิ๋นเจี่ยวผงะ พลังถูกกดทับ…มีหรือ
(⊙_⊙)
“เช่นนี้ ทุกคนจะได้ไม่ทำลายมิตรภาพต่อกัน” สิงซีถือกระจกกวาดตามองทุกคน
“ทำลายมิตรภาพอะไร!” สิงเย่ลองดู ก่อนจะพบว่าตนเองใช้พลังไม่ได้จริงๆ เขาไม่พอใจการกระทำเช่นนี้อย่ามาก พลางระแวงพลางมองไปยังสิงซี “เจ้าวางแผนดีเชียว กระจกคุนหลุนอยู่ในมือเจ้า เจ้าก็ต้องพูดเช่นนี้!”
ถึงแม้กระจกคุนหลุนจะสามารถกดทับพลังของคนในตำหนักไว้ได้ แต่คนที่ถือกระจกสามารถควบคุมกระจกได้ “ใครจะรู้ว้าเจ้ามีแผนการอะไร”
“เมื่อเป็นเช่นนี้…” สิงซีราวกับรู้ว่าอีกฝ่านจะพูดเช่นนี้ เขามองไปยังกระจกคุนหลุนในมือ “เช่นนั้นกระจกนี้ข้าจะส่งให้ฝ่ายที่สามเป็นผู้ดูแล”
พูดจบเขาก็เดินมาทางเหล่าคนของสำนักเทียนซือที่มุงดูอยู่หน้าประตู จากนั้นส่งกระจกในมือให้กับคนที่อยู่หน้าประตูอย่างไม่ลังเล คนนั้นคือ… อวิ๋นเจี่ยว
“รบกวนด้วย!” เขาเผยยิ้มอบอุ่น
อวิ๋นเจี่ยวที่ถูกยัดกระจก: “…”
อีกฝ่ายนั่งกลับเข้าที่ไป พร้อมกับกวาดตามองท่านมหาเทพที่เหลืออีกสองคน “เช่นนี้ท่านมหาเทพทั้งสองพอใจหรือยัง”
สิงเย่และสิงเหิงสบตากัน เช่นนี้กระจกคุนหลุนไม่ได้อยู่ในมือของสวรรค์ทั้งสามทิศ อีกทั้งไม่อยู่ในมือของยมโลก เช่นนี้พวกเขาก็ไม่อาจคัดค้านได้
อวิ๋นเจี่ยวมองไปยังกระจกในมืออย่างครุ่นคิด กระจกนี้ไม่ต่างกับกระจกปากั้วธรรมดา เพียงแต่ด้านบนมียันต์อักขระส่องสว่างอยู่ อีกทั้งตรงกลางของกระจกมีรูปซับซ้อนแล่นผ่านไปอันแล้วอันเล่า รู้สึก…คุ้นตาอย่างมาก!
เมื่อเห็นทุกคนเงียบสงบลง หลงฉางมองไปยังสิงเย่ที่นั่งอยู่ทางด้านซ้าย ก่อนจะมองไปยังสิงเหิงและสิงซีที่นั่งอยู่ทางด้านขวา ตามหลักแล้วเขาควรจะนั่งอยู่ทางด้านขวา เพราะว่าพวกหยวนเจียงเป็นศิษย์ของของเขา แต่เขากลับขมวดคิ้ว ก่อนจะนั่งลงไปยังด้านข้างของสิงเย่
อืม ข้างละสองคน สมดุลแล้ว!
สิงเย่ที่ถูกทุกคนรังเกียจ: “…” หืม?
“ตอนนี้ข้าพูดได้แล้วใช่หรือไม่” สายตาของเขากวาดผ่านสิงเหิงที่นั่งอยู่ตรงข้าม ก่อนจะยกถ้วยน้ำชาข้างตัวขึ้น “ช่วงระยะก่อน เขตหมิ่นเฟินของข้าสูญเสียพี่น้องไปคนหนึ่ง หลังจากสืบแล้วกลับพบป้ายของเขาในสถานที่ที่ท่านมหาเทพทักษิณสวรรค์เคยเพาะเลี้ยงเส้นชีพจรทำ อีกทั้งยังพบสิ่งแปลกประหลาดบริเวณนั้น”
พูดจบ เขาสะบัดมือทีหนึ่ง กลางตำหนักปรากฏภาพหนองน้ำด้านล่างเหวที่อวิ๋นเจี่ยวพบเมื่อคราวที่แล้วขึ้นมาทันที
“หญ้ามังกร?” ทุกคนต่างผงะที่เห็นพืชต้นนี้
“เหตุใดโลกมนุษย์จึงมีหญ้ามังกรได้” หลงฉางจ้องมองไปยังสิงเหิง “อีกทั้งลักษณะที่หญ้ามังกรถูกทับนั้น ท่านมหาเทพสิงเหิงรู้สึกคุ้นตาบ้างหรือไม่”
ทุกคนมองดู ก่อนจะอุทานออกมา “ไข่…ไข่มังกร ที่นี่เคยวางไข่มังกร!”
สีหน้าของสิงเหิงเปลี่ยนไป นางถลึงตาใส่หลงฉาง “เจ้าสงสัยว่าข้าร่วมมือกับท่านมหาเทพทักษิณสวรรค์ หลอกใช้เขาเพาะเลี้ยงเส้นชีพจรเทพมาช่วยให้ลูกข้ากำเนิดออกมา? เหลวไหลสิ้นดี!” นางตบโต๊ะที่อยู่ด้านข้างอย่างแรง ใบหน้าเต็มไปด้วยความโกรธ “มังกรที่แท้จริงของสวรรค์สี่ทิศ มีเพียงลูกข้าที่ยังไม่ฟักออกมาก็จริง แต่ข้าวางเขาไว้ในวัง ไม่เคยออกไปแม้แต่น้อย เรื่องนี้ทุกคนในวังของข้าต่างรู้ดี เจ้าคิดจะใช้หญ้ามังกรนี้มาใส่ร้ายข้า?”