ศิษย์หลานข้า ระวังอย่าหลงผิด - ตอนที่ 281 เดินขึ้นมา
เหตุเกิดกะทันหัน แม้แต่อวิ๋นเจี่ยวก็คาดไม่ถึง เมื่อรอนางตั้งสติได้ เฟิงเสี่ยวหวงกำลังกอดปลายหางที่กระดูกหักของตนเองกลิ้งไปมาบนพื้นด้วยความเจ็บปวด พร้อมกับส่งเสียงร้องโหยหวนราวกับหมูที่ถูกเชือด
“เจ้า…เป็นอย่างไรบ้าง” นางเดินขึ้นหน้าถาม
เฟิงเสี่ยวหวงหยุดกลิ้ง อุ้งเท้าทั้งสี่ข้างจับหางมังกรของตนเองเอาไว้ พลางเป่าลมพลางมองนางด้วยดวงตาที่น้ำตาเต็มเบ้า “ท่านเทพ…เสี่ยวหวงทำผิดอะไร ท่านต้องลงโทษข้าเช่นนี้”
อวิ๋นเจี่ยวระอา แต่สีหน้าของนางยังคงเคร่งขรึม “ไม่ใช่ นี่เป็นอุบัติเหตุ” นางไม่คิดว่าชายหนุ่มคนนั้นจะตกลงมา อีกทั้งยังกระแทกเข้ากับหางมังกร
ตามหลักแล้วเฟิงเสี่ยวหวงเป็นวิญญาณ ไม่มีร่างจริง แต่เพื่อความประหยัดเวลา อิ้งหลุนจึงถ่ายทอดพลังชีวิตให้มันเป็นประจำ เมื่อนานวันเข้า เสี่ยวหวงจึงมีแนวโน้มก่อตัวเป็นร่างจริงขึ้นมา แต่ว่ามันเป็นมังกร ถึงจะมีร่างจริง ถูกคนกระแทกสองสามทีก็ไม่เป็นปัญหา แต่ชายหนุ่มผู้นี้กลับกระแทกเข้าที่จุดวิญญาณชีวิตบริเวณหางมังกรเข้า ควรจะบอกว่าโชคดีที่ไม่ถูกกระแทกจนพลังชีวิตสลาย
“แม่…แม่นาง…” ชายหนุ่มที่ตกลงมาเหมือนจะรับรู้ว่าทั้งสองรู้จักกัน ความหวาดกลัวภายในดวงตาลดลงไปเล็กน้อย เขาหลบไปอยู่ด้านหลังของอวิ๋นเจี่ยว พร้อมกับมองไปยังเฟิงเสี่ยวหวงด้วยความหวาดกลัว
อวิ๋นเจี่ยวหันไปอธิบาย “วางใจ เสี่ยวหวงเป็นมังกรดี ตอนนี้มันปรับปรุงตัวแล้ว ไม่ใช่มังกรที่ร้ายกาจอะไร”
“มัง…มังกร?!” ชายหนุ่มมองไปยังเฟิงเสี่ยวหวงที่ยังคงเป่าหางของตนเองทีหนึ่ง ความหวาดกลัวภายในดวงตาเจือจางลงไปอีกเล็กน้อย
ความเจ็บปวดของเฟิงเสี่ยวหวงผ่อนคลายลง มันอุ้มหางของตนเองลอยเข้ามา ถลึงตาใส่ชายหนุ่มทีหนึ่ง แต่ก็ไม่กล้าแสดงอาการโกรธเคืองอะไรออกมา ทำได้เพียงถามด้วยความน้อยใจ “นี่เป็นลูกศิษย์ห้องไหนกัน ทำไมถึงอยู่ที่นี่ คะแนนแย่จนต้องถูกกักขังให้เรียนต่อหรือ”
“อย่าเดามั่ว!” นางไม่เคยกักขังใครให้เรียนต่อ มีเพียงทิ้งการบ้านบ้างเท่านั้น จากนั้นนางจึงชี้ไปยังต้นเกาลัดด้านข้าง “ดีขึ้นแล้วหรือไม่ หากดีขึ้นแล้วช่วยข้าหน่อย ต้นไม้นี้สูงเกินไป ข้าไม่ได้พกยันต์ตัวเบามา เจ้าช่วยข้าเก็บเกาลัดเสียหน่อย”
“อ่อ ได้!” เฟิงเสี่ยวหวงถูกเรียกใช้จนเคยชิน มันใช้ขาซ้ายข้างหน้าหยิบตะกร้าบนพื้นและลอยตัวขึ้นไป เริ่มลงมือเก็บเม็ดเกาลัดขึ้นมา อีกทั้งยังปอกเปลือกเหลือไว้เพียงเนื้อแน่นด้านใน
ในเวลานี้อวิ๋นเจี่ยวถึงได้กวาดตามองชายหนุ่มตรงหน้าที่ปรากฏตัวขึ้นอย่างกะทันหันในชิงหยาง จากนั้นส่งสัญญาณให้เขายืนออกห่างออกมา หลีกเลี่ยงการถูกเม็ดเกาลัดร่วงลงมาใส่
“เจ้าคือใคร มาที่นี่ด้วยเหตุใด”
ชายหนุ่มเบือนสายตาที่มองไปยังเฟิงเสี่ยวหวงกลับมา ราวกับเพิ่งตั้งสติได้ เขาตอบด้วยสีหน้าจริงจัง “ข้าชื่อสีฝาน ความจริงแล้ว…ข้ามาตามหาสำนักอันดับหนึ่งแห่งเสวียนเหมิน สำนักชิงหยาง!”
