ศิษย์หลานข้า ระวังอย่าหลงผิด - ตอนที่ 290 ข้าโกรธมาก
“ถัง…เฉิน?” อวิ๋นเจี่ยวใช้เวลาสักครู่กว่าจะจำคนที่ถูกเผาจนไม่เหลือรูปร่างของคนได้ เธอรีบหยิบยาออกมาหนึ่งเม็ดป้อนให้อีกฝ่าย
ถังเฉินไม่ได้ปฏิเสธ เขาอ้าปากกลืนเข้าไปทันใดนั้นรู้สึกเพียงอวัยวะภายในที่กำลังแผดเผาอยู่ภายในร่างกายค่อยๆ เย็นสงบลง ความร้อนภายในร่างกายลดน้อยลงในทันที
สีหน้าของอวิ๋นเจี่ยวเคร่งเครียดกว่าเดิม เธอเงยหน้ามองคนทั้งสองที่อยู่กลางอากาศ ท่านมหาเทพแห่งแดนสวรรค์? เธอมองไปโดยรอบ ก่อนจะจำได้ว่าสถานที่แห่งนี้คือเมืองอี้ที่ดินแดนลับปรากฏขึ้น
“เกิดอะไรขึ้น” เธอจับชีพจรของอีกฝ่ายก่อนที่จะต้องตกตะลึงกับเส้นลมปราณของถังเฉินที่ขาดไปทั่วทั้งร่างภายในร่างกายไม่หลงเหลือแม้แต่พลังลมปราณ ตันเถียนแหลกละเอียด บอกได้ว่าสถานการ์ของเขาในตอนนี้เหลือเพียงลมหายใจเฮือกสุดท้ายเท่านั้น
อวิ๋นเจี่ยวรู้สึกหงุดหงิดขึ้นมาอย่างไร้เหตุผล บังอาจทำร้ายนักเรียนของเธอ?!
“อา…อาจารย์!” ถังเฉินจับมือของเธอเอาไว้ ก่อนจะพูดขึ้นอย่างรีบร้อน “พวกเขาจะ…ฆ่าล้างเมือง! ห้าม…ห้ามพวกเขาด้วยเถิด!”
อวิ๋นเจี่ยวเบิกตาโต ฆ่าล้างเมือง?! ภายในใจเต็มไปด้วยความโกรธ
สิงเย่ที่อยู่ด้านบนยิ้มอย่างได้ใจยิ่งขึ้น “ฮ่าๆ…นี่คือตัวช่วยที่เจ้าใช้ยันต์อัญเชิญเทพใบสุดท้ายเชิญมา? มนุษย์ธรรมดา?! ฮ่าๆ…น่าขำเสียจริง…เจ้าไม่ถึงขั้นโง่เขลาจนคิดว่ามนุษย์ธรรมดาจะต่อกรกับท่านมหาเทพแห่งแดนสวรรค์ได้หรอกนะ”
ถังเฉินไร้เรี่ยวแรงแม้แต่จะยืนขึ้น หากอวิ๋นเจี่ยวไม่พยุงเอาไว้ เขาคงล่วงไปอยู่บนพื้นเสียแล้ว ใบหน้าที่ถูกแผดเผาจนมองไม่เห็นสีหน้ายังคงเต็มไปด้วยความมุ่งมั่นและตั้งใจ ราวกับไม่ได้ยินเสียงของอีกฝ่าย เขาพูดกับอวิ๋นเจี่ยวด้วยความเชื่อมั่น “อาจารย์ ข้า…ไม่อาจรั้งพวกเขาไว้ได้…ท่านต้อง…”
“หยุดพูดเถิด ตั้งใจรักษาจิตเอาไว้” อวิ๋นเจี่ยวหยิบเข็มทองออกมา ก่อนจะฝังลงบนร่างของเขา พลางรักษาเอาไว้ซึ่งชีวิตที่กำลังรั่วไหลออกไปอย่างบ้าคลั่ง พลางตอบอีกฝ่าย “เจ้าทำได้ดีมาก พวกเจ้าล้วนทำได้ดีมาก”
“เมืองอี้…”
“วางใจต่อไปมอบให้ข้า” เธอพยักหน้า สายตากวาดผ่านคนที่อยู่บนฟ้า ก่อนจะพูดให้คำมั่นสัญญา
“เพียงแค่เสวียนเหมินยังอยู่ ไม่มีใครทำอะไรคนบนแดนมนุษย์ได้!” ถึงแม้จะเป็นแดนสวรรค์ก็ตาม!
