ศิษย์หลานข้า ระวังอย่าหลงผิด - ตอนที่ 283 บุตรแห่งโชคชะตา
“อาจารย์ ข้า…” สีฝานจับอะไรบางอย่างได้ ก่อนจะลุกขึ้นจากพื้น ในขณะที่กำลังจะอธิบายนั้นก็ผงะไป เขาก้มลงมองสิ่งที่อยู่ในมือ เห็นเพียงแต่ถุงที่มีน้ำหนักใบหนึ่ง “เอ๊ะ? นี่คืออะไร”
สีหน้าของชายแก่เปลี่ยนไปทันที เขาวิ่งเข้าไปอย่างรวดเร็วราวกับลม “เจ้า วางเงินส่วนตัวข้าลงเดี๋ยวนี้!” เขารู้ที่ซ่อนเงินของข้าได้อย่างไร เขาสะสมอย่างยากลำบากมาหลายปี แม้แต่อาจารย์ปู่ยังไม่รู้!
“อ่อ…” สีฝานรีบยื่นเข้าไปให้ พลางโบกมือพลางก้าวถอยหลัง “ขอโทษ ข้าไม่ได้ตั้งใจ!”
“เงินส่วนตัว?” อวิ๋นเจี่ยวหรี่ตาลง ก่อนจะหันไปมองชายแก่
มือที่รับเงินของชายแก่ผงะลง เหงื่อของเขาผุดออกมา “ไม่ใช่ เจ้าหนู เจ้าฟังข้าอธิบาย…ข้าไม่ได้กินส่วนต่างค่าจ่ายตลาด! จริงๆ นะ!”
เพล้ง!
เขายังพูดไม่ทันจบ ทันใดนั้นสีฝานร่วงลงไปด้านล่างทันที ก่อนจะได้ยินเสียงบางอย่างแตกละเอียด คนที่เหลือต่างหันไปมอง เห็นเพียงแต่ใต้พื้นที่เขาเหยียบอยู่มีขวดโหลฝังเอาไว้หลายใบ ใบหนึ่งแตกแล้ว ด้านในยังสามารถมองเห็นแสงสะท้อนจากน้ำ กลิ่นหอมฉุนของเหล้าลอยอบอวลไปทั่วทั้งสวน
“เอ๊ะ?” ชายแก่ผงะ ก่อนจะสูดดมเข้าไป จากนั้นเขาพูดออกมาด้วยความตกตะลึง “นี่เป็นเหล้าดอกหอมหมื่นลี้ที่เจ้าหนูหมักเอาไว้เมื่อห้าปีก่อนไม่ใช่หรือ ที่แท้อาจารย์ปู่ก็เอามาฝังไว้ที่นี่ มิน่าข้าถึงหาไม่เจอ” แต่ดันถูกเจ้าหนุ่มคนนี้หาเจอ?
“คือ…อาจารย์ ข้าไม่ได้ตั้งใจ” สีฝานยกเท้าขึ้นด้วยสีหน้าบริสุทธิ์ ก่อนจะรีบก้าวถอยหลังไปสองก้าว “หรือไม่ข้าชดใช้ให้ท่าน...เอ๊ะ?” ทันทีที่เขาถอยหลังไปสองก้าวก็ชนเข้ากับอะไรบางอย่าง เห็นเพียงแต่ลูกแก้วกลมกลิ้งออกมาจากใต้เท้าของเขา
“อ้า ลูกแก้วมังกรของข้า!!” เฟิงเสี่ยวหวงเบิกตาโพลง ก่อนจะพุ่งตัวเข้าไปกอดลูกแก้วนั้นเอาไว้ “ไม่คิดว่าอยู่ที่นี่” ตอนนั้นร่างมังกรของเขาถูกฝังไว้หลังเขา แต่ลูกแก้วมังกรกลับหายไป หลายปีนี้เขาพลิกแผ่นดินทั้งหลังเขาก็หาไม่เจอ ไม่คิดว่าจะเจอในเวลานี้
อวิ๋นเจี่ยว “…”
ชายแก่ “…”
คนตรงหน้าเป็นหนูหาสมบัติหรือ ทำไมหาทุกอย่างเจอ!