“แห่งนี้คือชิงหยาง” อวิ๋นเจี่ยวพูด
“จริงหรือ! ข้าหาเจอแล้ว?” ใบหน้าของสีฝานเต็มไปด้วยความดีใจ เมื่อนึกถึงมังกรที่กำลังเก็บเกี่ยวเกาลัดอยู่นั้น เขาก็เชื่อคำพูดของนางทันที “ดีจริง! ข้าหาเจอแล้ว ฮ่าๆๆๆ …เช่นนั้นแม่นางทราบหรือไม่ว่าด้านในมีอาจารย์อันดับหนึ่งแห่งเสวียนเหมิน...อาจารย์อวิ๋น?!”
“…” อาจารย์อันดับหนึ่งคืออะไรกัน
อวิ๋นเจี่ยวนิ่งงันไปไม่ตอบ เพียงแต่ถามกลับ “เจ้าหานางทำไม”
“ข้าจะมาฝากตัวเป็นศิษย์!” เขาพูดออกมา “ข้าสืบมาแล้ว ทั้งเสวียนเหมินมีอาจารย์อวิ๋นที่เก่งกาจที่สุด ไม่ว่าจะเป็นลูกศิษย์ของแต่ละสำนัก ผู้อาวุโส หรือว่าเจ้าสำนัก แต่ละคนล้วนผ่านการชี้แนะของนาง อีกทั้งแต่ละคนได้รับประโยชน์ กำลังของพวกเขายิ่งพัฒนาอย่างรวดเร็ว ข้าอยากจะเข้าร่วมเสวียนเหมินมานานแล้ว ในเมื่อคิดจะฝากตัวเป็นศิษย์ ข้าก็ต้องฝากกับคนที่เก่งที่สุด”
“…” เอาเถอะ ความคิดนี้ไม่ผิดอะไร เพียงแต่…
“นางไม่รับลูกศิษย์!” นางปฏิเสธโดยตรง
“อ๋า?” สีฝานผงะ “เหตุใด”
“ไม่มีเหตุผล เพียงแค่ไม่รับลูกศิษย์เท่านั้น” เพราะว่าเลี้ยงไม่ไหว ในอารามมีชายแก่คนเดียวก็เกินพอแล้ว “หากเจ้ามีใจคิดจะฝึกฝนทางเต๋า เจ้าสามารถเดินทางไปยังสำนักเทียนซือเข้าร่วมการสอบคัดเลือกของสำนักการศึกษาแห่งเสวียนเหมิน เพียงแค่ได้รับเลือกเป็นบัณฑิตแห่งสำนักการศึกษา เจ้าจะได้รับการถ่ายทอดวิชาจากเจ้าสำนักแต่ละสำนัก รวมไปถึงอาจารย์อวิ๋นที่เจ้าพูดถึง”
“เช่นนี้หรือ” สีฝานห่อเหี่ยวลงไปเล็กน้อย แต่เขาก็ยังคงคารวะอย่างมีมารยาท “ขอบใจแม่นางที่ชี้แนะ”
“ไม่ต้องเกรงใจ” อวิ๋นเจี่ยวกวาดตาขึ้นลงมองเขา ดวงตาของนางหรี่ลงเล็กน้อย ก่อนจะถาม “จริงสิ ข้าถามเจ้าได้หรือไม่ เจ้าหาที่นี่เจอได้อย่างไร”
ตามหลักแล้ว นางและชายแก่ไม่เคยเปิดเผยตำแหน่งของชิงหยางมาก่อน เพียงแต่เพื่อความสะดวกในการเดินทางไปสำนักเทียนซือ ดังนั้นจึงวางค่ายกลขนส่งไว้ในอาราม แต่ค่ายกลนี้แตกต่างจากค่ายกลขนส่งทั่วไป เนื่องจากค่ายกลนี้มีข้อจำกัดและเปิดให้เพียงบุคคลที่กำหนดเท่านั้น
