ศิษย์หลานข้า ระวังอย่าหลงผิด - ตอนที่ 284 เงื่อนไขความงาม
สุดท้ายอวิ๋นเจี่ยวยังคงยืนกรานปฏิเสธคำของสีฝาน เพราะว่าชิงหยางเดิมทีก็มีความลับจำนวนมาก นอกจากเฟิงเสี่ยวหวงแล้ว ยังมีเรื่องที่อิ้งหลุนปลูกผักในอาราม นอกจากอาจารย์อาใหญ่แล้ว ยมราชทั้งเจ็ดล้วนไม่มีใครรู้ สิ่งสำคัญคืออาจารย์ปู่อยู่ในห้วงนิทรา หากระหว่างนี้เกิดอะไรขึ้น เธอไม่มั่นใจว่าสามารถรับมือไว้ได้ เวลานี้ชิงหยางเหมาะกับการอยู่เงียบๆ คนยิ่งน้อยยิ่งดี
“เหตุใด” อาจเป็นเพราะถูกคนอื่นปฏิเสธเป็นครั้งแรก สีฝานดูห่อเหี่ยวลงไปเล็กน้อย “อาจารย์รู้สึกว่าข้าไม่ดีตรงไหนหรือว่าขาดอะไร ข้าสามารถปรับปรุงได้!”
“ไม่มีทาง เจ้าปรับปรุงไม่ได้ ล้มเลิกเถอะ!” อวิ๋นเจี่ยวยังคงส่ายหัว
“เหตุใด”
อวิ๋นเจี่ยวครุ่นคิด ก่อนจะตอบเหตุผลที่สมเหตุสมผลออกมาอย่างจริงจัง “เจ้าหน้าตาอัปลักษณ์เกินไป ไม่สอดคล้องกับมาตรฐานการรับศิษย์ของสำนัก”
“…” รู้สึกเหมือนถูกมีดปักเข้าที่อก
“ไม่ใช้…อาจารย์ ท่านดูถูกนิสัยข้าได้ แต่ท่านไม่อาจดูถูกใบหน้าของข้า!”
อวิ๋นเจี่ยวยังคงพูดด้วยสีหน้าเคร่งขรึม “ไม่มีวิธี นี่เป็นมาตรฐานการรับศิษย์ของสำนัก”
เพราะว่ามีอาจารย์ปู่อยู่
“…” ท่านหลอกใครกัน หาเหตุผลที่ดีกว่านี้ได้หรือไม่ สีฝานหันไปมองชายหนุ่มในชุดแดง ก่อนจะหันไปมองชายแก่ จากนั้นเขาจึงพูดขึ้น “ไม่ใช่อาจารย์ ท่านเปลี่ยนเหตุผลอื่นได้หรือไม่ ท่านอิ้งหลุนที่ดูท่าทางเหมือนผู้หญิงก็แล้วไป แต่ท่าน ‘แก่’ คนนี้เหมาะสมกว่าข้าตรงไหน” ทั้งๆ ที่หน้าตาอัปลักษณ์กว่าเขาเสียอีก
อิ้งหลุนที่มีท่าทางเหมือนหญิงสาว: “…” อยากไปเกิดใหม่หรือไม่ ไม่มีค่าใช้จ่าย!
