ศิษย์หลานข้า ระวังอย่าหลงผิด - ตอนที่ 278 ท่านมหาเทพป่วย
อวิ๋นเจี่ยวรู้ทันทีว่าเธอมาถึงโลกสวรรค์แล้ว
สถานที่แห่งนี้แตกต่างจากโลกด้านล่างอย่างมาก ท้องฟ้าเต็มไปด้วยแสงเจ็ดสี บริเวณรอบข้างเต็มไปด้วยเมฆมงคล กวาดตามองไป พบเห็นภูเขานับไม่ถ้วนลอยอยู่กลางอากาศ บนนั้นเต็มไปด้วยดอกไม้ต้นหญ้าที่แปลกประหลาด อีกทั้งยังสามารถมองเห็นตำหนักที่สวยงามซ่อนอยู่ภายใน
หยวนเจียงพาเธอมุ่งไปยังทิศตะวันออก พวกเขาบินราวครึ่งชั่วยาม ก่อนที่ตรงหน้าจะปรากฏประตูหินสีขาวขนาดใหญ่ขึ้น ด้านบนของประตูหินมีตัวอักษรสลักทองเขียนไว้ว่า “วังบูรพาสวรรค์”
ด้านหน้าประตูมีท่านเทพสวมเสื้อเกราะยืนอยู่สองฝั่ง เมื่อเห็นพวกเขาเข้าใกล้ต่างทำความเคารพหยวนเจียง “คารวะท่านเทพ!” สายตากวาดมองไปยังอวิ๋นเจี่ยวที่อยู่ด้านข้างด้วยความสงสัย
หยวนเจียงร้อนใจในอาการของสิงซี จึงเพียงแค่พยักหน้ารับเล็กน้อยเท่านั้น ก่อนจะนำอวิ๋นเจี่ยวเดินเข้าไปด้านใน
ทันทีที่ก้าวเท้าเข้าประตู ภาพเมฆมงคลตรงหน้าเปลี่ยนไป ตำหนักสีทองอร่ามปรากฏอยู่ตรงหน้า แสงสีทองที่ปะปนพลังเทพพัดผ่านหน้ามา
อวิ๋นเจี่ยวหรี่ตาลงเล็กน้อย สมกับที่เป็นวังของท่านมหาเทพ ทุกมุมล้วนเปล่งประกายกลิ่นอายของความอลังการ แม้แต่ตำหนักยังเป็นสีทอง อีกทั้งพื้นที่กว้างอย่างไร้ที่สิ้นสุด
บนท้องฟ้ายังมีนางฟ้าที่สวมชุดสีสันหลากหลายบินผ่านเป็นครั้งคราว บางคนยังทิ้งสีสันราวสายรุ้งไว้ด้านหลัง ทุกย่างก้าวราวกับเหยียบอยู่บนก้อนเมฆ ดอกไม้สีขาวสองด้านผลิบานตามการก้าวเท้าของพวกเขา
“ศิษย์หลาน ท่านมหาเทพอยู่ในตำหนักด้านหน้านี้” หยวนเจียงพลางนำทางพลางอธิบาย เขาสาวเท้าเร็วขึ้น พาเธอเดินผ่านตำหนักใหญ่มายังตำหนักที่อยู่ด้านหลัง
หน้าตำหนักทีสองคนที่ยืนรออยู่ คนหนึ่งเป็นชายแก่ที่ไม่คุ้นหน้า ในมือถือกล่องยา ส่วนอีกคนคือเหวินชิงที่ไม่เจอกันมาหลายปี ทั้งสองคนทำหน้าเคร่งเครียด ใบหน้าของเหวินชิงที่เหี่ยวอยู่แล้วยิ่งเหี่ยวเข้าไปใหญ่
“ศิษย์หลาน!” เหวินชิงเป็นคนแรกที่สังเกตเห็นพวกเขาทั้งสองคน สีหน้าของเขาแปรเปลี่ยนเป็นความดีใจ ก่อนจะรีบเดินเข้ามา “เจ้ามาแล้ว! ข้าร้อนใจมาก ดีจริงๆ! หากมีเจ้าอยู่ท่านมหาเทพต้องหายดีแน่!”
