ศิษย์หลานข้า ระวังอย่าหลงผิด - ตอนที่ 299 ความศรัทธา
“แสงทองคุณงามความดี?” อวิ๋นเจี่ยวผงะไป ราวกับผู้ลึกลับที่ช่วยสิงชางไปก็เคยพูดเช่นนี้ “อะไรคือแสงทองคุณงามความดี”
“ผู้มีคุณงามความดี เมื่อคุณงามความดีนั้นสะสมถึงระดับหนึ่งแล้วจะแสดงออกมา” อิ้งหลุนอธิบาย “เป็นสัญลักษณ์การดูแลจากสวรรค์”
“คุณงามความดี? ไม่ได้บอกว่าทางแห่งสวรรค์ตระหนี่ในการให้คุณงามความดีอย่างมากหรือ บางคนทั้งชีวิตก็ใช่ว่าจะได้” เหตุใดบนตัวของนางจึงมีมากมายเช่นนี้ บนตัวของราชามารจื่นเฉินที่ตายเพราะช่วยใต้หล้าก็ยังไม่มากเท่านี้
“เป็นเช่นนั้น” อิ้งหลุนพยักหน้า “บนโลกนี้ตัดสินผิดถูกได้ยากมาก ดังนั้นจึงมีเพียงคุณงามความดีที่ยิ่งใหญ่อย่างช่วยเหลือสรรพสิ่งใต้หล้าถึงจะได้รับการยอมรับจากทางแห่งสวรรค์ และส่งมอบรางวัลเช่นนี้” อิ้งหลุนเดินรอบตัวนางด้วยความสงสัย พร้อมทั้งมองพินิจนางขึ้นลง ก่อนจะพูดขึ้น “ศิษย์หลานตัวน้อย ข้าเองก็สงสัย…ก่อนหน้านี้เจ้าทำอะไรถึงได้สะสมคุณงามความดีมากมายเช่นนี้”
“ข้าก็ไม่ได้ทำอะไร ท่านรู้ไม่ใช่หรือ” อวิ๋นเจี่ยวผงะ ก่อนจะนึกย้อนไป “ข้าเพียงแค่ผลักดันการศึกษาในเสวียนเหมินเท่านั้น หากจะบอกว่าช่วยเหลือคนก็มีเพียง…เรื่องการดูดกลืนวิญญาณของดินแดนสวรรค์เมื่อคราก่อน หยุดยั้งพวกเขาหลอมเส้นลมปราณเทพ คราก่อนๆ เรื่องอสูรกลืนกินนภา หยุดยั้งการเปิดผนึกพลังปีศาจ นอกจากนี้ก็ครานี้ที่หยุดยั้งการฆ่าล้างเมืองอี้ของดินแดนสวรรค์ เพียงเท่านี้…” ไม่ได้มากมายอะไร
“เฮ้ย นี่ยังเรียกว่าเพียงเท่านี้…” เขาส่งสายตาระอาให้อวิ๋นเจี่ยว “ข้าว่าศิษย์หลานตัวน้อย…เจ้าเคยคิดหรือไม่ว่าเจ้าหยุดยั้งการดูดกลืนวิญญาณคือการช่วยเหลือดินแดนมนุษย์และยมโลก หยุดยั้งอสูรกลืนนภาเป็นการช่วยเหลือยมโลกและดินแดนมาร ส่วนเรื่องเมืองอี้ในครานี้ ข้าเดาว่าเป็นฝีมือของสิงชางใช่หรือไม่ หมื่นปีก่อนเขาเคยก่อเรื่องวุ่นวายให้แก่ทั้งสามโลกแล้ว เวลานี้เจ้าหยุดยั้งเขาเท่ากับช่วยเหลือทั้งสามโลก”
“…” เอ๊ะ? คิดเช่นนี้หรือ
“เมื่อคิดเช่นนี้ คุณงามความดีที่ช่วยเหลือสามโลกหลายครา มีคุณงามความดีเช่นนี้ก็ปกติ เพียงแต่…” เขาหันหน้าไปมองปีศาจคุณงามความดีตรงหน้าอีกครั้ง ดวงตามีความสงสัยเล็กน้อย “คุณงามความดีจะปรากฏในชาติหน้า ไม่ปรากฏในชาตินี้ นี่คือการปฏิบัติดีเพื่อชาติหน้า เหตุใดเจ้าจึงแตกต่าง ข้าว่าศิษย์หลานตัวน้อย ตอนที่เจ้าได้รับคุณงามความดีเหล่านี้ เจ้าทำอะไร”
อวิ๋นเจี่ยวครุ่นคิด ก่อนจะตอบด้วยความลังเล “ปฏิเสธการบรรลุนับหรือไม่”
“ฮะ?” อิ้งหลุนผงะ ก่อนจะเข้าใจในสิ่งที่นางพูด “เจ้าปฏิเสธการบรรลุ!” เขากวาดตามองนางขึ้นลง สีหน้าล้วนเต็มไปด้วยคำถาม อีกทั้งยังเตรียมเดินขึ้นไปแตะหน้าผากของนาง
“ท่านฟังไม่ผิด!” อวิ๋นเจี่ยวถอยหลังหลบมือของเขา “ข้าปฏิเสธการบรรลุ อย่าสนใจเรื่องเหล่านี้เลย ท่านรีบช่วยข้าคิดวิธีเก็บแสงเหล่านี้ลงไปดีกว่า” นางยังต้องสอนหนังสือ สว่างขนาดนี้จะสอนอย่างไร อีกอย่างตอนกลางคืนก็นอนไม่หลับ!
