ศิษย์หลานข้า ระวังอย่าหลงผิด - ตอนที่ 279 ฝังเข็มรักษา
“ศิษย์หลาน เป็นอย่างไรบ้าง” เหวินชิงถามอย่างร้อนใจ
อวิ๋นเจี่ยวไม่ตอบคำถาม เพียงแต่หยิบเข็มสีทองออกมา ก่อนจะฝังลงไปยังตำแหน่งของเงาดำนั้น นาทีถัดมา ด้านล่างของผิวที่ไร้บาดแผลนั้นเริ่มปรากฏสีฟ้าจางๆ ขึ้นมาราวกับมีบางอย่างกำลังเคลื่อนไหวอยู่ภายใน
ทั้งสามคนที่เหลือต่างตกตะลึง เห็นเพียงแต่สีฟ้านั้นเข้มขึ้นเรื่อยๆ อีกทั้งยังขยายออกไปทั่วทั้งร่างกายของเขาตามเส้นชีพจร
“นี่…นี่คือ…” ราชายาเบิกตาโพลงด้วยความเหลือเชื่อ
“พลังในร่างกายของเขามีปัญหา ข้าจะเดินเข็มบีบมันออกมา พวกท่านจับเขาเอาไว้” อวิ๋นเจี่ยวกำชับ ก่อนจะฝังลงไปอีกหลายเข็ม
คนที่นอนสลบอยู่บนเตียงเริ่มดิ้นรนขึ้น พร้อมกับส่งเสียงโอดครวญอย่างเจ็บปวดออกมา
“ยืนนิ่งอยู่ทำไม! จับเขาเอาไว้!” อวิ๋นเจี่ยวหันไปมองคนทั้งสาม
“อ่อๆ ได้!” พวกเขาราวกับเพิ่งตื่นจากความฝัน ก่อนจะรีบเดินขึ้นหน้าไปจับคนที่นอนอยู่บนเตียง ท่านมาหาเทพบูรพาสวรรค์ดิ้นรนอย่างแรง พลังทั้งตัวเพิ่มขึ้นอย่างมหาศาล พลังเหล่านั้นกลายเป็นกระแสลมที่แหลมคมพุ่งโจมตีมาอย่างรอบด้าน
หยวนเจียงและทั้งสามคนถึงขั้นต้องใช้พลังควบคุมคนบนเตียงเอาไว้ อวิ๋นเจี่ยวเร่งความเร็วในการฝังเข็ม หลังจากฝังไปหลายสิบเข็มติดต่อกัน ในที่สุดข่ายพลังสีทองหนึ่งปรากฏขึ้นบนแผ่นหลังของท่านมหาเทพบูรพาสวรรค์ ก่อนจะจมลงสู่ร่างกายของอีกฝ่ายอย่างช้าๆ
“เดินเข็มวางข่ายพลัง!” ราชายาอุทานออกมา ก่อนจะมองไปยังอวิ๋นเจี่ยวด้วยความตกตะลึง ยังไม่ทันได้พูดอะไรออกมา พลังมหาศาลกลุ่มหนึ่งถูกปลอดปล่อยออกมาจากตัวของสิงซี ราชายาไม่ทันระวัง ถูกพลังกลุ่มนั้นซัดออกไปกระแทกเข้ากับกำแพง
“ราชายา!” เหวินชิงร้องเสียงหลง เขารู้สึกว่าพลังภายในร่างกายของท่านมหาเทพยิ่งเพิ่มมากขึ้น แม้แต่เขาก็แทบจะจับไว้ไม่อยู่ เขามองไปยังอวิ๋นเจี่ยว “ศิษย์หลาน…”
“อดทนอีกหน่อย!” อวิ๋นเจี่ยว ยังคงเดินเข็มปรับเปลี่ยนข่ายพลัง จนกระทั่งข่ายพลังสีทองจมลงสู่ร่างกายของอีกฝ่ายทั้งหมด ข่ายพลังสีทองนั้นหลั่งไหลเข้าไปตามเส้นชีพจรดันพลังสีฟ้าที่ราวกับตาข่ายแมงมุมในตัวของอีกฝ่ายออกมาทีละน้อย
ในเวลานั้นร่างของท่านมหาเทพบูรพาสวรรค์เปล่งประกายแสงสีฟ้า ราวกับมีหมอกควันอะไรบางอย่างกำลังแทรกซึมออกมาจากภายในร่างกายของเขา