ดังนั้นถึงแม้จะมีคนจำนวนมากเคยมาชิงหยาง แต่พวกเขาไม่รู้ตำแหน่งของสำนักชิงหยางที่แท้จริง โดยเฉพาะ หลังจากที่อาจารย์ปู่ปิดกั้นการรับรู้ตำแหน่งชิงหยางของอาจารย์อาทั้งหลายแล้ว การตามหาตำแหน่งของชิงหยางจึงกลายเป็นเรื่องที่ยากกว่าเดิม ดังนั้นคนที่รู้ว่าชิงหยางอยู่ที่ไหน มีเพียงคนที่อยู่ภายในอาราม และคนในยมโลกไม่กี่คนเท่านั้น
แม้แต่ยมทูตของชายแก่ยังต้องอาศัยแหล่งพลังยมราชในการเปิดประตูผีรายงานการทำงาน
สีฝานเป็นคนแรกที่ปรากฏตัวโดยไม่ผ่านค่ายกลขนส่ง อีกทั้งยังหลีกเลี่ยงค่ายกลบริเวณโดยรอบได้ สิ่งสำคัญคืออวิ๋นเจี่ยวไม่รับรู้แม้แต่น้อย เมื่อคิดถึงตรงนี้ นางจึงอดระแวงอีกฝ่ายขึ้นมาไม่ได้ แต่ไม่คิดว่า…
“เดินไปเดินมาก็มาถึงแล้ว!” สีฝานพูดออกมาอย่างไร้การปิดบัง
“…” ฮะ?
“ข้าตามหาอยู่สองสามวัน!” เขาถอนหายใจยาว ก่อนจะพูดด้วยสีหน้าเหน็ดเหนื่อย “เดิมทีข้ายังคิดจะสืบหาตำแหน่ง แต่สุดท้ายกลับไม่มีใครรู้ ดังนั้นจึงทำได้เพียงเดินหาอย่างไร้หนทาง ไม่คิดว่าข้าจะหาเจอจริงๆ”
“…” ข้าเชื่อก็บ้าแล้ว! “ค่ายกลบนเขานี้ล่ะ เจ้าผ่านมาได้อย่างไร” ถึงแม้เขาจะโชคดีมากแค่ไหน แต่บนเขามีค่ายกลเขาวงกต คนทั่วไปไม่อาจขึ้นมาได้
“เอ๊ะ? มีหรือ” สีฝานผงะ สีหน้าเต็มไปด้วยความฉงน “ข้าเห็นทางบนภูเขากว้างขวางอยู่นะ ค่ายกลมีลักษณะเป็นอย่างไร
อวิ๋นเจี่ยว “…”
นางรู้สึกจุกอกเล็กน้อย ก่อนจะเดินหันหลังไปยังกำแพงที่อยู่ไม่ไกลนักอย่างไม่เชื่อ บริเวณนี้คือจุดศูนย์กลางของค่ายกลนอกอาราม นางกระตุ้นมันทีหนึ่ง เห็นเพียงแต่บริเวณกำแพงส่องแสงสว่างขึ้นมา มีบางอย่างกวาดไปยังนอกอาราม ก่อนจะมีบางอย่างถูกเปิดออกอย่างกะทันหัน
นี่เป็นสัญญาณการเปิดค่ายกล ซึ่งหมายความว่า…ก่อนหน้านี้ค่ายกลบนเขาไม่ได้เปิด!
เฮ้ย ค่ายกลถูกปิดลงเมื่อใดกัน
นางคิดย้อนหลังไป เมื่อวานชายแก่ราวกับพูดว่าอีกสองวันบนเขาจะมีพายุพัดขึ้น เขาจะไปตรวจดูค่ายกลเสียหน่อย หรือว่าเขาจะปิดลงแล้วลืมเปิด
นางหันไปมองสีฝานด้วยสีหน้าที่ซับซ้อน หากเป็นเช่นนี้…เขาเดินขึ้นมาอย่างเปิดเผยตามที่กล่าว เขาจะโชคดีไปหน่อยหรือไม่