ศิษย์หลานข้า ระวังอย่าหลงผิด - ตอนที่ 294 หินเขตแดนดินแดนลับ
พวกเขารู้สึกเพียงภาพตรงหน้าเปลี่ยนไป นาทีถัดมาก็มายืนอยู่ในสถานที่อีกแห่งแล้ว สถานที่แห่งนี้เต็มไปด้วยทุ่งดอกไม้ บริเวณรอบด้านอบอบอวลไปด้วยหมอกสีฟ้าเหมือนด้านนอก ใต้เท้าเต็มไปด้วยดอกไม้หลากสีที่เจือปนพลังพิเศษบางอย่าง แม้แต่ท้องฟ้าก็เต็มไปด้วนแสงเจ็ดสีแตกต่างจากด้านนอก ลมเบาพัดพากลีบดอกไม้ล่วงหล่นลงมาราวกับหยาดฝน สวยงามจนน่าตกตะลึง
“ทิวทัศน์ช่วงสวยงามยิ่งนัก” สีฝานตกตะลึงกับภาพตรงหน้า เขามองไปรอบด้านก่อนจะหันไปถามคนด้านข้างๆ ด้วยความประหลาดใด “อาจารย์ พวกเราเดินไปทางไหนต่อ”
ทั้งสองคนไม่ตอบ เพียงแต่หันหน้ามามองสีฝานด้วยความพร้อมเพรียง
สีฝาน: “…”
มองเขาหมายความว่าอย่างไร คนธรรมดาอย่างเขาไม่เข้าใจความหมายที่อาจารย์ต้องการสื่อ!
“หาสมบัติ…เอ่อสีฝาน!” สักพักชายแก่เดินขึ้นหน้าหนึ่งก้าว ก่อนจะพูดกลั้นหัวเราะ “พวกข้ากำลังตามหาของสิ่งหนึ่งอยู่ สำคัญและเร่งด่วนอย่างมาก เจ้าเข้าใจ!”
“อะไร” สีฝานผงะ เขาไม่เข้าใจ หมายความว่าอะไร
“มอบเป็นหน้าที่เจ้าแล้ว!” พูดจบยังตบไหล่ของเขาอย่างแรง “สู้ๆ”
“ไม่ใช่ อาจารย์…” สีฝานสะท้าน ก่อนจะถอยหลังไปหนึ่งก้าว “พวกท่าน…โอ๊ย!”
เขายังพูดไม่ทันจบก็ล้มลงกับพื้น ก่อนจะร้องโอดครวญออกมาด้วยความเจ็บปวด: “โอ๊ย~โอ๊ย~โอ๊ย”
อวิ๋นเจี่ยวหันไปมองชายแก่ “เจ้าทำอะไรลงไป”
“ข้า…ข้าไม่ได้ทำ” ชายแก่ก็งุนงงเช่นเดียวกัน เขาเพียงแค่ตบไหล่เบาๆ เท่านั้น ไม่ได้ออกแรงแม้แต่น้อย เหตุใดจึงล้มลงไป
ทั้งสองคนสบตาก่อน ก่อนจะเดินขึ้นหน้าดึงคนขึ้นมา แต่สีฝานเจ็บปวดจนใบหน้าบิดเบี้ยว รีบพูดพลางส่ายหัว “อย่าๆ…อย่าขยับ เจ็บๆ…ก้นข้า…”
“สาหัสเช่นนี้?” ชายแก่สงสัยในตัวเองทันที อย่างน้อยอีกฝ่ายก็ได้รับการฝึกฝน ไม่ควรอ่อนแอถึงเพียงนี้
“ไม่…ไม่ใช่ความผิดของอาจารย์” สีหน้าของสีฝานยิ่งบิดเบี้ยวมากขึ้น เขาพลางสูดลมหายใจ พลางชี้ไปยังด้านล่าง “ข้าเหมือนจะนั่ง…นั่งทับอะไรบางอย่างเข้า ก้นของข้าแทบจะแหลกเจ็บมากๆ”
ทั้งสองคนผงะ ทันใดนั้นสบตากันไม่จริงหน่า!
