ศิษย์หลานข้า ระวังอย่าหลงผิด - ตอนที่ 306 ดินแดนทับซ้อนล่มสลาย
จี้เฟิงจับใบหน้าที่บวมแดง ดวงตาของเขาบึกกว่าง สีหน้าเต็มไปด้วยความเหลือเชื่อ คนธรรมดาเช่นนี้สามารถทำลายพลังเทพคุ้มกันของเขาได้? เขาก้มมองหินก้อนนั้นก่อนจะผงะไป “หินจี้เมี่ย!”
หินจี้เมี่ยคือวัตถุดิบสำหรับการปิดบังกำลังและกลิ่น อีกทั้งยังเป็นเพียงสิ่งเดียวที่สามารถควบคุมพลังเทพได้ มิน่าถึงได้โจมตีเขาได้ เพียงแต่ของสิ่งนี้ไม่ได้มีเพียงในดินแดนเทพหรือ เหตุใดปรากฏขึ้นที่นี่อีกทั้งยังถูกเขาเก็บได้พอดี อีกทั้งการจู่โจมของเขาเมื่อกี้ก็…จี้เฟิงจ้องมองไปยังสีฝาน สายตาของเขาฉายแววคาดหวังอย่างประหลาดหรือว่า…
“ชายแก่ ค่ายกล!” อวิ๋นเจี่ยวผลักชายแก่
ชายแก่รีบหยิบธงค่ายกลออกมาทันที พวกเขาต้องหยุดการควบคุมค่ายกลบนฟ้าเพื่อวิ่งเข้ามาตอนนี้สีฝานปลอดภัยแล้ว พวกเขาจึงไร้ข้อกังวลธงค่ายกลงล่วงลงอีกครั้งพลังเทพภายในเส้นลมปราณเสวียนของอวิ๋นเจี่ยวถูกส่งออกมาจนหมดนาทีถัดมาค่ายกลกลางอากาศปรากฏขึ้นอีกครั้งพร้อมทั้งก่อตัวเป็นลำแสงนับหมื่นพันจู่โจมไปยังจี้เฟิง
จี้เฟิงเอี้ยวตัวหลบออกไปเขาหยิบพัดขึ้นมาอีกครั้ง ครานี้พวกไม่ได้ยืนอยู่กลางอากาศอีกต่อไปแต่เรียกพลังเทพออกมาจู่โจมพวกเขา
เห็นเพียงแต่พลังเทพรอบตัวเขาหลั่งไหลออกมาพลังสีฟ้ากลายเป็นเงาของกลีบดอกไม้ทั่วทั้งท้องฟ้า พลังอำนาจที่ไร้ขอบเขตกำลังโหมกระหน่ำเข้ามา อวิ๋นเจี่ยวอยู่ในแสงสีทองยังดีแต่พืชวิเศษที่อยู่รอบด้านราวกับถูกบางอย่างบดละเอียดพื้นดินทรุดลงไปเล็กน้อยส่วนเงากลางอากาศนั้นแปรเปลี่ยนเป็นอาวุธหลากหลายชนิด ยึดพื้นที่บนท้องฟ้า
ที่แท้นี่ก็คือพลังเทพที่แท้จริง!
ผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์ทั้งสามคนล้วนหนักใจ สีฝานเข้าใกล้อวิ๋นเจี่ยว “อาจารย์ ตอนนี้ทำอย่างไรดี”
“ชายแก่ ท่านเตรียมการเป็นอย่างไรบ้าง” อวิ๋นเจี่ยวหันไปถามชายแก่
ชายแก่พลางผนึกพลางตอบ “ยังเหลืออีกนิดเดียว”
เธอเงยหน้าขึ้นมองอาวุธที่อยู่ทั่วทั้งท้องฟ้าคิ้วของเธอขมวดขึ้นเล็กน้อย “เช่นนั้นก็คงทำได้เพียงต้านเอาไว้!” หวังเพียงว่าคุณงามความดีของเธอจะสามารถต้านเอาไว้จนกระทั่งชายแก่จัดเตรียมสำเร็จ
เวทของจี้เฟิงล่วงหล่นลงมาราวกับสานฝน ข้างหูได้ยินเพียงเสียงดังก้องจากวิชาเวทกระทบเข้ากับแสงทองแห่งคุณงามความดี
คุณงามความดีรอบตัวของอวิ๋นเจี่ยวถึงจะหนา แต่เมื่อเผชิญกับการจู่โจมที่ไร้จุดสิ้นสุดนี้มันก็เริ่มสลายไป บริเวณรอบด้านของแสงสีทองขนาดใหญ่ที่ราวกับดวงอาทิตย์นั้นกำลังสลายเป็นประกายไฟขนาดเล็ก ยังไม่รอให้มันกลับเข้ามารวมกันก็ถูกการโจมตีครั้งต่อมาจู่โจมจนกระจายไปอีกทั้งไม่เพียงแต่พวกเขาแม้แต่ค่ายกลที่ถูกพวกเขาดัดแปลงก็ถูกจู่โจมตีจนแหลกละเอียด พื้นดินเริ่มบุบสลายขึ้นมาอีกครั้ง