สีฝานยังคงขายตัวเองอย่างสุดความสามารถ “อาจารย์อวิ๋น พวกท่านเชื่อข้า ข้าโชคดีมากจริงๆ หากท่านไม่เชื่อ ข้า…”
“หยุด สหาย!” ชายแก่รีบรั้งคนเอาไว้ ก่อนจะพูดขึ้น “เจ้าอย่าขยับ จริงๆ ! พวกข้าเชื่อ พวกข้าเชื่อแล้วจริงๆ !” หากให้เจ้ารื้อต่อไป คงไม่เหลืออะไรเลย
เขายังอยากพูดอะไรบางอย่าง ทันใดนั้นร่างในชุดสีแดงเข้มปรากฏขึ้นตรงหน้า อิ้งหลุนลอยลงมาจากหลังเขา “ศิษย์หลานตัวน้อย ตรงนี้เกิดอะไรขึ้น เหตุใดพวกเจ้าจึงทำลายค่ายกลภายในอาราม หรือว่าจะนับคลัง? หรือไม่พวกเจ้ายกพื้นที่ให้ข้าปลูกผักเถอะ อย่างไรเยี่ยยวนก็ไม่รู้ กระเทียมบนภูเขานั้นกำลังจะ…เฮ้ย!”
เขายังพูดไม่ทันจบก็เหลือบไปเห็นสีฝานด้านข้างชายแก่ เขาหรี่ตาเดินถอยหลังไปราวกับถูกอะไรบางอย่างแทงตา ก่อนจะพูดออกมา “โชคชะตาจากไหนกัน แสบตาเหลือเกิน!” พูดจบก็ถอยไปหลายก้าว
“โชคชะตา?” อวิ๋นเจี่ยวตกตะลึง ก่อนจะนึกบางอย่างขึ้นได้ “อะไรคือโชคชะตา”
อิ้งหลุนเสกคาถาปิดดวงตาเอาไว้ ก่อนจะพูดขึ้น “คือชีวิต หรือดวงชะตาของมนุษย์ ผู้ที่มีโชคชะตามากจะมีความโชคดีมาก ประสบความสำเร็จได้มากกว่าคนทั่วไป ผู้ที่มีโชคชะตาอ่อนแอ จะได้รับความลำบากอย่างมาก นี่เป็นสิ่งที่ได้รับมาตั้งแต่กำเนิด โดยทั่วไปไม่อาจเปลี่ยนแปลงได้ แต่สามารถสูญเสียไปได้อย่างช้าๆ โชคชะตาบนโลกต่างมีแหล่งก่อเกิดของมันเอง เพียงแต่…”
เขาหันไปมองสีฝานที่อยู่ด้านข้าง ก่อนจะปิดตาเอาไว้ทันที ทำท่าทางราวกับแสบตาอย่างมาก “อย่างคนตรงหน้านี้ที่โชคชะตามากเสียจนแสบตา ข้าเองก็เพิ่งเคยพบเห็นครั้งแรก ศิษย์หลานตัวน้อย…พวกเจ้าไปหาตะเกียงไฟจากไหนมากัน คนทั่วไปไม่มีโชคชะตาเช่นนี้ นอกจากคนบ้าในตอนนั้นยังไม่…หรือว่า…” เขานึกบางอย่างขึ้นได้ ดวงตาของเขาหรี่ลง สีหน้าเต็มไปด้วยความรอคอย
“เช่นนั้นที่เขาโชคดีเช่นนี้ก็เป็นเพราะโชคชะตาหรือ” ชายแก่ถาม
“โชคดี?” อิ้งหลุนผงะ
ในเวลานี้ชายแก่ถึงได้เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้อีกฝ่ายฟัง
“อืม ผู้ที่มีโชคชะตาแข็งแกร่งจะได้รับการดูแลเป็นพิเศษจากสวรรค์” เขาพยักหน้าอย่างมั่นใจ ก่อนจะมองไปยังสีฝานที่มุ่งมั่นฝากตัวเป็นศิษย์ เขาผลักอวิ๋นเจี่ยวเล็กน้อย พร้อมกับยิ้มด้วยสีหน้าไม่ประสงค์ดีนัก “ข้าว่าศิษย์หลานตัวน้อย ผู้ที่มีโชคชะตาแข็งแกร่งเช่นนี้หาได้ยาก ในเวลาข้างหน้าต้องกลายเป็นคนสำคัญอย่างแน่นอน หรือไม่เจ้ารับเขาไว้เถอะ ชิงหยางชื่นชอบในการรับศิษย์ไม่ใช่หรือ มีคนเพิ่มมาอีกคนก็ดีเหมือนกัน! อีกทั้งไป๋อวี้เป็นคนของยมโลกแล้ว เจ้าถือว่าหาผู้สืบทอดให้แก่ชิงหยางก็ดีเหมือนกัน”