ชายแก่รีบยื่นมือไปกระตุ้นยันต์ตัวเบาบนตัวของสีฝาน ทำให้เขาลอยขึ้นมาและเคลื่อนตัวไปด้านข้าง เขาก้มลงไปมอง พบว่าด้านล่างเป็นก้อนหินสีฟ้าลักษณะเหลี่ยมคล้ายกับคริสตัล ก้อนหินนั้นกำลังเปล่งประกายแสงภายใต้ดวงอาทิตย์ อีกทั้งยังแผ่กระจายไปด้วยพลังมิติ
“หินเขตแดนดินแดนลับ!” คูณสอง
ทั้งสองคนอุทานออกมาด้วยความตกใจ มองไปยังก้อนหินบนพื้นด้วยความเหลือเชื่อ ก่อนจะมองไปยังสีฝานที่กำลังลูบคลำก้นของตนเองอยู่
ชายแก่: “…”
อวิ๋นเจี่ยว: “…”
ทันใดนั้นเธอมีความรู้สึกเหมือนผู้เล่นเติมเงิน มีความรู้สึกว่าผ่านด่านได้อย่างรวดเร็ว
เพียงแต่ตำแหน่งของหินเขตแดนนี้…เธอมองไปยังส่วนแหลมสุดของหินก้อนนั้น พบว่าด้านบนทิ้งร่อยรอยของเลือดเอาไว้ น่าจะเป็นของสีฝาน
“…”
~~(﹁﹁)~~~
“ชายแก่!” อวิ๋นเจี่ยวพูดขึ้นอย่างจริงจัง “เก็บหินให้ดี พวกเรากลับไปกันได้แล้ว”
ชายแก่ปากกระตุก ก่อนจะปฏิเสธคำพูดของเจ้าหนู “ไม่ๆ เจ้าหนู หินก้อนนี้สำคัญเช่นนี้ เจ้าต้องเป็นผู้ดูแลเอง!”
“ตอนนี้ข้าไม่มีพลังลมปราณ ต้องอาศัยท่านเท่านั้น วางไว้ที่ท่านปลอดภัยกว่า!”
“เจ้าหนู ตอนนี้ไม่ใช่เวลาถ่อมตน อีกอย่างก่อนหน้านี้เจ้าไม่มีแม้แต่เส้นลมปราณเสวียน เจ้ายังเก่งกาจขนาดนั้น”
“วันนี้ไม่เหมือนวันนั้น ข้าเชื่อในความสามารถของท่าน”
“ไม่ เจ้าเก็บไว้ดีกว่า!”
“ชายแก่ท่านเก็บ…”
“เจ้าหนูเจ้าเก็บ…”
สีฝาน: “…” พวกเขาพูดอะไรอยู่ เหตุใดเขาจึงฟังไม่เข้าใจ
สักพัก…
“ขนมสามขวด!”
“ข้าแก่แล้ว ไม่มีความอยากอาหาร”
“สิบขวด!”
“เจ้าหนู…ข้าไม่ใช่อาจารย์ปู่”
“ไม่ต้องสอบหนึ่งสัปดาห์!”
“ตกลง!”
ชายแก่ไม่พูดพล่ามทำเพลงอีก เขาฉีกแขนเสื้อออกมาครึ่งหนึ่งก่อนจะก้มลงไปห่อหุ้มหินเขตแดนบนพื้นแล้วลุกขึ้น จากนั้นยืนมองไปยังสีฝานที่ทำหน้าฉงนด้วยสายตามีนัยรักษาช่วงเวลาที่ไร้การทดสอบเอาไว้เถิด พ่อหนุ่ม!
ไม่ต้องสอบหนึ่งสัปดาห์ เรื่องแค่นี้เทียบไม่ได้
อวิ๋นเจี่ยว: ไม่เป็นอะไร ไม่ต้องสอบหนึ่งสัปดาห์ แต่สัปดาห์หน้าสามารถเพิ่มได้
สีฝาน: เกิดความรู้สึกเสียวสันหลังขึ้นมาทันที
“ไม่คิดว่าพวกเจ้าจะหาเจอก่อน” เสียงเด็กดังขึ้นด้านหลังของทั้งสามคน
ทั้งสองคนตกตะลึง พวกเขาหันหลังขวับ ก่อนจะพบว่ากลางอากาศมีคนผู้หนึ่งโผล่มา อีกฝ่ายคือเนี่ยชางที่เข้ามาดินแดนลับก่อนพวกเขา ในเวลานี้อีกฝ่ายกำลังจ้องมองทั้งสามคนด้วยสีหน้าปองร้าย ก่อนจะยกยิ้มขึ้นมา “ช่างเถิด ข้าจะได้ไม่ต้องเสียเวลา”
พูดจบเขาก็สะบัดมือขึ้นมาทันที ทันใดนั้นพายุกระหน่ำขึ้น กลีบดอกไม้ที่กำลังล่วงหล่นมาจากบนฟ้ากลายเป็นมีดคม ก่อนจะพุ่งตรงมาทางพวกเขา
“ชายแก่ป้องกัน!” อวิ๋นเจี่ยวตะโกน
ไป๋อวี้รีบปิดผนึกขึ้นมา ในขณะที่มีดคมเหล่านั้นกำลังจะกระทบเข้ากับพวกเขา ในวินาทีสุดท้าย แสงสีทองแผ่ออกมาจากตัวของชายแก่ ก่อนจะกลายเป็นเกราะกำบังห่อหุ้มทั้งสามคนเอาไว้ มีดคมที่มาจากกลีบดอกไม้นั้นล้วนถูกต้านเอาไว้ได้
