ศิษย์หลานข้า ระวังอย่าหลงผิด - ตอนที่ 287 ขับไล่หมอกฟ้า
ทุกคนทำงานอย่างรวดเร็ว ผู้ที่วางค่ายกลล้วนเป็นผู้อาวุโส ระดับกำลังยิ่งไม่ต้องพูดถึง ทุกคนประจำการอยู่ในตำแหน่งที่กำหนดอย่างรวดเร็ว ถังเฉินใช้กระจกพันลี้ในการชี้แนะการวางค่ายกล ทำให้สะดวกมากกว่าการใช้ยันต์ขนส่งในสมัยก่อนอย่างมาก
ถังเฉินส่งรูปค่ายกลผนึกหวานคงให้กับทุกคน อีกทั้งยังระบุตำแหน่งการยืนของแต่ละคนออกมา เพียงแค่พูดคำเดียว ทุกคนล้วนสามารถเปิดค่ายกลได้อย่างถูกต้อง
ดังนั้นใช้เวลาไม่ถึงสิบนาที แสงแห่งพลังลมปราณหลายสิบสีปรากฏขึ้นในเมืองอี้ คาถาผนึกต่างๆ ลอยขึ้นมา ก่อนจะครอบลงไปยังหมอกฟ้าที่แผ่ขยายอย่างต่อเนื่อง
จนกระทั่งครอบคลุมพื้นที่รัศมีหลายลี้เอาไว้ทั้งหมด ค่ายกลสีทองขนาดใหญ่ปรากฏขึ้นกลางอากาศ บีบบังคับให้หมอกฟ้าถอยออกไปเล็กน้อย เผยให้เห็นแสงสีขาวภายใต้ค่ายกล
“ค่ายกลคุ้มเมือง!” ผู้อาวุโสแห่งสำนักอู๋ติ้งกล่าวขึ้น ก่อนจะหันไปพูดกับเฉาซั่วด้วยสีหน้าดีใจ “แสงสีขาวเป็นค่ายกลคุ้มเมืองของเมืองอี้ ค่ายกลเปิดได้ทันเวลา ดีเสียจริง! ประชาชนในเมืองไม่เป็นอะไร”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ ไม่เพียงแต่เฉาซั่ว ผู้อาวุโสที่วางค่ายกลทั้งหมดล้วนผ่อนคลายลง สาเหตุที่พวกเขาพยายามที่จะบุกเข้าไปในหมอกฟ้า ก็เพื่อความหวังเพียงเล็กน้อยนี้
เมื่อห้าปีก่อน สำนักการศึกษาแห่งเสวียนเหมินเสนอให้วางค่ายกลในเมืองน้อยใหญ่ทั้งหมด มอบหมายให้สำนักที่อยู่ใกล้เคียงเป็นผู้รับผิดชอบ ดังนั้นในเวลานี้ ภายในเมืองล้วนมีค่ายกลคุ้มเมืองฝีมือของอาจารย์อวิ๋น เมืองอี้ก็เช่นกัน
รอยร้าวกลางอากาศปรากฏขึ้นมาอย่างกะทันหัน เมื่อรอสำนักอู๋ติ้งมาถึง บริเวณโดยรอบถูกหมอกฟ้าปกคลุมไปเรียบร้อยแล้ว เฉาซั่วและเหล่าผู้อาวุโสต่างคาดว่าค่ายกลในเมืองถูกกระตุ้นเปิดแล้ว ประชาชนในเมืองปลอดภัยในชั่วขณะ ดังนั้นพวกเขาจึงไม่เพียงอพยพประชาชนบริเวณใกล้เคียง อีกทั้งยังคิดหาวิธีเข้าไปช่วยเหลือผู้คนที่อยู่ด้านใน ตอนนี้เห็นได้ชัดว่าสิ่งที่พวกเขาคาดไว้ไม่ผิด
เมื่อเห็นแสงของค่ายกลคุ้มเมือง เหล่าคนที่วางค่ายกลยิ่งมีพลังมากขึ้น พวกเขาตั้งใจจะผนึกพลังสีฟ้าเหล่านั้นยิ่งขึ้น
“ทุกคนประคองค่ายกลเอาไว้ มีสมาธิ พยายามลดขอบข่ายของผนึกลงให้เล็กที่สุด!” ถังเฉินพูด
เหล่าผู้อาวุโสรีบตั้งสติ ก่อนจะทำตามถังเฉิน พวกเขาผลักดันค่ายกลนั้นให้กักขังหมอกฟ้าเอาไว้ อาจเป็นเพราะค่ายกลระดับสวรรค์ หรืออาจเป็นเพราะวิธีการควบคุมที่ชำนาญของทุกคน หมอกฟ้าที่ไม่อาจขับไล่ได้ในตอนแรกเคลื่อนย้ายไปตามค่ายกลอย่างเชื่อฟัง
