ศิษย์หลานข้า ระวังอย่าหลงผิด - ตอนที่ 302 การป้องกันที่แข็งแกร่งที่สุด
“ข้าถามท่านหนึ่งเรื่อง” อวิ๋นเจี่ยวพูดขัดเขาขึ้นมาทันที “ท่านหุบเหวอู๋กุยหรือไม่”
“หุบเหวอู๋กุย?” เขาผงะไป “ที่ใดกันข้าไม่เคยได้ยิน! พวกเราไม่มีสถานที่เช่นนี้ศิษย์ตัวน้อย…”
“สถานที่ทับซ้อนของทั้งสามโลก” เธอเปลี่ยนวิธีการพูด
“อ้อ” เขาตอบรับ “แหล่งทับซ้อนสามโลกข้ารู้ ที่นั่นเปลี่ยนชื่อเป็นหุบเหวอู๋กุยแล้วหรือ ถึงแม้ข้าจะไม่เคยไป แต่ที่นั่นไม่ใช่สถานที่ที่ดีอะไร เจ้าไม่รู้ว่าตอนนั้นคนบ้า…”
“ที่นั่นมีพืชวิเศษที่ด้านนอกไม่มีจำนวนมาก?”
“เหมือนจะมี? ข้าไม่สนใจพวกนี้ ไม่ใช่พืชผักเสียหน่อย แต่บริเวณนั้นเป็นแหล่งรวมพลังทั้งสาม พืชพรรณเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว แต่สู้ผักที่ข้าปลูกไม่ได้อย่างแน่นอน ผักของข้า…”
“ได้ ข้ารู้แล้ว ขอบใจ!” อวิ๋นเจี่ยวตัดสายทิ้งทันที ก่อนจะหันไปพูดกับทุกคน
“พิสูจน์แล้ว ที่นั่นน่าจะมีผัก…มียา! พรุ่งนี้ข้าจะเดินทางไป”
“ไม่ได้!” คูณเอ็น
ทันทีที่สิ้นเสียงอวิ๋นเจี่ยว ทุกคนภายในห้องต่างคัดค้าน
“อาจารย์ที่นั่นอันตรายเกินไป!” เจ้าสำนักสวีพูดขึ้นคนแรก
“ใช่!” หัวหน้าห้องเจียวก็คัดค้าน
“ถึงแม้จะเพื่อช่วยนายท่านถัง แต่ก็ไม่ควรจะเป็นอาจารย์ที่ไปหรือไม่ ให้พวกข้าไปเถิดคะแนนค่ายกลข้าอันดับหนึ่ง อาจจะใช้ค่ายกลต้านทานได้สักระยะหนึ่ง”
“ไม่…ข้าไปเอง!” ผู้อาวุโสอีกท่านเอ่ยขึ้น “ค่ายกลถึงจะแข็งแกร่ง แต่ยากต่อการเคลื่อนย้าย ข้าคะแนนยันต์อันดับหนึ่ง ข้าพกยันต์ป้องกันไปหลายไป อาจตามหาต้นอ่อนแห่งการกลับคืนด้านในกลับมาได้”
“ข้าคิดว่าข้าไปดีกว่า กำลังของข้ามากกว่าพวกเจ้า วิชาเวทข้าได้อันดับหนึ่ง เวลาที่อยู่ในนั้นมากกว่าพวกเจ้า”
“ไม่ ข้า…”
ในขณะที่ทุกคนกำลังถกเถียงกัน อวิ๋นเจี่ยวมองดูอย่างเอือมระอา พวกเขาเข้าใจผิดอะไรเกี่ยวกับเธอหรือเปล่าทำไมแต่ละควรล้วนทำหน้าเหมือนเธอกำลังจะไปหาที่ตาย
“เดี๋ยว!” เธอพูดขัดขึ้นอย่างอดไม่ได้ “ข้าไปหุบเหวอู๋กุยไม่ได้เป็นเพียงอารมณ์ชั่ววูบ ในเมื่อข้าจะไป ข้าย่อมมีวิธีกลับมาอย่างปลอดภัย พวกเจ้าวางใจข้าไม่ทิ้งชีวิตของตนเองไปง่ายดายเช่นนี้ อีกอย่างหากข้าตายไป เหล่าอันดับหนึ่งของแต่ละวิชาก็ไม่มีคนหลอมยาไร้ร่องรอยได้!” ต่อหน้าอาจารย์ โอ้อวดที่หนึ่งอะไรกัน
เจ้าสำนักสวี: “…”
หัวหน้าห้องเจียว: “…”
เหล่าที่หนึ่ง: “…”
รู้สึกถูกมีดปักเป็นหมู่คณะ
ดังนั้นจึงหันไปมองคนบางคนอย่างเงียบๆ
หยางชาง: “…”
มองข้าทำไมข้าก็หลอมไม่เป็น!
