ศิษย์หลานข้า ระวังอย่าหลงผิด - ตอนที่ 269 ผู้ร้ายตัวจริงหวาซู
“ฮึ เจ้าก็บอกว่ามีเพียงเทพในวังของเจ้าเห็น” ทันทีที่สิงเหิงพูดจบ ท่านมหาเทพอุดรสวรรค์สิงเย่ก็เสียดสีขึ้นทันที “ล้วนเป็นคนในวังของเจ้า ใครจะรู้ว่าเรื่องจริงหรือเท็จ”
“เจ้า…” สิงเหิงยิ่งโกรธมากขึ้น นางหันไปถลึงตาใส่สิงเย่ ก่อนจะมองไปยังอีกสองคน นางหัวเราะเสียงเย็นออกมาราวกับเข้าใจอะไรบางอย่าง “ดี ท่าทางพวกเจ้าจะหารือกันมาก่อนเพื่อหาเรื่องประจิมสวรรค์ของข้า”
สิงซีขมวดคิ้วพร้อมอธิบาย “พี่สอง ท่านเข้าใจผิด พวกเราไม่ได้…”
“เข้าใจผิดอย่างไร!” สิงเหิงลุกขึ้นด้วยความโกรธจัด ก่อนจะกวาดตามองคนทุกคนอย่างเย็นชา “ทั้งสามโลกล้วนรู้ว่าระหว่างพวกเราต้องมีสงครามเกิดขึ้น ไม่จำเป็นต้องใช้ข้ออ้างไร้สาระเช่นนี้ คิดว่าประจิมสวรรค์จะกลัวพวกเจ้าหรือ” พูดจบ นางก็ยกมือขึ้น ท่านเทพด้านหลังล้วนจับอาวุธแน่น ทำท่าทางพร้อมก่อสงคราม
“เรื่องระหว่างพวกเจ้าข้าไม่สนใจ” หลงฉางพูดพร้อมกวาดตามองคนทั้งสาม “ข้ามาเพื่อสืบเรื่องของสหายเขตหมิ่นเฟิน และคืนความยุติธรรมให้เขา ในเมื่อท่านมหาเทพประจิมสวรรค์ ปฏิเสธว่าหญ้ามังกรนี้เกิดจากไข่มังกร เช่นนั้นก็ไม่เป็นไร…”
หลงฉางหยุดชะงักลง ก่อนจะหัวเราะเสียงเบา สายตาของเขาตกอยู่บนตัวของท่านเทพหวาซูด้านหลังนาง ก่อนจะหยิบสิ่งหนึ่งออกมา “เช่นนั้นสิ่งนี้ ท่านมหาเทพประจิมสวรรค์คุ้นเคยหรือไม่”
ในมือของเขาปรากฏลูกแก้วสีขาวลักษณะกลมลูกหนึ่งที่มีพลังเทพอยู่เล็กน้อย
ท่านมหาเทพประจิมสวรรค์ผงะไป ก่อนจะมองลูกแก้วในมือของเขาด้วยสีหน้าฉงน “นี่คืออะไร”
“ลูกแก้วกำเนิดวิญญาณ!” นางยังพูดไม่ทันจบ ท่านอาวุโสของสำนักเทียนซือพูดออกมาด้วยความตกตะลึง สิ่งที่อยู่ในมือของหลงฉางคือ ลูกแก้วมังกรที่ท่านมหาเทพทักษิณสวรรค์ใช้ในการเพาะเลี้ยงเส้นชีพจรเทพ
“ใช่ นี่คือสิ่งที่ท่านมหาเทพทักษิณสวรรค์ใช้กลืนกินวิญญาณนับหมื่นนับพันเพื่อนำมาเพาะเลี้ยงเส้นชีพจรเทพ” หลงฉางหมุนลูกแก้วในมือ ก่อนจะมองตรงไปยังคนตรงข้าม “วิญญาณที่หลงเหลืออยู่ในลูกแก้วถูกราชายมโลกส่งไปเกิดใหม่แล้ว ดังนั้นข้าจึงขอลูกแก้วนี้มาดู สิ่งที่น่าแปลกคือข้าพบว่าในลูกแก้วนี้มี…ผนึกพิเศษ”
ทันทีที่เขาพูดจบ ได้ยินเพียงเสียงลูกแก้วแตกออก พลังเทพด้านในหลั่งไหลออกมาทันที เศษเสี้ยวของข่ายพลังกระพริบหลายที ก่อนจะกลายเป็นควันสีขาวจางๆ จากนั้นรวมตัวกันเป็นผนึกพิเศษขึ้นมา