“ที่แท้แสงแห่งการชักนำเมื่อครู่เป็นของเจ้า” สีหน้าของเขายิ่งแย่ลงไปกว่าเดิม เขามองนางอย่างตั้งใจ ก่อนจะถอนหายใจออกมา “คุณงามความดีนี้เป็นสิ่งที่ไร้รูปไร้ร่าง ตอนนี้สว่างเช่นนี้อาจเป็นเพราะก่อนหน้านี้เจ้าได้รับการจู่โจม ดังนั้นมันจึงแสดงตนออกมาปกป้องเจ้าเอาไว้ เจ้าลองสงบจิตใจ ภายในใจคิดถึงการเก็บ แสงนี้จะสลายหายไปเอง”
อวิ๋นเจี่ยวผงะ ก่อนจะสูดลมหายใจเข้าลึกๆ เพื่อสยบความว้าวุ่นภายในใจ ไม่ถึงชั่วครู่ แสงสีทองรอบตัวค่อยๆ จางลง ก่อนจะสลายหายไป ภายในโถงกลับคืนสู่สภาพเดิม
นางนวดดวงตาที่แทบจะบอดของตนเอง ง่ายเช่นนี้หรือ
“ศิษย์หลานตัวน้อย…” เมื่อแสงสีทองสลายไป อิ้งหลุนรีบเก็บพลังหยินรอบตัวทันที เขาเดินเข้าใกล้ พร้อมเอ่ยถามด้วยความสงสัย “เจ้าบอกข้ามาว่าเหตุใดเจ้าจึงไม่ยอมบรรลุ ก่อนหน้านี้เจ้าฝึกฝนเพื่อบรรลุมิใช่หรือ โอกาสไม่ได้มีมาง่ายดาย หากเจ้าพลาดไปครั้งนี้ ต่อไปเจ้าอาจไม่มีโอกาสอีก”
อวิ๋นเจี่ยวมองเขาทีหนึ่ง ก่อนจะตอบ “สิ่งที่ดินแดนสวรรค์กระทำ ทำให้ข้าไม่อยากเข้าร่วมกับพวกเขา อีกอย่างตอนนี้ข้าทำให้สวรรค์ทั้งสามทิศไม่พอใจ ท่านมหาเทพบูรพาสวรรค์ไม่รู้เป็นตายร้ายดีอย่างไร ข้าขึ้นไปไม่ใช่เป็นการหาที่ตายหรือ”
“ดินแดนสวรรค์?” อิ้งหลุนผงะ ก่อนจะโพล่งออกมา “ใครบอกเจ้าว่าจะได้ไปดินแดนสวรรค์”
อวิ๋นเจี่ยวผงะ “ไม่ได้บรรลุเป็นเทพเซียนหรือ” บรรลุไม่ใช่บรรลุขึ้นดินแดนสวรรค์?
“ไม่ใช่!”
“เช่นนั้นคือ?”
“ดินแดนเทพ!”
อวิ๋นเจี่ยว “…”
ชายแก่ “…”
Σ(°△°|||)︴
ฮะ?
สักพัก…
“ดะ…ดิน…ดินแดนเทพ?!” ชายแก่อุทานออกมา ไม่อยากเชื่อหูของตนเอง
“ใช่!” อิ้งหลุนพูดด้วยสีหน้าเรียบเฉย ก่อนจะนึกบางอย่างขึ้นได้ เขาหันไปพูดกับอวิ๋นเจี่ยว “เจ้าหนู เจ้าไม่รู้ว่าตอนนี้ร่างกายของเจ้ากำลังหมุนเวียนไปด้วยพลังเทพหรือ”
“พลังเทพ?” อวิ๋นเจี่ยวนิ่งอึ้ง นางรู้สึกได้ว่าพลังที่อยู่ในเส้นลมปราณเสวียนในตอนนี้แตกต่างจากพลังลมปราณก่อนหน้านี้อย่างมาก ราวกับแข็งแกร่งขึ้นหลายหมื่นเท่า แต่นางคิดว่าเป็นสาเหตุมาจากหมอกสีฟ้าดินแดนลับ ดังนั้นจึงสามารถชาร์จพลังเส้นลมปราณเสวียนให้เต็มได้ แต่เกี่ยวอะไรกับพลังเทพกัน
เดี๋ยว!