“นี่คือ…อะไรกัน” หยวนเจียงและเหวินชิงต่างผงะ ก่อนจะรู้สึกมีแรงกระแทกบางอย่างระเบิดออกมาจากตัวของท่านมหาเทพ
“หลบไป!” อวิ๋นเจี่ยวที่สังเกตการณ์อยู่พูดเตือนเสียงดัง
หยวนเจียงและเหวินชิงรีบปล่อยมือก่อน ก่อนจะก้าวถอยไปด้านหลังอย่างรวดเร็ว อีกทั้งพวกเขายังไม่ลืมลากอวิ๋นเจี่ยวไปด้วย
แทบจะเป็นเวลาเดียวกันกับที่ทุกคนถอยออกไป เสียงระเบิดดังกึกก้องขึ้นมา แสงสีฟ้าที่ถูกดันออกมาจากร่างกายระเบิดออกอย่างกะทันหัน แรงกระแทกมหาศาล กวาดผ่านเตียงนอนและโต๊ะเก้าอี้บริเวณรอบด้าน ในขณะที่แรงนั้นกำลังจะกวาดมายังพวกเธอ
อวิ๋นเจี่ยวหยิบยันต์สีทองออกมาป้องกันการถูกซัดออกไป
ภายในตำหนักเละไม่เป็นท่า ตำหนักสวยงามหรูหราถูกพังทลายไปจนหมดสิ้น แม้แต่ประตูหน้าต่างก็กลายเป็นเศษไม้จากแรงกระแทกเมื่อครู่ ทั้งตำหนักมีแนวโน้มที่จะพังทลายลง
“ท่านมหาเทพ!” ราชายาอุทานออกมา ก่อนจะรีบลุกขึ้น ท่านมาหาเทพบูรพาสวรรค์ล่วงลงกับพื้น เพียงแต่เขาเงียบสงบลงไปแล้ว
อวิ๋นเจี่ยวรีบเดินเข้าไปดู เห็นเพียงแต่สิงซีในตอนนี้มีสภาพย่ำแย่อย่างมาก เส้นชีพจรทั้งร่างราวกับระเบิดออก ทั้งตัวอาบไปด้วยเลือด ลมหายใจยิ่งรวยรินแทบจะสัมผัสไม่ได้
“ศิษย์… ศิษย์หลาน นี่…นี่มันเรื่องอะไรกัน” เหวินชิงทำหน้าฉงน ทำไมยิ่งรักษายิ่งแย่
อวิ๋นเจี่ยวไม่ตอบ เพียงแต่นั่งลงไปจับเส้นชีพจรของอีกฝ่าย เส้นชีพจรที่ของอีกฝ่ายวุ่นวายมาก หากสิงซีไม่ใช่มังกรเสวียน ร่างกายของเขามีความแข็งแกร่งอยู่ก่อนแล้ว มิเช่นนั้นจากสถานการณ์เมื่อกี้คงห่างจากความตายไม่ไกลแล้ว
“เส้นชีพจรหัวใจยังดีอยู่ ซ่อมเส้นชีพที่เสียหาย” เธอกำชับ
“สหายท่านนี้…” ราชายาถามขึ้น “พลังสีฟ้าเมื่อครู่คือ…อะไรกัน” เขาเป็นหมอ ดังนั้นจึงรู้ว่าเมื่อกี้อวิ๋นเจี่ยวใช้การฝังเข็มบีบบังคับสิ่งที่อยู่ในเส้นชีพจรของท่านมหาเทพออกมา แต่สิ่งที่น่าแปลกคือ ก่อนหน้านี้เขาไม่เคยสังเกตเห็นสิ่งนี้มาก่อน
“ข้าก็ไม่รู้” อวิ๋นเจี่ยวส่ายหัว “เพียงแต่สิ่งนั้นกำลังกลืนกินร่างกายของเขา หากช้ากว่านี้ เมื่อรอมันรุกรานเข้าไปในเส้นชีพจรเสวียน ข้าเองก็ไม่อาจรักษาได้”
ทั้งสามคนเหงื่อตก โชคดีที่ยังทันเวลา
“เช่นนั้น…ท่านมหาเทพจะฟื้นขึ้นมาเมื่อใด” ราชายาถามขึ้นอีกครั้ง