“นี่คือ…ผนึกของท่านหวาซู!” มีคนอุทานออกมา ทันใดนั้นสายตาของทุกคนภายในตำหนักล้วนมองไปยังท่านเทพชุดสีฟ้าด้านหลังของสิงเหิง
การหลอมอาวุธสวรรค์ล้วนต้องถ่ายทอดพลังไม่มากก็น้อยลงไป อีกทั้งพลังของแต่ละคนมีความแตกต่างกัน ถึงจะเป็นนักหลอมอาวุธที่แข็งแกร่งแค่ไหน ก็มักจะหลงเหลือร่องรอยพลังของตนเองทิ้งไว้ ดังนั้นนักหลอมอาวุธโดยทั่วไปมักจะรวมพลังเหล่านี้ให้กลายเป็นผนึกเฉพาะของตนเอง ถึงแม้บางผนึกจะสามารถมองเห็นได้ทันที แต่บางผนึกมักถูกซ่อนเร้นเอาไว้ แต่จะปรากฏออกมาหลังจากที่อาวุธสวรรค์พังทลายลง
หวาซูเป็นนักหลอมอาวุธที่โด่งดังในโลกสวรรค์ นอกจากท่านเทพเหวินชิงของบูรพาสวรรค์แล้ว วิชาการหลอมอาวุธของเขาไม่มีใครสามารถเทียบได้ อีกทั้งยังมีท่านเทพไม่น้อยขอให้เขาช่วยหลอมอาวุธสวรรค์ ผนึกของเขาจึงมีคนจำนวนมากรู้จัก
“หวาซู…” สิงเหิงเองก็จำผนึกนั้นได้ นางหันไปมองคนด้านหลังด้วยสีหน้าเหลือเชื่อ ความโกรธภายในใจลุกโชนขึ้นมาทันที “ลูกแก้วกำเนิดวิญญาณเป็นฝีมือของเจ้าจริงหรือ?!”
สีหน้าของหวาซูเปลี่ยนไป ภายในดวงตามีความตื่นตระหนก แต่ทันใดนั้นเขาตั้งสติได้ ก่อนจะถอยหลังคารวะไปยังสิงเหิง “ท่านมหาเทพเชื่อข้า ถึงแม้ลูกแก้วนี้จะเป็นฝีมือของข้า แต่ข้าไม่เคยร่วมมือกับท่านมหาเทพทักษิณสวรรค์” เขาอธิบายด้วยสีหน้าร้อนใจ “ตอนนั้นข้าหลอมอาวุธที่สามารถรวบรวมพลังเทพช่วยให้นายน้อยกำเนิดตามคำสั่งของท่าน ก่อนจะหลอมลูกแก้วกำเนิดวิญญาณนี้ออกมาโดยไม่เจตนา ข้าเพียงแค่เก็บมันไว้ในคลังอาวุธเสียเหมือนกับอาวุธอื่นๆ ท่านมหาเทพก็รู้ดี!”
สีหน้าของสิงเหิงผ่อนคลายขึ้นมาเล็กน้อย เมื่อนึกได้ว่าหวาซูชื่นชอบการหลอมอาวุธ หลายปีมานี้เขาหลอมอาวุธนานาชนิดออกมามากมาย
ท่านมหาเทพอุดรสวรรค์สิงเย่ที่อยู่ตรงข้ามกลับส่งเสียงอืมในลำคอ กว่าเขาจะหาจุดอ่อนของสิงเหิงเจอ เขาไม่มีทางปล่อยไปง่ายๆ แน่ “หวาซู เจ้าจะบอกว่าท่านมหาเทพทักษิณสวรรค์ ขโมยลูกเเก้วกำเนิดวิญญาณ ซึ่งเป็นอาวุธที่เจ้าหลอมไม่สำเร็จไป ดังนั้นจึงเกิดเรื่องก่อนหน้านี้และถูกราชายมโลกลงโทษ เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับตัวเจ้าอย่างสิ้นเชิง?”
หวาซูพูดด้วยสีหน้าบริสุทธิ์ “ข้า… ไม่รู้ว่าสิ่งนี้ตกอยู่ในมือของท่านมหาเทพทักษิณได้อย่างไรจริงๆ”
“เหลวไหล!” สิงเย่พูดเสียงดัง “อาวุธนี้เจ้าเป็นคนหลอมขึ้นมา ท่านมหาเทพจะรู้ได้อย่างไรว่าสิ่งนี้สามารถรวมวิญญาณและเพาะเลี้ยงเส้นชีพจรเทพได้! หรือเขาเคยเข้าสิงเจ้า ถึงรู้ความคิดของเจ้า!”