“เหวินชิง นางคือคนที่พวกเจ้าบอก…” ชายแก่ด้านข้างมองอวิ๋นเจี่ยวด้วยความสงสัย คิ้วของเขาขมวดขึ้น อายุเพียงเท่านี้ อีกทั้งยังเป็นหญิงสาว “นาง…ทำได้จริงหรือ”
“ราชายา ท่านพูดอะไร นางคือศิษย์หลานของพวกข้า!” อวิ๋นเจี่ยวยังไม่ทันตอบ เหวินชิงก็ชิงพูดขึ้นมาก่อนด้วยสีหน้าภาคภูมิใจ “ข้าจะบอกท่านให้ ไม่มีคนที่ศิษย์หลานข้ารักษาไม่หาย!” ท่าทางมั่นใจเช่นนั้น ราวกับไม่ได้กำลังพูดถึงศิษย์หลานของตนเอง แต่เป็นอาจารย์อา!
อวิ๋นเจี่ยว: “…”
“ศิษย์หลานรีบช่วยพวกข้าดูอาการของท่านมหาเทพ” พูดจบ เขาทำสีหน้ารีบร้อนจนแทบจะร้องไห้ออกมา ก่อนจะดึงคนเข้าไปในตำหนัก
อวิ๋นเจี่ยว จึงทำได้เพียงเดินตามเขาไป เมื่อเทียบกับการตกแต่งที่อลังการด้านนอก ภายในตำหนักกลับตกแต่งได้อย่างสวยงามและเรียบง่าย มีกลิ่นอายของความโบราณ พวกเขาคงมีการเตรียมการไว้ก่อน ภายในตำหนักไม่มีคนอื่น แม้แต่เทพรับใช้ก็ไม่มีแม้แต่คนเดียว
เธอเดินตามเหวินชิงเข้าไปด้านใน ก่อนจะพบว่าคนที่สวมชุดนอนนอนราบอยู่บนเตียงที่อยู่ห่างออกไปไม่ไกล ดวงตาของเขาปิดสนิท ลมหายใจแผ่วเบาราวกับเข้าสู่ห้วงนิทรา อีกฝ่ายคือท่านมหาเทพบูรพาสวรรค์ที่เคยพบก่อนหน้านี้
อวิ๋นเจี่ยวกวาดตามองอีกฝ่าย พบว่าสีหน้าเขาซีดเซียวอย่างประหลาด บริเวณใจกลางหว่างคิ้วมีรอยดำจางๆ เธอวางกล่องยาในมือลง ก่อนจะนั่งลงบนเก้าอี้บริเวณข้างเตียง และจับชีพจรของอีกฝ่าย
ดูไปสักพักก็เกิดความตกตะลึง ลักษณะของเส้นชีพจรนี้…
ดังนั้น เธอจึงตรวจร่างกายของอีกฝ่ายอย่างละเอียด ความฉงนภายในใจยิ่งเพิ่มพูนมากขึ้น เธอเก็บมือกลับมาพร้อมครุ่นคิด
“ศิษย์หลาน เป็นอย่างไร ท่านมหาเทพเป็นอะไร” เหวินชิงถาม
อวิ๋นเจี่ยวจขมวดคิ้ว ก่อนจะตอบ “ไม่เป็นอะไร!”
“ฮะ!” เหวินชิงผงะ หมายความว่าอย่างไร
“ชีพจรของเขาเสถียรไม่แตกต่างจากคนทั่วไป อีกทั้งพลังในร่างกายหมุนเวียนตามปกติ ถึงแม้ก่อนหน้านี้จะได้รับบาดเจ็บสาหัส แต่อาการบาดเจ็บนั้นหายดีแล้ว ไม่มีสิ่งผิดปกติแม้แต่น้อย”
“…” หมายความว่าอย่างไร หรือว่าท่านมหาเทพเพียงแค่นอนหลับเท่านั้นหรือ อีกทั้งยังหลับนานวันเช่นนี้?