ชายแก่: “…” เมื่อกี้เขาถูกด่าหรือ
“ไม่มีวิธี เขาเข้ามาก่อนที่ข้าจะเข้าสำนัก” อวิ๋นเจี่ยวตอบอย่างเคร่งขรึมกว่าเดิม “อีกอย่างชายแก่เขาแซ่ไป๋ เป็นอาจารย์ของสำนักเทียนซือ ชื่อไป๋อวี้”
สีฝานตะลึง เขาเบิกตาโพลง “อา…อา…อาจารย์ไป๋อวี้!” อาจารย์ที่เป็นรองจากอาจารย์อวิ๋น! สีฝานตกตะลึงอย่างมาก
สักพัก เขาหันไปคารวะทางชายแก่ ก่อนจะถาม “อาจารย์ไป๋ ท่านรับลูกศิษย์หรือไม่”
อวิ๋นเจี่ยว: “…”
ชายแก่: “…”
ท่าทีเปลี่ยนแปลงไปสามร้อยหกสิบองศา
“ไม่รับ!” ชายแก่ปากกระตุกไม่อยากเสียเวลาพูดกับอีกฝ่าย เขาหิ้วอีกฝ่ายขึ้นมาราวกับหิ้วลูกเจี๊ยบ
“อยากฝึกฝนทางเต๋าใช่หรือไม่ ลุกขึ้น ข้าส่งเจ้าไปสำนักเทียนซือ”
พูดจบก็หิ้วปีกเขาเดินไปยังค่ายกลส่งบริเวณสวนด้านหลัง
สีฝานยังคงพูดโน้มน้าวอย่างไม่ย่อท้อ “ไม่ใช่อาจารย์ไป๋ ท่านพิจารณาข้าเถอะ ข้าไม่เลวจริงๆ นะ ทายหมัดข้าไม่เคยแพ้เลย ท่านไม่อยากรับข้าเป็นศิษย์จริงหรือ อาจารย์ ข้า…”
ชายแก่ทำเป็นหูทวนลม ก่อนจะส่งคนเข้าไปในค่ายกล เขาไม่อยากรับลูกศิษย์ที่หาว่าเขาหน้าตาอัปลักษณ์ ฮึ! แม้แต่อาจารย์ปู่ยังแค่รังเกียจที่เขาโง่ แต่อีกฝ่ายกลับหาว่าเขาอัปลักษณ์!
“เสร็จแล้ว เจ้าหนู ส่งคนไปแล้ว” ชายแก่ตบมือเดินกลับมา ก่อนจะมองไปยังอวิ๋นเจี่ยว
“ต่อไปทำอะไร” อวิ๋นเจี่ยวมองเขาทีหนึ่ง ก่อนจะมองไปยังสิ่งของที่ล่วงหล่นอยู่เต็มพื้น ก่อนจะพูดเสียงเย็น “เก็บกวาด!”
“…” ทำไมรู้สึกตั้งแต่อาจารย์ปู่เข้าสู่ห้วงนิทรา อารมณ์ของเจ้าหนูนับวันยิ่งร้ายขึ้น
“ท่ายซ่อมแซมค่ายกลที่ถูกทำลายในอาราม ข้าไปทำกับข้าวก่อน” พูดจบก็หันหลังเดินเข้าห้องครัวไป
ชายแก่ผงะ ก่อนจะพูดขึ้น “ไม่ใช่…เจ้าหนู ค่ายกลเหล่านั้นเจ้าเป็นคนวาง ข้าซ่อมไม่เป็น…” เขายังพูดไม่ทันจบ นาทีถัดมาเห็นเพียงเงาดำหนึ่งลอยมากระแทกเข้าที่หน้าของตน ก่อนจะล่วงหล่นลงบนพื้น
เสียงหนึ่งลอยมาจากห้องครัว “ดูตำรา!”
เขาก้มลงมอง ก่อนจะพบว่าบนพื้นนั้นเป็นตำราหนาเล่มหนึ่ง ด้านบนเขียนว่า “ค่ายกลป้องกันเล่มรวม”
ชายแก่: “…”
ตำราเล่มนี้เพิ่งเริ่มเรียนเมื่อเดือนที่แล้วไม่ใช่หรือ ดังนั้น…เขาถูกเพิ่มการบ้านอีกรูปแบบ?