พูดจบ ดวงตาของสีฝานลุกวาว ก่อนจะมองไปยังอวิ๋นเจี่ยวด้วยความหวัง
แม้แต่ชายแก่เองก็ครุ่นคิดขึ้นมา อีกฝ่ายพูดก็มีเหตุผล
แต่อวิ๋นเจี่ยวยังคงทำหน้าเคร่งขรึม นางหันไปมองอิ้งหลุนอย่างเรียบเฉย ก่อนจะพูดเปิดโปงเจตนาอีกฝ่าย “ท่านอยากยั่วโมโหอาจารย์ปู่ใช่หรือไม่” ทำเพื่อชิงหยางอะไรกัน
“เฮอะๆๆ เฮ้ย…ศิษย์หลานอย่าพูดเช่นนี้สิ!” อิ้งหลุนรีบหัวเราะกลบเกลื่อนขึ้นมา “จะเป็นไปได้อย่างไร ข้าจะไปอยากเห็นเยี่ยยวนโมโห แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ที่ไหนกัน ข้าเป็นคนเช่นนี้หรือ ไม่ใช่อยู่แล้ว! ข้าทำเพื่อเจ้า รับลูกศิษย์เป็นเรื่องที่ดี! ศิษย์ตัวน้อย ข้าบอกเลยว่าไม่เกี่ยวกับเยี่ยยวน…”
อวิ๋นเจี่ยวไม่ได้สนใจเขา เพียงแต่หยิบยันต์บันทึกภาพออกมาอย่างเชื่องช้า “ไม่เป็นไร ท่านพูดต่อ ข้าบันทึกเอาไว้ให้อาจารย์ปู่!”
อิ้งหลุนผงะไป รอยยิ้มของเขาหุบลงในทันที ก่อนจะรีบเปลี่ยนคำพูด “ข้าว่าศิษย์หลานตัวน้อยเจ้าอยู่ตัวคนเดียวก็ดีอยู่แล้ว เจ้าคนเดียวก็สามารถพัฒนาชิงหยางได้แล้ว ลูกศิษย์อะไรกัน ล้วนเป็นภาระ! จริงๆ !”
ชายแก่ “…”
อวิ๋นเจี่ยว “…”
ยางอาย?!
อวิ๋นเจี่ยวเก็บยันต์เข้าที่ ก่อนจะถามขึ้น “ท่านอิ้งหลุน ทุกคนล้วนมีโชคชะตาใช่หรือไม่”
“แน่นอน! เพียงแค่มีมากหรือน้อยเท่านั้น” เขาพยักหน้าอย่างเสียดาย หากศิษย์ตัวน้อยรับลูกศิษย์จะดีแค่ไหนกัน รอเยี่ยยวนตื่นขึ้นมาพบว่าข้างตัวของศิษย์หลานตัวน้อยมีคนอื่น เขาต้องโมโหอย่างมากเป็นแน่ แค่คิดก็สะใจแล้ว! เฮ้อ! เสียดายที่ศิษย์หลานไม่หลงกล
“เช่นนั้น…” อวิ๋นเจี่ยวขมวดคิ้วเล็กน้อย ก่อนจะถามต่อ “ท่านและอาจารย์ปู่ล่ะ?” หากผู้ที่มีโชคชะตาแข็งแกร่งถูกลิขิตไว้ให้กลายเป็นผู้ชำนาญด้านใดด้านหนึ่ง อย่างนั้นคนอย่างอาจารย์ปู่และราชายมโลกที่แข็งแกร่งจนเกินจินตนาการเช่นนี้ จะมีโชคชะตาที่แข็งแกร่งแค่ไหน
อิ้งหลุนผงะไปเล็กน้อยราวกับไม่คาดคิดว่านางจะถามเช่นนี้ สักพักเขาก็หัวเราะออกมาราวกับคำถามของนางน่าขันอย่างมาก คนทั้งคนดูอารมณ์ดี สักพักถึงได้พูดขึ้น “พวกข้า…ไม่มีโชคชะตา”
“อ๋า?” ไม่เพียงแต่อวิ๋นเจี่ยว แม้แต่ชายแก่และคนที่เหลืออีกสองคนต่างผงะไป
อิ้งหลุนไม่มีทีท่าจะอธิบาย เพียงแต่สายตาของเขากวาดผ่านไปยังตำแหน่งยอดเจดีย์อย่างไม่ตั้งใจ “ต่อไปเจ้าจะรู้เอง”
“…”