“ข้าก็คิดเช่นนี้เหมือนกัน” ราชายาที่อยู่ด้านข้างถอนหายใจออกมา ก่อนจะพูดอย่างรีบร้อน “เดิมทีข้าคิดว่าเป็นสาเหตุมาจากบาดแผลเก่า แต่หลังจากการรักษาบาดแผลของท่านก็เก่าหายดีแล้ว ร่างกายของท่านมหาเทพไม่มีปัญหาใดๆ ทั้งสิ้น”
“เช่นนั้นเหตุใดท่านมหาเทพไม่ฟื้นขึ้นมาเสียที” หยวนเจียงถาม
ราชายาทำสีหน้าเศร้าโศก “เรื่องนี้…ข้า…ไม่อาจตอบได้!” เขาไม่เห็นปัญหาอื่น อีกทั้งไม่รู้ว่าจะรักษาอาหารของท่านมหาเทพได้อย่างไร ท่านเทพหยวนเจียงจึงต้องไปเชิญศิษย์หลานของตนมา
“ศิษย์หลาน…” เหวินชิงร้อนใจ มองไปยังคนด้านข้างด้วยความหวัง “ไม่มีวิธีแล้วหรือ”
อวิ๋นเจี่ยวมองดูสิงซีที่นอนอยู่บนเตียงอีกครั้ง คิ้วของเธอขมวดขึ้น สักพักสายตาของเธอหยุดลงอยู่ที่เงาดำที่ผิดปกติระหว่างคิ้วของอีกฝ่าย ก่อนจะถามขึ้น “อาจารย์อาหยวน อาการบาดเจ็บก่อนหน้านี้ของเขาอยู่บริเวณใด” เนื่องจากราชายารักษาบาดแผลภายนอกไปแล้ว ทำให้เธอมองไม่ออก ในเวลานั้น
หยวนเจียงผงะ ถึงแม้จะไม่เข้าใจว่าเหตุใดเธอถึงถาม แต่เขาก็ยังตอบตามความเป็นจริง “ด้านหลัง! ท่านมหาเทพถูกดาบฟันที่ด้านหลัง”
อวิ๋นเจี่ยว ลุกขึ้นถอยไปหนึ่งเก้า ก่อนจะชี้ไปยังคนบนเตียง “พวกท่านพลิกตัว และถอดเสื้อผ้าของเขาออก”
“ฮะ? อ้า!” ไม่เพียงแต่หยวนเจียง แม้แต่ราชายาด้านข้างก็ตกตะลึง
“นิ่งอยู่ทำไม รีบถอดสิ!” เมื่อเห็นทั้งสามคนยืนนิ่ง อวิ๋นเจี่ยวจึงเร่งเร้า เธอมองสีหน้าลังเลของทั้งสามคน ก่อนจะพูดเสริมขึ้น “ข้าเพียงแค่อยากดูตำแหน่งที่เขาบาดเจ็บ” คิดอะไรกัน!
“อ่อๆ!” ทั้งสามคนดึงสติกลับมาได้ ก่อนจะพลิกตัวคนที่นอนนิ่งอยู่บนเตียง จากนั้นดึงเสื้อด้านบนของอีกฝ่ายออก เผยให้เห็นผิวขาวราวหิมะภายใต้เสื้อผ้า
ราวกับกลัวเธอมองไม่เห็น ราชายาชี้นิ้วไปบริเวณสันหลังเอนเอียงไปทางขวาเล็กน้อย “ ตำแหน่งของบาดแผลก่อนหน้านี้ของท่านมหาเทพอยู่ตรงนี้ เพียงแต่ก่อนหน้านี้ข้ารักษาไปแล้ว อีกทั้งยังใช้ยาสมานเนื้อลบรอยไป ดังนั้นบริเวณนี้จึงไม่แตกต่างจากส่วนอื่น”
ไม่แตกต่าง?
อวิ๋นเจี่ยว มองไปยังตำแหน่งที่เขาชี้ เพียงแต่บริเวณนั้นมีเงาดำลักษณะคล้ายระหว่างคิ้ว เพียงแต่มีความเข้มยิ่งกว่า ทันใดนั้นเธอตกตะลึง
พวกเขามองไม่เห็น!
เหมือนทุกครั้งที่เธอรักษา พลังวิญญาณหรือพลังปีศาจที่หลบซ่อนอยู่ภายในร่างกาย ทั้งที่เธอสามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า แต่คนอื่นเรากลับไม่รับรู้แม้แต่น้อย
ตอนแรกเธอคิดว่าเป็นสาเหตุมาจากตาทิพย์ของตน ดังนั้นคนอื่นจึงมองไม่เห็น มีเพียงเธอสามารถมองเห็นได้แต่ตอนนี้ ไม่ว่าจะเป็นราชายาหรืออาจารย์อาทั้งสอง พวกเขาล้วนเปิดตาทิพย์แล้วทั้งสิ้น เหตุใดพวกเขาจึงมองไม่เห็น
อวิ๋นเจี่ยวครุ่นคิด ก่อนจะพบว่าตาทิพย์ของตนเองเหมือนจะ…แตกต่างจากของคนอื่น?!