สีหน้าของหวาซูไม่สู้ดีนัก แต่เขายังคงไม่ยอมรับ “ข้าไม่รู้เรื่องนี้จริงๆ” เขาเงยหน้าขึ้นมองหลงฉางที่อยู่ด้านข้าง “เจ้าเมืองหลง คนบนโลกสวรรค์ต่างรู้ว่าข้าเชี่ยวชาญด้านการหลอมอาวุธ อาวุธที่หลอมออกมามีมากกว่าพันชิ้น อาวุธของเหล่าท่านเทพจำนวนมากล้วนเป็นฝีมือข้า ถึงแม้ลูกเเก้วกำเนิดวิญญาณนี้จะออกมาจากมือข้า แต่หากจะใช้วิธีการนี้ตัดสินว่าข้าเป็นคนทำ เช่นนั้นเรื่องที่คนใช้อาวุธของข้ากระทำล้วนต้องเป็นความผิดของข้าหรือ”
ทันทีที่เขาพูดจบ ทุกคนต่างขมวดคิ้ว คำพูดของเขาก็ไม่ผิด ไม่อาจตัดสินว่าเรื่องนี้เป็นฝีมือของเขาเพียงเพราะอาวุธชิ้นเดียวได้
“จะมีเรื่องบังเอิญเช่นนี้?” สิงเย่ไม่ยอมปล่อยเขาไป เขาพูดกับสิงเหิง “ลูกแก้วกำเนิดวิญญาณเป็นฝีมือของท่านเทพภายใต้เจ้า สถานที่กลืนกินวิญญาณมีการปรากฏของไข่มังกร ทั้งโลกสวรรค์มีเพียงลูกของเจ้าที่ยังไม่ออกมา เจ้ากล้าบอกว่าเรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับประจิมสวรรค์แม้แต่น้อย?”
“ฮึ สิงเย่เจ้าไม่ต้องมาพูดบิดเบือน” สิงเหิงถลึงตาใส่ “หากพวกเจ้าสามารถพิสูจน์ได้ว่าเป็นฝีมือของหวาซู ข้าจะจัดการเขาเอง หากพวกเจ้าไม่มีหลักฐาน ข้าไม่มีทางยอมให้พวกเจ้ารังแกคนของข้า!” พูดจบนางหันไปมองหลงฉางอีกครั้ง “เจ้าเมืองหลง ถึงแม้ลูกแก้วกำเนิดวิญญาณนี้จะเป็นฝีมือของหวาซู แต่ก็ไม่อาจพิสูจน์ได้ว่าเขาเป็นคนมอบให้ท่านมหาเทพทักษิณสวรรค์”
คิ้วของหลงฉางขมวดมุ่น เขากระชับมือข้างตัวแน่น ก่อนจะพูดขึ้น “ข้าไม่มีหลักฐานจริง”
สีหน้าของหวาซูโล่งใจทันที ก่อนจะเผยสีหน้าได้ใจขึ้นมา แต่ทันใดนั้นเขาก็ได้ยินอีกฝ่ายพูดขึ้น
“แต่ว่า…” หลงฉางเผยรอยยิ้มออกมา ก่อนจะหรี่ตาลงเล็กน้อย “หากคิดอยากจะพิสูจน์ว่าเป็นฝีมือของเจ้าหรือไม่ไม่ใช่เรื่องยาก”
“ท่านหมายความว่าอย่างไร” หวาซูใจหล่นวูบ ทันใดนั้นมีลางสังหรณ์ไม่ดีผุดขึ้นมาภายในใจ
หลงฉางยิ้มกว้างมากขึ้น “ก่อนมาที่นี่ ข้าแวะไปเมืองตี้หยินมา พร้อมกับยืมสิ่งหนึ่งมาจากท่านยมราชเมืองตี้หยิน” พูดจบเขาก็สะบัดมือขึ้น ทุกคนเห็นเพียงหมอกขาวปรากฏขึ้นในตำหนัก หมอกควันนั้นสั่นไหวก่อนจะพบว่าตรงกลางมีกระจกลอยอยู่
“กระจกย้อนอดีต!” ชายแก่ที่เป็นยมราชสำรองพูดขึ้น