เป็นไปดั่งที่พวกเขาคาดการณ์เอาไว้ หมอกฟ้ารวมตัวกันบริเวณทางตอนใต้ ตรงหน้าของทุกคนปรากฏให้เห็นพื้นดินที่ถูกปกคลุมเอาไว้ อีกทั้งกว้างขึ้นเรื่อยๆ
ขอบข่ายของหมอกฟ้าเล็กลงอย่างต่อเนื่อง แสงของค่ายกลคุ้มเมืองด้านหน้ากระจ่างชัดมากขึ้น อีกทั้งยังสามารถมองเห็นเงาของกำแพงเมืองได้ลางๆ
“ใกล้แล้ว ข้าเห็นประตูเมืองแล้ว!” ทุกคนต่างดีใจ ก่อนจะเร่งความเร็วในการหดขนาดของผนึก
หมอกฟ้าเคลื่อนผ่านไปอย่างเชื่องช้า เผยให้เห็นแสงของค่ายกลคุ้มเมือง ก่อนจะเผยให้เห็นกำแพงเมืองสูงตระหง่านบริเวณด้านหลัง จากนั้นสถานการณ์ภายในเมืองปรากฏขึ้นต่อหน้าทุกคน
ทันใดนั้น บนท้องฟ้าส่งเสียงแห่งสวรรค์ที่ไพเราะขึ้น แสงเจ็ดสีปรากฏขึ้นบนท้องฟ้า แสงสีทองทะลุผ่านม่านเมฆลงมา จากนั้นเมฆสีทองเคลื่อนลงมา ท้องฟ้าอบอวลไปด้วยพลังเทพ ร่างนับไม่ถ้วนปรากฏขึ้นบนท้องฟ้า
“คนของแดนสวรรค์!” ทุกคนต่างตกตะลึง ยังไม่ทันได้มองอย่างชัดๆ
สายฟ้าแห่งสวรรค์ขนาดเท่าถังน้ำฟาดลงมาจากด้านบน ก่อนจะกระทบเข้ากับค่ายกลผนึกด้านล่าง เหล่าถังเฉินไม่ทันได้เตรียมตัว รู้สึกเพียงเลือดลมตีขึ้น ค่ายกลที่มั่นคงในตอนแรกแตกออกเสียงดัง
ผู้อาวุโสหลายคนถูกพลังของค่ายกลกระแทกออกไปหลายเมตร ก่อนจะอ้าปากอาเจียนออกมาเป็นเลือด
“ผู้อาวุโสอวี๋ ผู้อาวุโสหวัง…” เฉาซั่วร้องออกมาอย่างตกใจ อาการของเขาเองก็ไม่สู้ดีนัก เส้นลมปราณทั่วร่างมีแนวโน้มจะแตกหัก
สิ่งสำคัญคือ หมอกฟ้าที่พวกเขาควบคุมไว้ได้อย่างยากลำบากนั้น เมื่อขาดการควบคุมของค่ายกลผนึก หมอกฟ้านั้นก็แผ่ขยายขึ้นมาอีกครั้ง ก่อนจะครอบคลุมเมืองอี้เอาไว้
ทุกคนมองไปด้านบนอย่างโกรธแค้น เห็นเพียงคนด้านบนยืนเต็มไปด้วยท่านเทพมากมาย พลังเทพทั่วทั้งท้องฟ้าเข้มข้นจนราวกับจับต้องได้ โดยเฉพาะสองคนด้านหน้าสุด ไม่เพียงแต่พลังเทพที่แข็งแกร่ง อีกทั้งยังมีความคุ้นตา
พวกเขาคือท่านมหาเทพประจิมสวรรค์สิงเหิงและท่านมหาเทพอุดรสวรรค์สิงเย่ที่เคยมาหารือกันในสำนักเทียนซือ
ในเวลานี้ทั้งสองคนกำลังจับจ้องรอยร้าวกลางอากาศอย่างสนุกสนาน ภายในดวงตายังเต็มไปด้วยความตื่นเต้น ราวกับไม่ได้สังเกตเห็นคนด้านล่างแม้แต่น้อย สักพักสิงเหิงถึงได้พูดออกมาด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น “เทียนจี วิชาการทำนายของเจ้าช่างไร้เทียมทาน ดินแดนลับโบราณปรากฏขึ้นในที่นี้จริงด้วย”