…
อวิ๋นเจี่ยวรู้สึกว่าเมื่อมีความหวังสามารถรักษาถังเฉินได้ เช่นนั้นก็ควรจะลองนี่ไม่เพียงเพราะจรรยาบรรณของผู้เป็นแพทย์ แต่สิ่งที่สำคัญกว่านั้นคือ ไม่อาจทำให้ลูกศิษย์เสวียนเหมินที่เฝ้ารักษาเมืองอี้เสียใจได้
ยังไม่ต้องพูดถึงทางถังเฉิน เหล่าผู้อาวุโสที่ฟื้นหลับมาแล้วนั้น ถึงแม้ร่างกายจะหายดี แต่รากฐานกลับได้รับความเสียหายกำลังสูญสิ้นไปทั้งหมดนี่ไม่ใช่เพียงความสูญเสียของพวกเขา แต่เป็นความสูญเสียของเสวียนเหมิน หากสามารถหาต้นอ่อนแห่งการกลับคืนได้ยิน เช่นนั้นก็จะสามารถรักษาเหล่าถังเฉินได้ อีกทั้งยังสามารถรักษาความสูญเสียของท่านอาวุโสอื่นๆ ฟื้นคืนกำลังของพวกเขา
ดังนั้นเธอจึงไม่รอช้ามาก เก็บของและไปแหล่งทับซ้อนของสามโลกพร้อมชายแก่ แน่นอนว่าเธอต้องพาสีฝานไปด้วย! หุบเหวอู๋กุยมีทั่วทุกพื้นที่จริง แต่จะสามารถหาต้นอ่อนแห่งการกลับคืนเจอหรือไม่เธอไม่แน่ใจ แต่หากพาสีฝานผู้เป็นหนูล่าขุมทรัพย์มาเช่นนั้นคงหายห่วง! มีเพียงสิ่งที่พวกเขาไม่รู้ไม่มีอะไรที่เขาไม่สามารถหาได้
สีฝานตื่นเต้นอย่างมากที่ตนได้รับความสำคัญจากอาจารย์ทั้งสอง ตลอดทั้งทางเขาพยายามประพฤติตัวเพื่อพิสูจน์ว่าตนเองสามารถเป็นลูกศิษย์ชิงหยางได้ การยกน้ำชายกน้ำถามไถ่สารทุกข์สุขดิบเป็นแค่เรื่องรอง สิ่งที่ทำให้คนต้องตกตะลึงคือคุณสมบัติการล่าขุมทรัพย์ของเขา เขาเก็บเงินทองได้เป็นครั้งคราวถือเป็นเรื่องปกติ เหยียบถูกอาวุธวิเศษระดับสูงหนึ่งสองชิ้นก็ยังแล้วไป ต่อมาเริ่มเก็บถุงเก็บของได้แล้ว
ถึงแม้จะรู้ว่าอีกฝ่ายเป็นผู้มีโชคมาก แต่อวิ๋นเจี่ยวและชายแก่ก็อดไม่ได้ที่จะสงสัยว่าพวกเขาอาจไม่ต้องไปยังหุบเขาอู๋กุย ต้นอ่อนแห่งการกลับคืนจะถูกเขาเก็บได้เสียก่อน
โชคดีที่เรื่องเช่นนี้ไม่เกิดขึ้น ถึงแม้ตอนนี้มีค่ายกลส่งอยู่ทั่วทุกที่ แต่ทั้งสามคนก็ใช้เวลากว่าสามวันในการเดินทางมยังทางเหนือสุดของดินแดนมนุษย์ จากนั้นพวกเขาติดยันต์ตัวเบาบินอยู่บนฟ้าสองวันถึงจะมาถึงแหล่งทับซ้อนของสามโลก
พวกเขามองเห็นดินแดนมืดมนด้านหน้า บริเวณนั้นไม่อาจแบ่งแยกกลางวันกลางคืนได้ ราวกับแสงอาทิตย์ไม่อาจส่องถึงภายในอากาศมีพลังสามอย่างที่แตกต่างกันปะปนอยู่ถึงแม้พวกเขาจะห่างออกมาไกลหลายลี้ แต่ก็ยังรู้ใจใจสั่นราวกับกำลังจะขาดอากาศ ข้างหูมีเสียงแปลกประหลาดดังขึ้น