หากเป็นเช่นนี้ต่อไป ถึงแสงทองแห่งคุณงามความดีจะสามามรถต้านทานการจู่โจมของอีกฝ่ายได้ อวิ๋นเจี่ยวทำได้เพียงเค้นพลังเทพที่หลงเหลืออยู่ในร่างกายก่อเกราะป้องกันชั่วคราวขึ้นมา แต่ก็ไม่อาจประคองไว้ได้นานเท่าใดในขณะที่อาวุธเหล่านั้นเข้าใกล้พวกเขามากขึ้นเรื่อยๆ พื้นดินกำลังจะบุบสลายในที่สุด…
“เจ้าหนู เสร็จแล้ว!” ชายแก่อุทานเสียงดังออกมานาทีถัดมาเห็นเพียงแต่ภายในแสงสีทองปรากฏแสงสีดำขึ้นมาอย่างชัดเจน ก่อนจะเปิดเป็นปากถ้ำดำสนิทพลังหยินหลั่งไหลออกมาทันที ประตูยมโลกถูกเปิดออก
ถึงแม้บริเวณแห่งนี้จะเป็นดินแดนทับซ้อนของสามโลก พลังลมปราณ พลังหยินไม่อาจใช้ได้ แต่ชายแก่เป็นถึงยมราช พลังหยินใช้ไม่ได้แต่ยังคงสามารถใช้ป้ายยมราชได้อยู่ ในเมื่อจี้เฟิงคิดจะกักขังพวกเขาไว้ในที่แห่งนี้ เช่นนั้นพวกเขาก็กลับไปทางยมโลก
ราวกับรู้แผนการของพวกเขาการจู่โจมของจี้เฟิงยิ่งหนักหน่วงขึ้น แสงสีทองโดยรอบสลายหายไปอย่างรวดเร็วการพังทลายของรอบด้านก็สาหัสขึ้นในขณะที่พวกเขาใกล้จะไม่มีที่ยืนแล้ว
“เร็ว เข้าประตูเขตแดน!” อวิ๋นเจี่ยวตะโกนออกมาให้ทุกคนรีบเข้าไป ชายแก่ย่างเท้าก้าวเข้าไปทันที สีฝานเองก็รีบตามเข้าไป
“คิดจะหนี? ไม่ง่ายเช่นนั้น!” จี้เฟิงหมุนมือ เห็นเพียงแต่มีดคมที่หล่นลงบนพื้นหลังจากถูกแสงสีทองต้านเอาไว้กลายเป็นควันสีฟ้า ก่อนจะพุ่งตรงไปยังสีฝานที่อยู่ด้านขวาพร้อมกับรั้งข้อเท้าของเขาเอาไว้ การโจมตีไม่ได้พุ่งตรงไปยังอวิ๋นเจี่ยว แสงสีทองแห่งคุณงามความดีจึงไม่มีปฏิกิริยาใดๆ
“สีฝาน!” อวิ๋นเจี่ยวและชายแก่ที่กำลังจะก้าวเท้าเข้าประตูหันกลับมาคิดจะดึงเขาเอาไว้
ในขณะที่พลังงานสีฟ้าเพิ่มทวีคูณ และกำลังจะห่อหุ้มเขาเข้าไปทั้งตัว สีฝานตกใจถุงเก็บของในมือสั่น ยันต์วิเศษภายในกระจัดกระจายออกมาพัดผ่านจมูกไป จากนั้น…
ฮัดชิ่ว!
เขาจามออกมาเสียงดัง วินาทีต่อมาเห็นเพียงแต่ท่ามกลางยันต์วิเศษที่กระจัดกระจายนั้น ยันต์หยินใบหนึ่งบังเอิญลอยไปทางประตูด้านขวาสัมผัสเข้ากับพลังหยินภายในประตูพลังหยินเข้มข้นระเบิดออกมาอย่างรุนแรง สลายควันสีฟ้าของจี้เฟิงจนแหลกละเอียด
อวิ๋นเจี่ยวและชายแก่: “…” รู้สึกชินเสียแล้วสิ!
“เจ้าเป็นบุตรแห่งโชคชะตาจริงด้วย!” จี้เฟิงที่อยู่กลางอากาศเบิกตากว้าง เขามองไปยังสีฝานด้วยสีหน้าเหลือเชื่อก่อนจะพุ่งตัวลงมาจับเขา “เดี๋ยว!”