“ฮูหยินชื่นชมเกินไป” เทพหนุ่มใบหน้างดงามด้านข้างนางเดินขึ้นหน้า ก่อนจะกอดนางเอาไว้ พร้อมกับพูดด้วยสีหน้าหลงใหล “โชคดีที่มีท่านมหาเทพอุดรสวรรค์ช่วยเหลือ ข้าจึงทำนายได้แม่นยำเช่นนี้”
ท่านมหาเทพอุดรสวรรค์สิงเย่ที่ยืนอยู่ด้านข้างหัวเราะเสียงเบา ไม่ได้พูดจาเสียดสีเหมือนครั้งก่อน เพียงแต่พูดเสียงทุ้ม “ดินแดนลับโบราณเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ เมื่อพวกเราเข้าไปฝึกฝนและดูดซับพลังในดินแดนลับแห่งนี้ กำลังของพวกเราต้องเพิ่มมากขึ้นอย่างแน่นอน เมื่อถึงเวลานั้นพวกเราไม่จำเป็นต้องกลัวสิงซีแห่งบูรพาสวรรค์ การรวมดินแดนสวรรค์เป็นหนึ่งเดียวก็เป็นไปได้ เพียงแต่หมอกควันนี้…” เสียงของเขาชะงักลง ก่อนจะมองไปยังหมอกฟ้าที่หลั่งไหลออกมาจากดินแดนลับ “พี่สอง สายฟ้าสวรรค์จิ่วเทียนของท่านไม่ได้แข็งแกร่งเหมือนที่เห็น”
สิงเหิงสีหน้าดำลง ก่อนจะตอบกลับ “ฮึ! หากจะพูดเช่นนี้ สู้คิดหาวิธีกำจัดหมอกฟ้าเหล่านี้เสียที มิเช่นนั้นพวกเราไม่ว่าใครก็อย่าคิดที่จะเข้าไปในดินแดนลับ ยิ่งยื้อนานเท่าใด คงไม่ใช่แค่เพียงพวกเราที่คิดว่าจะดูดซับพลังดินแดนลับแห่งนี้แล้ว”
สีหน้าของสิงเย่เปลี่ยนไปทันที เขาเรียกอาวุธวิเศษออกมา “หรือไม่พวกเราร่วมมือกัน ใช้เปลวเพลิงแห่งเทพลองขับไล่หมอกฟ้าเหล่านี้”
สิงเหิงไม่ได้คัดค้าน ทั้งสองคนใช้กลคาถาออกมาในเวลาเดียวกัน เห็นเพียงแต่แสงเปลวเพลิงและแสงสายฟ้าแสบตาพุ่งลงไปยังหมอกฟ้าด้านล่างอย่างไม่ลังเล
คนด้านล่างสีหน้าซีดเผือด พวกเขาหยิบอาวุธวิเศษออกมา พร้อมกับแปะยันต์ตัวเบาลอยขึ้นไปอย่างไม่คิด ถังอี้โยนยันต์วิเศษสีทองออกมาสามใบออกมาอย่างไม่ลังเล นาทีถัดมาเห็นเพียงแต่กลางอากาศเกิดการระเบิดเสียงดัง
แสงเปลวเพลิงและแสงสายฟ้าถูกต้านเอาไว้ได้
“พวกท่านคิดจะทำอะไร!” เฉาซั่ว พ่อลูกตระกูลถังและผู้อาวุโสที่ได้รับบาดเจ็บไม่มากลอยขึ้นไปขวางอยู่ตรงกลางระหว่างเหล่าเทพและหมอกฟ้าด้านล่าง
ถังเฉินถามขึ้นเสียงดัง “พวกท่านรู้หรือไม่ว่าด้านล่างมีเมืองแห่งหนึ่ง ด้านในมีประชาชนนับหมื่น!” หากไม่ใช่พวกเขาต้านเอาไว้ได้อย่างรวดเร็ว สายฟ้าและเปลวเพลิงเมื่อครู่คงเผาเมืองด้านล่างจนมอดไหม้ไปแล้ว
“คนแห่งเสวียนเหมิน?” สีหน้าของสิงเย่ดำทะมึน ก่อนจะแสดงสีหน้าไม่พอใจ เขาส่งเสียงในลำคอ ก่อนจะพูดอย่างไม่ใส่ใจ “แล้วอย่างไร” มนุษย์ธรรมดาเท่านั้น ตายไปก็ตายไป
“…”
ทุกคนต่างผงะ บนใบหน้าเต็มไปด้วยความเหลือเชื่อ พวกเขารู้! พวกเขารู้ว่าด้านล่างมีคน แต่ยังคงเลือกที่จะลงมือ!
ทันใดนั้น ลูกศิษย์เสวียนเหมินที่อยู่ในเหตุการณ์ต่างหดหู่ลง!