ถังเฉินยกมุมปากขึ้นอย่างยากลำบากราวกับได้ปล่อยวางภาระแสนหนักอึ้งบางอย่างลง เส้นประสาทที่ตึงเครียดผ่อนคลายลงในที่สุด เจ็บปวดทั่วทั้งร่างกายที่เขาพยายามเพิกเฉยผุดขึ้นมาในตอนนี้ ดวงตาของเขาถูกความมืดเข้าครอบงำก่อนจะล้มลงไปด้านข้าง ทิ้งไว้เพียงคำพึมพำ “อาจารย์…ท่านระวัง…”
“มนุษย์ช่างแสนจะโง่เขลาเสียจริง” สิงเย่ หัวเราะเสียงเย็น ก่อนจะเหลือบถังเฉินที่สลบไป ความดูถูกภายในดวงตายิ่งล้นหลามมากขึ้น “เดิมทีเขาตายเพียงคนเดียวก็เพียงพอแล้ว แต่กลับลากอีกคนมาตายด้วย เอาเถิด อย่างไรแล้วคนในแดนมนุษย์ ข้าไม่คิดจะปล่อยไปแม้แต่คนเดียวอยู่แล้ว!”
อวิ๋นเจี่ยวกระชับมือแน่นราวกับมีบางอย่างผุดขึ้นมาจากก้นบึ้งของหัวใจ ไฟโกรธที่ไร้ที่สิ้นสุดกำลังครอบงำจิตใจที่สงบนิ่งและกระจ่างชัดของเธอ ใบหน้าที่ไม่เคยมีการเปลี่ยนแปลงปรากฏสีแดงก่ำขึ้น สักพักเธอลุกขึ้นยืนอย่างช้าๆ ก่อนจะจ้องมองไปยังคนบนฟ้าทั้งสอง ความเคร่งขรึมภายในดวงตาเจือปนไปด้วยความคมราวกับมีดแหลมที่พึ่งชักออกมาจากกระบอก เพียงแค่กวาดตามองก็สามารถทำร้ายคนได้
สิงเย่ที่กำลังะลงมือชะงักไปเมื่อถูกเธอจ้องมอง
“พวกท่านรู้หรือไม่…” อวิ๋นเจี่ยว มองดูคนที่สลบอยู่บนพื้น เสียงที่พูดออกมาสงบนิ่งจนแปลกประหลาด
“เขาเป็นเพียงเด็ก!”
คนบนฟ้าทั้งสองผงะไปเล็กน้อย ก่อนจะปรากฏเสียงหัวเราะอย่างบ้าคลั่งยิ่งกว่าเดิม “ฮ่าๆ…เด็ก? เขาบอกว่าเขายังเป็นเด็ก? ฮ่าๆ… ข้าเคยได้ยินคำร้องขอชีวิตมามากมาย แต่ประโยคนี้เป็นประโยคที่แปลกใหม่ที่สุดเท่าที่ข้าเคยได้ยิน” ช่างน่าขำเสียจริง เมื่อครู่เขายังคิดว่าคนตรงหน้ามีความสามารถอะไรจริงๆ ฮึ! สมกับที่เป็นมนุษย์ต่ำต้อย
ภายในดวงตาของสิงเหิงก็เต็มไปด้วยความเสียดสี มนุษย์ช่างไร้เดียงสา คิดว่าแสร้งเป็นเด็กเล็กจะรอดพ้นไปได้หรือ
“พอแล้ว รีบจัดการเสีย” นางพลางท่องวิชาเวทพลางเรียกสายฟ้าออกมา “ยิ่งเข้าดินแดนลับเร็วขึ้นเท่าใดยิ่งดี”
“เร่งอะไร” สิงเย่ ย้อนอีกฝ่ายอย่างไม่พอใจก่อนจะมองลงไปยังอวิ๋นเจี่ยวที่อยู่ด้านล่าง เขาพูดขึ้นด้วยความร้ายกาจ
“อย่าดิ้นรนไปเลย ผู้ที่ขัดขวางข้าในวันนี้ล้วนต้องตาย อย่าว่าแต่เด็กถึงจะเป็นท่านมหาเทพองค์กร ข้าก็จะกำจัดทิ้ง” พูดจบเขาใช้พลังในร่างกายเพื่อเรียกมังกรเพลิงออกมาอีกครั้ง
“เช่นนี้…” อวิ๋นเจี่ยวเงยหน้าขึ้น ก่อนจะเผยรอยยิ้มออกมา ใบหน้าที่เคร่งขรึมเปลี่ยนไปอย่างกะทันหันราวกับถูกบางอย่างปลุกให้ตื่นขึ้นมา เผยให้เห็นสีหน้า งดงามที่ไม่เคยพบเจอมาก่อน ความเย็นชาภายในดวงตาราวกับน้ำแข็งในฤดูหนาว เสียงที่พูดออกมาเต็มไปด้วยความเยือกเย็น “พวกท่านช่างเดรัจฉานเสียจริง!”