เนี่ยชางส่งเสียงเย็นในลำคอ นาทีถัดมาพลังบนตัวของเขาจู่โจมออกมาหาทั้งสามคน
ชายแก่และอวิ๋นเจี่ยวยังดี แต่สีฝานกลับถูกกดทับจนคุกเข่าล้มลงไป ก่อนจะอ้าปากอาเจียนออกมาเป็นเลือด
“เจ้าเป็นอะไรหรือไม่” ชายแก่ตกใจ แต่ก็ไม่อาจหันหน้าไปดูได้
อวิ๋นเจี่ยวหยิบยันต์ออกมาใบหนึ่งแปะเข้าที่ตัวของอีกฝ่าย พลางวางค่ายกลพลางพูด “ชายแก่เจ้าใช้แรงทั้งหมดรับมือกับเนี่ยชาง ตรงนี้เป็นหน้าที่ของข้า”
“ได้!” ชายแก่พยักหน้า ก่อนจะเรียกอาวุธวิเศษของตนเองออกมา โชคดีที่มีเนี่ยชางเพียงคนเดียว ไม่แน่ว่าอาจ…ในขณะที่คิด ทันใดนั้นมีเทพเซียนอีกสององค์ลอยเข้ามาจากระยะไกล ก่อนจะคารวะเนี่ยชางที่อยู่กลางอากาศ “ท่านมาหาเทพ…” เห็นได้ชัดว่าพวกเขาสังเกตถึงการเคลื่อนไหวในทิศทางนี้ ดังนั้นจึงรีบมุ่งเข้ามา
เนี่ยชางมองไปยังคนบนพื้นทั้งสาม ราวกับรู้ความคิดของชายแก่ เขายกยิ้มชั่วร้ายขึ้นมา ก่อนจะกำชับคนมาใหม่ทั้งสอง “หินเขตแดนอยู่ในมือของพวกเขา ไปเอามา!”
“ขอรับ!” ทั้งสองคนรับคำ ก่อนจะพุ่งตัวลงมาอย่างไม่รีรอ อีกทั้งยังเริ่มจู่โจมอย่างไม่ยั้งมือ เห็นได้ชัดว่ากำลังของทั้งสองคนล้วนอยู่ในขั้นเทพเซียนชั้นสูง
ทันใดนั้นชายแก่ รู้สึกอยากก่นด่าขึ้นมา เขามองดูค่ายกลป้องกันที่แทบจะถูกจู่โจมจนพังทะลายด้านหน้า ก่อนจะหยินยันต์สีทองออกมา แล้วโยนใส่อีกฝ่าย
เมื่อเทียบกับท่านมหาเทพทั้งสองก่อนหน้านี้ เทพเซียนสององค์นี้ของเนี่ยชางมีความระมัดระวังมากกว่าอย่างมาก พวกเขาเอี้ยวตัวหลบยันต์เหล่านั้น ก่อนจะจู่โจมเข้ามาอีกครั้ง
แต่กำลังของชายแก่พัฒนาขึ้นมาจะการถูกอาจารย์ปู่ชกต่อย เราอาศัยช่วงจังหวะที่ทั้งสองคนจู่โจมลงมา ยันต์ในมือของเขาพุ่งตรงไปยังเทพเซียนทั้งสอง
ยันต์เหล่านั้นระเบิดออกเสียงดัง
ทั้งสองคนถูกระเบิดเข้าอย่างจัง ก่อนจะล่วงลงมาชายแก่โล่งใจในเวลาหนึ่งทันใดนั้นเสียงของเนี่ยชางดังขึ้นที่ข้างหู
“มีความสามารถอยู่บ้าง แต่ยังไม่พอ!” เนี่ยชางปรากฏอยู่ข้างค่ายกลตั้งแต่เมื่อใดไม่รู้ เขาอาศัยจังหวะแรงกระแทกของยันต์ระเบิด พุ่งปลายดาบมายังชายแก่ ในขณะที่คมดาบนั้นกำลังจะต้องตัวชายแก่
“อาจารย์ไป๋!” สีฝานที่อยู่ใกล้ที่สุดร้องออกมาด้วยความตกใจ ก่อนจะพุ่งตัวเข้าไปอย่างไม่คิด
“ระวังหิน…” อวิ๋นเจี่ยวตกใจ คิดจะห้ามแต่ไม่ทันการ
สีฝานยื่นมือออกไปจับหินเขตแดนในอ้อมกอดของชายแก่เอาไว้พอดี ทันใดนั้นบริเวณรอบข้างบิดเบี้ยว ในขณะที่ทุกคนยังไม่ทันได้ตอบสนอง ก็ล้วนถูกดีดออกจากดินแดนลับ
พวกเขาต่างกลับเข้ามาอยู่ในเมืองอี้ที่คึกคัก
เงยหน้ามองทางเข้าดินแดนลับกลางอากาศที่กำลังบิดเบี้ยว ก่อนที่จะเห็นเทพเซียนหลายสิบองค์ถูกโยนออกมา จากนั้นหายลับไปกลางอากาศ
“…”
เฮ้ย!