ศิษย์หลานข้า ระวังอย่าหลงผิด - ตอนที่ 297 บรรลุเป็นเซียน
สิงชางคิดจะขัดขืน แต่พบว่า…ขยับตัวไม่ได้แม้แต่น้อย มือที่จับอยู่ที่ไหล่ของเขา แม้จะไม่ได้ออกแรง แต่ทำให้เขารู้สึกถึงแรงกดดันอย่างมหันต์ ความรู้สึกที่ไม่อาจเคลื่อนตัวได้นั้นราวกับแผ่ขยายออกมาจากก้นบึ้งของใจตนเอง
ยังไม่รอเขาคิดอย่างละเอียด อวิ๋นเจี่ยวยื่นมือจู่โจมไปยังหน้าอกของเขา จากนั้นทำท่าราวกับดึงอะไรบางอย่างออกมา สิงชางรู้สึกเพียงเย็นวาบบริเวณอก แสงสีทองบนร่างกายส่องสว่างขึ้น ผนึกหนึ่งปรากฏขึ้น ก้อนหินสีแดงมุดออกมาจากภายใน
“หินเขตแดน…” สิงชางเบิกตาโพลง ในขณะที่กำลังจะหยุดยั้ง นาทีถัดมาความเจ็บปวดอย่างมหันต์ถาโถมเข้ามา บริเวณหน้าอกราวกับจะระเบิดออก มีบางอย่างถูกดึงออกมาพร้อมกับหินเขตแดนตั้งแต่ตันเถียน ผนึกบริเวณหน้าผากสว่างขึ้นอีกครั้ง ลูกแก้วประกายพลังมังกรลูกกลมตกอยู่ในมือของอวิ๋นเจี่ยว นี่คือ…ลูกแก้วมังกรของเขา!
ครั้งนี้ไม่เพียงแต่สิงชาง แม้แต่อวิ๋นเจี่ยวเองก็ผงะไป นางมองลูกแก้วมังกรในมือของตนเองอย่างนิ่งอึ้ง “เอ่อ…ขออภัย ข้าดึงมากไปหน่อย ไม่คิดว่าจะเร็วเช่นนี้” นางแค่อยากหยิบหินเขตแดนออกมา ไม่คิดว่าจะดึงลูกแก้วมังกรของอีกฝ่ายออกมาได้
เหล่าเทพเซียน “…”
เหล่าเจ้าสำนัก “…”
“กำ…กำลังของข้า!” สิงชางเบิกตาโตด้วยความตกตะลึง เมื่อสูญเสียลูกแก้วมังกร กำลังของเขาก็รั่วไหลออกมาราวกับมีหลุมกว้าง เขาพยายามเอื้อมมือรักษากำลังของตนเอง แต่ยังคงไม่อาจขยับเขยื้อนได้
“ช่างเถิด” อวิ๋นเจี่ยวก้มหน้ามองเขา ก่อนจะพูดต่อ “คนอันตรายอย่างท่าน ไม่คู่ควรที่จะมีชีวิตอยู่” พูดจบ นางกำมือแน่นอย่างไม่ลังเล
“อย่า!” ราวกับเดาได้ว่าอีกฝ่ายจะทำอะไร สิงชางตะโกนออกมาเสียงดัง แต่สายเกินไป เขาได้ยินเพียงเสียงแตกดังขึ้น ลูกแก้วมังกรและหินเขตแดนในมือของนางถูกบดละเอียดสลายหายไปต่อหน้าต่อตา
พู่!
สิงชางอ้าปากอาเจียนเลือดออกมา ครานี้ไม่เพียงแต่กำลัง แม้แต่ร่างมนุษย์ก็ไม่อาจรักษาไว้ได้ บนมือของเขาปรากฏเกล็ดสีดำเป็นจ้ำๆ บนหัวมีโหนกมังกรโผล่ออกมา
มันราวกับเพิ่งเข้าใจโชคชะตาของตนเอง ดวงตาเต็มไปด้วยความหวาดกลัวต่อความตาย เขาตะโกนด้วยเสียงสั่นเทา “ไม่…เจ้าฆ่าข้าไม่ได้ ข้าเป็นท่านมหาเทพ! ข้าคือผู้เป็นใหญ่แห่งสวรรค์! ฆ่าข้าเจ้าจะต้องรับโทษ! ต้องรับโทษอย่างแน่นอน!”