สิงเย่สีหน้าดำทะมึน “ฮึ…หาที่ตาย!” พูดจบเขาไม่รีรออีกต่อไป พลังทั่วทั้งร่างกายหลั่งไหลออกมา บนฟ้าปรากฏร่างของมังกรเพลิงขึ้นมามากกว่าเดิม
ใบหน้าของอวิ๋นเจี่ยวกลับไม่มีความตื่นตระหนกแต่อย่างใด เธอเพียงแค่หยิบยันต์ตัวเบาออกมาแปะไว้ที่หน้าอก ก่อนจะลูบสองที “เดิมทีข้าคิดว่าจะไม่ใช่วิชาเวทนี้ตลอดกาล แต่วันนี้ข้าพบแล้วว่า…ไม่จำเป็นต้องพูดด้วยเหตุผลกับสัตว์เดรัจฉาน”
“บังอาจ!” สิงเย่โมโห เขาสะบัดมือขึ้นหนึ่งครั้ง มังกรเพลิงทั่วทั้งท้องฟ้าก็พุ่งตรงลงมาด้านล่าง ทางสิงเหิงท่องคาถาจบลง ทันใดนั้นท้องฟ้าเต็มไปด้วยสายฟ้า สายฟ้าสีม่วงขนาดใหญ่ทะลุผ่านชั้นเมฆลงมา
ทั้งสองคนล้วนใช้เต็มกำลัง แต่พวกเขาไม่ได้ทำเพื่อที่จะกำจัดมนุษย์ที่ถูกยันต์อัญเชิญเทพส่งมา เเต่เพื่อกำจัดหมอกสีฟ้าที่ขัดขวางทางเข้าดินแดนลับด้านล่าง
สิงเย่พูดด้วยเสียงเย็นชา “มนุษย์ต่ำต้อย เจ้าจะหนีไปไหนได้”
“ทางนี้!” ทันทีที่เขาพูดจบ เสียงของอีกฝายก็ปรากฏขึ้นด้านหลัง
ไม่เพียงแต่สิงเย่ แม้แต่สิงเหิงที่อยู่ด้านข้างล้วนตกตะลึง วิชาเวทบนมือชะงักไป ภายในใจเต็มไปด้วยความหวาดกลัว
นางมาตั้งแต่เมื่อใด ทั้งที่ก่อนหน้านี้ยังอยู่ด้านล่าง แต่กลับมาปรากฏตัวด้านหลังเพียงชั่วพริบตา อีกทั้งพวกเขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่านางมาได้อย่างไร
ทั้งสองคนหันหลังมาแต่พบว่าอีกฝ่ายกำลังปิดผนึกแปลกประหลาดบางย่างและจู่โจมมายังพวกเขา พวกเขาคิดจะหลบแต่ไม่ทันการ ทำได้เพียงรับมือที่อีกฝ่ายส่งออกมา
สิงเย่และสิงเหิงหลบออกไปอย่างรวดเร็ว เขามองคนตรงหน้าด้วยความระแวง
แต่แล้ว…ไม่มีอะไรเกิดขึ้น
การปรากฏตัวที่แปลกประหลาดของอีกฝ่าย รวมถึงฝ่ามือที่จู่โจมออกมาเมื่อครู่ นอกจากตกใจในตอนแรกแล้วก็ไม่ได้ก่อให้เกิดความเสียหายอะไรต่อพวกเขา แม้แต่เสื้อผ้าของพวกเขาก็ไม่เสียหาย
“ฮ่าๆ…” สิงเย่หัวเราะขึ้นมาอีกฝ่าย “เจ้ามาเล่นตลกให้ข้าดูหรือ วิชาเวทอะไรกัน ปัดสิ่งสกปรกให้กับชุดข้าหรือ…ดูท่างทางวิชาเวทของมนุษย์อย่างพวกเจ้าทำอะไรพวกข้าไม่ได้!”
สีหน้าของอวิ๋นเจี่ยวไม่เปลี่ยนแปลง เธอพยักหน้าอย่างเห็นด้วย “อืม ข้าทำอะไรไม่ได้ แต่…” เธอกวาดตามองทั้งสองคน “พวกท่านทำได้”
“…”