คิดถึงวันเวลาที่ถูกอาจารย์ปู่กระทืบเสียจริง เมื่อเทียบกับการทรมานทางจิตใจ เขาเหมาะกับการรับมือกับการทรมานทางเนื้อกายมากกว่า
…
อาจเป็นเพราะหลายปีนี้ถูกอาจารย์ปู่ฝึกฝนออกมา อวิ๋นเจี่ยวลงมือทำอย่างรวดเร็ว ไม่ถึงชั่วครู่ กับข้าวสี่อย่างออกจากเตามาแล้ว กลิ่นหอมของกับข้าวอบอวลอยู่ทั่วห้องครัว เธอหยิบไช่เท้าขึ้นมาเตรียมตัวต้มน้ำแกงด้วยความเคยชิน ก่อนจะนึกขึ้นได้ว่าเวลานี้ในอารามมีเพียงเธอและชายแก่สองคนกินได้ไม่มาก ดังนั้นเธอจึงวางกลับไป ในขณะที่กำลังจะเดินออกจากห้องครัว เธอก็เหลือบไปเห็นอิ้งหลุนในชุดสีแดงเข้มกำลังพิงเตาอยู่ พร้อมกับจ้องมองไปยังกับข้าวสี่จานนั้น
อวิ๋นเจี่ยวผงะไปก่อนจะถามขึ้น “ท่านจะอยู่กินข้าวหรือไม่”
“อยู่!” อิ้งหลุนดวงตาลุกเป็นประกาย ก่อนจะรีบตอบกลับ
“เช่นนั้นท่านไปจัดวางชามกับตะเกียบ!” อวิ๋นเจี่ยวพลางเก็บกวาดพลางพูด
“ได้!” อิ้งหลุนหันหลังเดินไปยังตู้เก็บชามด้านข้าง ก่อนจะหยิบชามและตะเกียบออกมาสามชุด ในขณะที่กำลังจะก้าวเท้าออกจากประตู เขาก็นึกบางอย่างขึ้นได้ เท้าของเขาชะงักลง “ไม่ใช่ ข้ามาหาเจ้าเพราะมีเรื่องหนึ่ง”
อวิ๋นเจี่ยวหันไปมองเขา “เรื่องอะไร”
อิ้งหลุนสะบัดมือ ชามและตะเกียบในมือจึงลอยออกไปอยู่บนโต๊ะด้านนอก จากนั้นเขาจึงเดินขึ้นหน้าสองก้าว “ศิษย์ตัวน้อย เจ้ารู้หรือไม่ว่าหากบนโลกปรากฏผู้มีโชคชะตาแข็งแกร่งหมายความว่าอย่างไร”
อวิ๋นเจี่ยวผงะ ก่อนจะเบิกตาที่มีความฉงนกว้างขึ้นเล็กน้อย “เกี่ยวอะไรกับข้าหรือเสวียนเหมินหรือ”
“…” อิ้งหลุนชะงัก ทันใดนั้นคำพูดที่อยู่ในอกราวกับถูกอุดเอาไว้ คนทั้งคนผงะไป ก่อนจะหัวเราะออกมา “ฮ่าๆ…สมกับที่เป็นลูกศิษย์ที่เยี่ยยวนเลือก ข้ากังวลมากไปเอง เฮ้อ อยากจะลักพาตัวเจ้าไปยมโลก ข้าว่าศิษย์ตัวน้อย…เจ้าไม่ยอมไปยมโลกกับข้าจริงหรือ พวกเราไปปลูกกระเทียมด้วยกัน ถึงเวลานั้นเจ้าอยากปลูกผักอะไร ปลูกที่ไหนย่อมได้ ดีกว่าที่นี่อย่างมาก เจ้าดูเยี่ยยวน นิสัยเสีย อีกทั้งชอบต่อยคน ความคิดยิ่งแย่ เจ้าไม่รู้ว่าแต่ก่อนเขาทำเรื่องเลวร้ายไว้มากแค่ไหน แย่กว่าตอนนี้อย่างมาก! แตกต่างจากข้า ข้าจะบอกเจ้า…”
เขาเริ่มลักพาตัวคนประจำวันขึ้นอีกครั้ง อาศัยช่วงที่อาจารย์ปู่ยังไม่ตื่นขึ้นมาใส่ร้ายอีกฝ่าย
อวิ๋นเจี่ยวระอา ก่อนจะปฏิเสธ “ไม่เป็นไร ขอบคุณ ไม่มีความคิดนี้” ในขณะที่อีกฝ่ายฝยังคงพูดไม่หยุด เธอจึงพูดเสริมขึ้น
“ตอนนี้ข้าต้องการเพียงแค่ผลักดันการศึกษาของเสวียนเหมินและประชาชน ไม่มีแผนการอย่างอื่น อีกอย่างเมื่อถึงอายุข้าก็ต้องไปยมโลกอยู่แล้ว! จะรีบร้อนไปทำไมกัน”
“อายุ?” อิ้งหลุนผงะไป สายตาที่จ้องมองเธอแปลกประหลาดขึ้นมา ก่อนจะกวาดตามองเธอขึ้นลงด้วยความตกตะลึง “ศิษย์ตัวน้อย เจ้ายังไม่รู้สถานการณ์ของตนเอง?”
“ฮะ?”