“หรือ” สีหน้าของอวิ๋นเจี่ยวไม่เปลี่ยนแปลง ยังคงทำสีหน้าเคร่งขรึมเหมือนอย่างเคย นางพูดเสียงเย็น “เลือกท่านเป็นท่านมหาเทพ แสดงว่าสายตาของสวรรค์ก็ไม่ดีเท่าใดนัก!”
พูดจบ นางยกมือขึ้นอีกครั้ง ในขณะที่จะกระทบเข้ากับจุดสำคัญ
“อย่า!”
ทันใดนั้น
เสียงสวรรค์ดังขึ้น ลำแสงสีทองลอยลงมาจากบนท้องฟ้า ทะลุผ่านชั้นเมฆตกกระทบลงบนตัวของอวิ๋นเจี่ยว
ทันใดนั้นท้องฟ้าที่มัวหมองแปรเปลี่ยนเป็นโปร่งใส รอบตัวของนางอบอวลไปด้วยพลังสีฟ้า เมืองอี้ที่พังทะลายกลับคืนสู่สภาพเดิม ทันใดนั้นกลีบดอกไม้นับหมื่นร่วงหล่นลงมา แสงหลากสีส่องสว่างไปทั่วฟ้า นกน้อยฝูงหนึ่งบินมารวมกันบริเวณลำแสง ราวกับกำลังเต้นรำฉลองอะไรบางอย่าง
อวิ๋นเจี่ยวตกตะลึงในความสวยงามตรงหน้า นางเงยหน้าขึ้นมองลำแสงที่ล้อมรอบนางเอาไว้ แสงนี้คืออะไรกัน
“หรือนี่คือ…แสงสวรรค์ชักนำ!” ชายแก่พูดออกมา ก่อนจะมองไปยังลำแสงกลางอากาศอย่างเหลือเชื่อ แตกต่างจากคนอื่น เขาในฐานะยมราช สามารถรับรู้ได้ถึงพลังที่ส่งออกมาจากด้านใน! มีเพียงแสงสวรรค์ชักนำเท่านั้นถึงจะมีพลังเช่นนี้!
“แสงสวรรค์ชักนำ อาจารย์จะบรรลุแล้ว!” ลูกศิษย์เสวียนเหมินต่างดวงตาลุกวาว ก่อนจะมองไปยังอวิ๋นเจี่ยวด้วยความเหลือเชื่อ ถึงจะประหลาดใจเล็กน้อย แต่มากกว่านั้นคือสมเหตุสมผล
ไม่คิดว่า ในชีวิตของพวกเขาจะสามารถเห็นเหตุการณ์คนในเสวียนเหมินบรรลุเป็นเทพเซียนได้
ทันใดนั้นทุกคนล้วนเต็มไปด้วยความตื่นเต้น การบรรลุเป็นเทพเซียนเป็นจุดมุ่งหมายทั้งชีวิตของลูกศิษย์เสวียนเหมิน
จนกระทั่งเสียงหัวเราะหนึ่งดังขึ้น สิงชางหันไปมองอวิ๋นเจี่ยว ก่อนจะหัวเราะออกมาอย่างบ้าคลั่ง “ฮ่าๆๆ …เจ้าจะบรรลุเป็นเซียนแล้ว! เจ้านำมนุษย์เหล่านี้หยุดยั้งพวกข้า แต่ตัวเองกลับกลายเป็นเหมือนพวกข้า น่าขันสิ้นดี ฮ่าๆๆๆ…”
อวิ๋นเจี่ยวกระชับมือแน่น คิ้วของนางขมวดมุ่นในทันที นี่คือแสงสวรรค์ชักนำตอนบรรลุ มิน่าตั้งแต่แสงนั้นสาดส่องมายังนาง ภายในหัวของนางมีเสียงหนึ่งดังขึ้น มันกำลังเร่งเร้าให้นางออกจากดินแดนมนุษย์
ที่แท้ก็คือการบรรลุเป็นเซียน!