“เจ้าหนู…” ชายแก่หอบขึ้นมาเล็กน้อย เขาขมวดคิ้วมองความมืดมนตรงหน้า “สถานที่นี้แปลกประหลาด ยันต์ป้องกันของข้า…ราวกับ…ใช้ไม่ได้!” เกราะป้องกันโปร่งใสบิดเบี้ยวไปเล็กน้อย ก่อนจะแตกไป ราวกับถูกบางอย่างฉีกออก
“ที่นี่ได้รับผลกระทบจากพลังทั้งสามโลก ดังนั้นพลังลมปราณไม่เสถียรยันต์จึงใช้ไม่ได้” อวิ๋นเจี่ยวตอบ
“ไม่เพียงยันต์ ข้าคิดว่าค่ายกล วิชาเวทล้วนใช้ไม่ได้”
“ทำอย่างไรดี” สีหน้าของชายแก่ห่อเหี่ยวลง ไม่มียันต์ป้องกันไม่อาจเข้าไปได้ เข้าไปไม่ได้จะหาพืชวิเศษอย่างไรกัน
อวิ๋นเจี่ยวครุ่นคิด ก่อนจะหันไปพูดกับทั้งสองคน “พวกเจ้ารอตรงนี้ก่อน” พูดจบก็เดินขึ้นหน้าไป
“เดี๋ยว เจ้าหนูเจ้าจะทำอะไร” ชายแก่ตกใจ รีบรั้งคนเองไว้
“เดินขึ้นหน้าอีกไม่ได้แล้ว” พลังสามโลกด้านในยิ่งเข้มข้น “ที่นี่ยังไม่พอ!” อวิ๋นเจี่ยวพูดด้วยใบหน้าจริงจัง
“ฮะ?”
“เดี๋ยวข้ากลับมา” เธอไม่ได้อธิบายเพียงแต่เดินขึ้นหน้าอย่างรวดเร็ว สูดลมหายใจเข้าลึกๆ ก่อนจะเก็บพลังเทพภายในเส้นลมปราณเสวียนเอาไว้
ยิ่งเดินหน้า ความรู้สึกเหมือนเมาบนที่สูงก็ยิ่งรุนแรงขึ้น รู้สึกเจ็บหัวใจขึ้นมาเล็กน้อย เธอกัดฟัน เร่งฝีเท้าเดินต่อไป ในขณะที่กำลังจะเดินเข้าไปในความมืดนั้นในที่สุดร่างของเธอก็สว่างขึ้นแสงสีทองที่ราวกับสามารถทำให้คนตาบอดได้ปรากฏขึ้น สะท้อนให้บริเวณรัศมีสิบเมตรของเธอล้วนสว่างจ้า
ดังนั้นทั้งสองคนจึงมองเห็นหญิงสาวดีๆ เดินออกไป กลับมากลายเป็นปีศาจดวงอาทิตย์เสียแล้ว
ชายแก่: “…”
สีฝาน: “…”
อวิ๋นเจี่ยวเดาไม่ผิด บริเวณแหล่งทับซ้อนสามโลก พลังหยินพลังลมปราณพลังเซียนปะปนกัน ดังนั้นจึงไม่มีพลังใดใช่ได้ แต่ว่า…คุณงามความดีใช้ได้! คุณงามความดีบนตัวเธอคือการป้องกันที่ดีที่สุด
“นิ่งอยู่ทำไม รีบเข้ามาในแสงทอง พวกเราจะเข้าไปแล้ว” เสียงของอวิ๋นเจี่ยวดังออกมาจากด้านใน
ชายแก่และสีฝานผงะไปก่อนจะรีบเดินเข้าไปในแสดงสีทองในชั่วพริบตาความรู้สึกหายใจไม่ออกหายไปทั้งสองคนถอนหายใจยาวแม้แต่เสียงแปลกประหลาดล้วนหายไป ด้านหน้ามองไม่เห็นอันใดนอกจากแสงสีทองแล้วยังคงเป็นแสงสีทอง ภาพตรงหน้าแสบนตาอย่างมาก พวกเขาจึงทำได้เพียงเดินไปด้านหน้า
“โอ้ย ทำอะไรนะ! เหยียบถูกเท้าข้าแล้ว!” เสียงร้องโอดครวญของอวิ๋นเจี่ยวดังขึ้นจากด้านหน้า อาจรู้ว่าพวกเขามองไม่เห็นจึงเอ่ยเสริมขึ้น “ข้าจูงพวกเจ้าเดิน”
นาทีถัดมาทั้งสองคนรู้สึกเพียงแสงสีทองที่ว่างมากกว่าเดิมลอยเข้ามาจูงมือของพวกเขาเดินไปด้านหน้า