ก่อนหน้านี้นางเหมือนเคยได้ยินสิงชางพูดว่าดินแดนลับนั้นเป็นดินแดนลับโบราณ
“ท่านอิ้งหลุน ดินแดนลับโบราณนั้นคือ…”
“คือดินแดนลับแห่งดินแดนเทพ!”
“…”
เฮ้ย!
ที่แท้พลังสีฟ้าเหล่านั้นก็คือพลังเทพ! หมายความว่าสิ่งที่สิงชางต้องการดูดกลืนคือสิ่งที่อยู่ตรงหน้าทุกคนตั้งแต่แรก เพียงแต่…ไม่มีใครรู้จัก! คิดว่านั่นเป็นเพียงควันพิษของทางเข้าดินแดนลับเท่านั้น
เมื่อครุ่นคิดอย่างละเอียด ผู้คนที่ตกลงสู่ดินแดนลับล้วนเส้นลมปราณขาด เลือดออกทางทวารทั้งเจ็ด ซึ่งสถานการณ์นี้เกิดจากการย้อนกลับของเส้นลมปราณ
พลังเทพเข้มข้นเกินไป เส้นลมปราณของมนุษย์ไม่อาจดูดซับและนำมาใช้ได้ หากเปลี่ยนเป็นเทพเซียนเข้าไป ถึงแม้จะดูดซับไม่ได้ แต่ผลลัพธ์คงจะดีกว่ามาก เพียงแต่…พวกเขาไม่ได้เข้าไปแม้แต่น้อย แต่นางมีเส้นลมปราณเสวียนของอาจารย์ปู่จึงดูดซับพลังเทพจนหมด
อวิ๋นเจี่ยว “…”
อยากจะจัดเทียนไว้อาลัยให้ดินแดนสวรรค์เสียจริง
“ดังนั้น…ข้าดูดซับพลังเทพเหล่านั้นจึงทำให้เกิดแสงสวรรค์ชักนำหรือ”
“ไม่ใช่!” อิ้งหลุนปฏิเสธ “จิตเทพไม่ได้ฝึกฝนง่ายเช่นนั้น นอกจากเทพที่มีมาตั้งแต่สมัยโบราณ หากต้องการฝึกฝนจนกลายเป็นเทพ ต้องมีจิตแห่งเทพก่อน จิตแห่งเทพคือสิทธิในการที่จะบรรลุเป็นเทพ มีเพียงได้รับการยอมรับจากฟ้าดิน ถึงจะได้กลายเป็นเทพ หมายความว่าบนโลกนี้นับถือว่าเจ้าเป็นเทพเจ้าจึงจะเป็นเทพ แม้แต่ทางแห่งสวรรค์ยังไม่มีสิทธิแทรกแซง ส่วนเจ้า…มีจิตแห่งสวรรค์ ข้าก็รู้สึกแปลก ศิษย์หลานตัวน้อยเจ้าลองคิดดู…ก่อนหน้านี้ยังเกิดเรื่องอะไรอีกหรือไม่”
“…ไม่มี” อวิ๋นเจี่ยวส่ายหัว “ข้าแค่เพียงถูกยันต์อัญเชิญเทพลากไปเข้าร่วมการต่อสู้ จากนั้นก็…”
“อะไรนะ! ยันต์อัญเชิญเทพ?” อิ้งหลุนพูดขัดนาง “เจ้าหมายถึงยันต์อัญเชิญเทพที่ใช้อัญเชิญเทพเจ้า? เจ้าถูกยันต์อัญเชิญเทพลากข้ามไป?”
“ใช่!”
“เป็นไปได้อย่างไร…ใครอัญเชิญเจ้า”
“ถังเฉิน นักเรียนในสำนักศึกษา ตอนนี้เป็นอาจารย์”
อิ้งหลุนผงะ ก่อนจะนึกบางอย่างได้ เขาหัวเราะออกมา “เช่นนี้นี่เอง…มิน่าเจ้าถึงได้มีจิตแห่งเทพ ที่แท้ก็เป็นเพราะพลังแห่งความศรัทธา”
“ความศรัทธา?” อวิ๋นเจี่ยวขมวดคิ้ว “ถังเฉินหรือ”
“ไม่ ความศรัทธาของทั่วทั้งดินแดนมนุษย์!” อิ้งหลุนมองนางอย่างตั้งใจ ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความซับซ้อน “การยอมรับของสรรพสิ่งในดินแดนหนึ่งจะเป็นตัวแทนของฟ้าดิน พวกเขาเชื่อมั่นเจ้า อัญเชิญเจ้า ศรัทธาในตัวเจ้า อีกทั้งเรียกขานเจ้าเป็นเทพ เช่นนั้นเจ้าจึงเป็นเทพ!”
อวิ๋นเจี่ยว “…”
ชายแก่ “…”
สักพัก…
“ข้าตอบรับการบรรลุตอนนี้ยังทันหรือไม่”
อิ้งหลุน “…”