อวิ๋นเจี่ยวหยุดการจับเส้นชีพจร ก่อนจะตรวจดูจิตของอีกฝ่าย “พักฟื้นให้มากก็พอ เพียงแค่จิต…เอ๊ะ?” มือของเธอชะงักไป ก่อนจะมองไปยังคนบนพื้นด้วยความตกตะลึง “เหตุใดวิญญาณของเขาไม่อยู่ในร่าง”
“เป็นไปได้อย่างไร?!” ทั้งสามคนตกตะลึง ก่อนจะสัมผัสจิตของสิงซี ทันใดนั้นใบหน้าของคนทั้งสามต่างซีดเผือด ร่างกายของท่านมหาเทพไม่มีวิญญาณ
“เหตุใดจึงเป็นเช่นนี้ ทั้งที่ก่อนหน้านี้ข้าเพิ่งตรวจร่างกายของท่านมหาเทพ” ราชายาทำหน้าเหลือเชื่อ ทั้งที่ก่อนหน้านี้ไม่มีปัญหาแม้แต่น้อย หรือว่า…พลังสีฟ้าเมื่อครู่ปิดบังอาการที่แท้จริงเอาไว้ ทำให้พวกเขาไม่สังเกตเห็นว่าวิญญาณของท่านมหาเทพหลุดออกจากร่างไป
“ข้าลองใช้คาถาเรียกวิญญาณ!” เหวินชิงท่องคาถาขึ้นมาอย่างรวดเร็ว แต่หลังจากลองมาหลายครั้ง คนบนพื้นกลับไม่มีปฏิกิริยาแม้แต่น้อย
“เหตุใดถึงใช้ไม่ได้!” เหวินชิงทำหน้าฉงน ตามหลักแล้วหากอีกฝ่ายเป็นวิญญาณที่ยังมีชีวิตจะต้องกลับมาอย่าวรวดเร็วถึงจะถูก
หยวนเจียงเองก็ลองดู แต่ไม่ว่าจะกี่ครั้ง คนบนพื้นกลับไม่มีแนวโน้มว่าจะมีปฏิกิริยาแม้แต่น้อย
สีหน้าของทั้งสามคนยิ่งซีดลงไปอีก ทำได้เพียงมองไปยังอวิ๋นเจี่ยว
อวิ๋นเจี่ยวตรวจดูคนบนพื้นอย่างละเอียด “จากการรั่วไหลของพลังชีวิต วิญญาณของเขาหลุดออกไปได้ระยะหนึ่งแล้ว อย่างน้อยสามเดือนขึ้นไป”
“สามเดือน!” หยวนเจียงนึกบางอย่างขึ้นได้ เขาพูดโพล่งออกมา “เวลาที่ท่านมหาเทพล้มป่วย”
ไม่คิดว่าวิญญาณจะหลุดออกจากร่างเป็นเวลานานเช่นนี้ แต่พวกเขากลับไม่มีคนสังเกตเห็น พลังสีฟ้าพวกนั้นคืออะไรกันแน่
“ฮึ ต้องเป็นฝีมือของคนในทักษิณสวรรค์เป็นแน่ เลวทรามเสียจริง!” ราชายาด่าทอขึ้นมา “พวกเขาต้องวางแผนลอบทำร้ายท่านมหาเทพตั้งแต่แรกเป็นแน่!”
“ทักษิณสวรรค์?” อวิ๋นเจี่ยวผงะ ก่อนจะถามขึ้น “เหตุใดยังมีทักษิณสวรรค์” ท่านมหาเทพทักษิณสวรรค์ถูกอิ้งหลุนส่งเข้าไปในวัฏจักรการเวียนว่ายตายเกิดแล้วไม่ใช่หรือ
หยวนเจียงมองเธอทีหนึ่ง ก่อนจะอธิบาย “ศิษย์หลานไม่รู้ วันนั้นพวกข้ากลับจากโลกล่าง สิงชางบุตรของสิงเหิงอาศัยช่วงที่ท่านมหาเทพทั้งสามไม่อยู่ในแดนสวนนค์ ร่วมมือกับคนในทักษิณสวรรค์เก่าบุกรุกสวรรค์ทั้งสามทิศ สวรรค์ทั้งสามทิศได้รับความเสียหายอย่างสาหัส ถึงแม้ท่านมหาเทพจะกลับวังทันเวลา แต่ยังมีเทพจำนวนไม่น้อยดับสูญ”
“สิงชาง…” อวิ๋นเจี่ยวขมวดคิ้ว “เขาเป็นบุตรของสิงเหิงจริงหรือ”