แต่มันสายไปเสียแล้ว หลังจากการชะงักเมื่อครู่นี้พื้นดินได้พังทลายลงเป็นที่เรียบร้อยแล้ว แม้แต่ประตูดินแดนที่ชายชราเปิดออกด้วยความยากลำบากก็สลายหายไปทั้งสามคนรู้สึกโหวงบริเวณเท้าก่อนจะตกลงไปด้านล่างจากนั้นภาพตรงหน้ามืดลงราวกับถูกดับไฟ
เฮ้ย!
จี้เฟิงคว้าเพียงความว่างเปล่าเขามองทั้งสามคนตกลงไปในความมืดมิดต่อหน้าต่อตา ทันใดนั้นภายในดวงตาของเขามีหลากหลายอารมณ์แวบผ่านราวกับตกตะลึงราวกับหัวเสียราวกับร้อนรนจากนั้นเขาเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าที่กำลังจะพังทลาย คิ้วของเขาขมวดมุ่นก่อนกัดฟันจะยกมือขึ้นเปิดช่องว่างแล้วจากไป
…
อวิ๋นเจี่ยวรู้สึกภาพตรงหน้ามีเพียงความมืดมิด บริเวณรอบข้างเงียบสงัดจนน่าหวาดกลัว
“เจ้าหนู!” เสียงของชายแก่ดังขึ้นก่อนจะมีบางอย่างกวาดผ่านข้างกาย
“ข้าอยู่นี่!” อวิ๋นเจี่ยวยื่นมือออกไปจับแขนเสื้อที่กำลังกวัดแกว่งไปมาของอีกฝ่าย
ชายแก่รีบจับมือของเธอเอาไว้ทันที “เจ้าหนู เมื่อกี้เกิดอะไรขึ้น”
“อาจเป็นเพราะดินแดนนั้นพังทลายลงแล้ว” เธอคาดการณ์ “สีฝานล่ะ?”
“อา… อาจารย์ ข้าอยู่นี่!” เสียงของสีฝานดังขึ้นจากทางซ้าย
อวิ๋นเจี่ยวดึงเข้าเอาไว้ “จับให้ดี อย่าเดินหลง”
“อืม” สีฝานพยักหน้าก่อนจะมองไปรอบข้าง “พวกเรา…อยู่ที่ไหนกัน”
“ข้าก็ไม่รู้” อวิ๋นเจี่ยวหลับตาลงเพื่อสัมผัสด้วยจิต แต่ไม่อาจสัมผัสอะไรได้แม้แต่น้อย “อาจเป็นรอยร้ายของสามโลก”
ทั้งสองคนสูดลมหายใจเข้าด้วยความตกใจ สีฝานเอ่ย “เช่นนั้น…พวกเรายังกลับไปได้หรือไม่”
อวิ๋นเจี่ยวไม่ตอบ เพราะเธอเองก็ไม่รู้ ในคลังความรู้ของเธอไม่มีข้อมูลเกี่ยวกับสถานที่แห่งนี้แม้แต่น้อย
“เจ้าหนูๆ” ชายแก่ตะโกนออกมา “ดูด้านล่าง มีแสง!”
เธอผงะไปก่อนจะก้มลงมอง พบว่าบริเวณใต้เท้ามีแสงสว่างเล็กน้อย อีกทั้งยังมีแนวโน้มขยายใหญ่มากขึ้น
“เอ๊ะ? แสงนั้นเหมือนจะพุ่งมาทางพวกเราแล้ว!” ชายแก่มองด้วยความสงสัย ก่อนจะพูดต่อ “พุ่งมาทางพวกเราจริงด้วย อีกทั้งสว่างมากขึ้นเรื่อยๆ อีก”
เห็นเพียงแต่แสงสว่างนั้นใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ เจิดจ้าขึ้นเรื่อยๆ จากตอนแรกที่มีเพียงจุดเดียวกลายเป็นขนาดเท่าฝ่ามือ จากนั้นกลายเป็นขนาดเท่าลูกบาส จากนั้นแปรเปลี่ยนเป็นขนาดเท่าอ่างอาบน้ำ ทำให้ความมืดมิดบริเวณรอบด้านถูกขับไล่ออกไปบางส่วน อีกทั้งทำให้พวกเขามองเห็นซึ่งกันและกันได้…
“ไม่ใช่!” อวิ๋นเจี่ยวหรี่ตาลง ก่อนจะตระหนักได้ “พวกเรากำลังล่วงลงไปด้านล่าง!!!”
w(゚Д゚)w !