สิงชางยิ่งหัวเราะเสียงดังมากขึ้นราวกับลืมความหวาดกลัวในความตายไปแล้ว เขาจ้องมองอวิ๋นเจี่ยวด้วยความแค้น ก่อนจะจงใจใช้คำพูดร้ายกาจจู่โจมนาง “ฮ่าๆๆ …เพื่อสรรพสิ่งใต้หล้าอะไรกัน สุดท้ายก็เพื่อบรรลุเป็นเซียน เพื่อได้รับพลังที่แข็งแกร่งขึ้น! แตกต่างจากพวกข้าตรงไหน พวกเจ้ามีสิทธิอะไรมาห้ามพวกข้า”
“หุบปาก!” เจ้าสำนักท่านหนึ่งพูดขัดเขา “อาจารย์ไม่เหมือนกับสัตว์เดรัจฉานอย่างพวกท่าน!”
“ไม่เหมือนตรงไหน” สิงชางคัดค้านเสียงดังยิ่งขึ้น “ลืมตาของพวกเจ้าดูให้ดี นางจะเป็นเซียนแล้ว เหมือนกับพวกข้า คนของดินแดนสวรรค์”
“ถึงจะเป็นเช่นนี้ อาจารย์ก็ไม่มีทางเข้าร่วมกับพวกท่าน” คนผู้นั้นตอบกลับอย่างมั่นใจ เจ้าสำนักคนอื่นต่างพยักหน้าเห็นด้วย อย่างไรก็ตามนางก็เป็นผู้ฟื้นฟูเสวียนเหมิน
“ฮึ ไร้เดียงสา!” สิงชางหัวเราะออกมา “เมื่อเป็นเทพเซียนก็คือคนของดินแดนสวรรค์ ย่อมต้องให้ความสำคัญกับสวรรค์ นางจักได้รับชีวิตอันเป็นอมตะ พวกเจ้าคิดว่านางจะไม่มีวันเปลี่ยนแปลงหรือ พวกเจ้าลองนึกถึงเหล่าเซียนในบูรพาสวรรค์สิ หมื่นปีมานี้พวกเขาเคยสนใจความเป็นความตายของพวกเจ้าหรือไม่”
“…” ทุกคนต่างผงะ ไม่อาจหาคำใดมาโต้แย้งได้ เพราะก่อนที่อาจารย์อวิ๋นเจี่ยวจะปรากฏตัว เหล่าบรรพบุรุษบนดินแดนสวรรค์ไม่เคยมีการปรากฏตัวมาก่อน
“อาจารย์…อาจารย์แตกต่าง!” เรื่องเมื่อก่อนพวกเขาไม่รู้ แต่เรื่องนี้พวกเขาเชื่อมั่นมาโดยตลอด
“โง่เขลา!” สิงชางมองพวกเขาอย่างไร้ค่า สีหน้าเต็มไปด้วยความเสียดสี “มนุษย์และเซียนแตกต่างกัน ตั้งแต่ชั่วขณะที่บรรลุก็เกิดความแตกต่างแล้ว ในสายตาของเซียน มนุษย์อย่างพวกเจ้าก็เป็นเพียงมดต่ำต้อยเท่านั้น ไม่มีใครอยากทุ่มเทชีวิตให้กับฝูงมด”
“ดังนั้น…” อวิ๋นเจี่ยวพูดขัดขึ้น “ที่แท้เซียนที่ว่าก็เป็นเพียงกลุ่มคนที่เห็นแก่ประโยชน์ของตน ยึดถือตนเองเป็นใหญ่ ยโสโอหัง ทำลายชีวิตผู้อื่นเพื่อประโยชน์ของตนเอง?”
“เจ้า…” สิงชางถูกนางด่าจนผงะ
“ขออภัย ข้าไม่มีความสนใจอยากกลายเป็นคนเลวอย่างพวกท่าน” ดวงตาของนางหรี่ลง ก่อนจะเงยหน้าขึ้น มองไปยังส่วนลึกของลำแสงเหนือศีรษะ นางชักนำพลังภายในร่างกาย ก่อนจะพูดออกมา “ข้าอวิ๋นเจี่ยว ปฏิเสธการบรรลุ!”
ทันทีที่พูดจบ ลำแสงที่กระทบเข้ากับตัวของนางแตกออกในทันที ก่อนจะสลายหายไประหว่างฟ้าดิน เสียงสวรรค์สิ้นสุดลงในทันใด