ศิษย์หลานข้า ระวังอย่าหลงผิด - ตอนที่ 307 ร่วงหล่นจากฟ้า
ชายแก่ก็ผงะไป ก่อนจะนึกขึ้นได้ เขาหยิบยันต์ตัวเบาออกมาแปะเข้าบนตัวอย่างรีบร้อน แต่ก็ไร้ประโยชน์!
ยันต์วิเศษไม่มีร่องรอยของการถูกกระตุ้น เขาสัมผัสพลังลมปราณไม่ได้แม้แต่น้อย ดังนั้นเขาจึงหยิบอาวุธวิเศษออกมาเป็นกอบเป็นกำ หยิบออกมาชิ้นแล้วชิ้นเล่า แต่ไม่ว่าจะเป็นอาวุธวิเศษชนิดใดก็ไม่อาจใช้ได้แม้สักชิ้นเดียว
“อันนี้ใช้ไม่ได้…อันนี้ก็ใช้ไม่ได้ อันนี้ก็ยังใช้ไม่ได้…เจ้าหนู!” ใจของเขายกขึ้นมาถึงลูกกระเดือก แต่ก็ยังไม่อาจยับยั้งการร่วงหล่นของคนทั้งสามได้
แสงสีขาวด้านล่างสว่างจ้าขึ้นเรื่อยๆ ส่องให้บริเวณรอบด้านสว่างไสว จากนั้นพวกเขาพบว่าความเร็วในการร่วงลงไปด้านล่างชะงักลงไปเล็กน้อย ราวกับทะลุผ่านชั้นอะไรบางอย่าง นาทีถัดมาพื้นดินสีน้ำตาลที่คุ้นเคยก็ปรากฏขึ้นต่อหน้า ในเวลานั้นอวิ๋นเจี่ยวใช้พลังเทพเฮือกสุดท้ายในเส้นลมปราณเสวียนตีลงไปด้านล่าง พลังเทพกลายเป็นกระแสอากาศสะท้อนกลับจากพื้นดิน ทำให้ความเร็วในการร่วงหล่นของพวกเขาชะลอลงไป
ทั้งสามคนอาศัยกระแสอากาศยืนประคองตัวบนพื้น
“…” ตกใจหมดเลย!
ชายแก่และสีฝานต่างโล่งอก ก่อนที่จะรู้สึกเข่าอ่อนขึ้นมา ยังดีที่ไม่ใช่เอาหน้าลงดิน มิเช่นนั้นจากความเร็วที่ตกลงมาเมื่อครู่ พวกเขาคงไม่ต้องใช้ประตูเขตแดนก็ได้กลายเป็นประชากรในยมโลกอย่างแน่นอน
“เจ้าหนู โชคดีที่เจ้ามีวิธี” ชายแก่ถอนหายใจยาว “ข้าตกใจหมด…”
“เทพ…เทพสวรรค์!” เขายังพูดไม่ทันจบ ด้านหน้าส่งเสียงดีใจขึ้นมา
ทั้งสามคนผงะก่อนจะหันหน้าไปตามเสียง เห็นเพียงแต่ฝูงเด็กเล็กเดินมามุงพวกเขาเอาไว้ เด็กพวกนั้นสวมชุดยาว สีขาวเขียวสลับกันลักษณะแปลกประหลาด ผู้โตที่สุดอย่างมากก็แค่สิบเอ็ดสิบสองขวบเท่านั้น แต่ละคนล้วนมองคนทั้งสามอย่างตื่นเต้น
เทพสวรรค์ เทพสวรรค์อย่างแน่นอน! เทพสวรรค์มารับพวกเราแล้ว!”
“พวกเขาลอยลงมาจากบนฟ้า อีกทั้งบนตัวยังมีแสงแห่งเทพเหมือนบันทึกในตำรา ต้องเป็นเทพสวรรค์อย่างแน่นอน!”
“ดีจริง พวกเราออกไปได้แล้ว สวรรค์ไม่ได้ลืมพวกเรา!”
“นี่คือเทพสวรรค์หรือ พวกเราไม่ได้ฝันไปใช่หรือไม่!”
“…”
สีหน้าของเหล่าเด็กน้อยยิ่งดีใจมากยิ่งขึ้น อีกทั้งล้อมเข้ามาใกล้มากขึ้น แต่ละคนล้วนเบิกตาโตราวกับกลัวพวกเขาหายไป นอกจากนี้ยังมีคนยื่นมือออกมาจับว่าพวกเขา เป็นของจริงหรือไม่
เกิดอะไรขึ้น
ทั้งสามคนล้วนผงะไป พวกเขาตกลงมาสู่โรงเรียนอะไรหรือ
“อย่าได้เสียมารยาท!” ทันใดนั้นเด็กที่ตัวสูงที่สุดพูดห้ามปรามการกระทำของพวกเขา เหล่าเด็กน้อยจึงได้หยุดลงก่อนจะหันไปมองอีกฝ่าย “รีบไปรายงานหัวหน้าเผ่า เทพสวรรค์เสด็จแล้ว! พวกเรารอดแล้ว!”
“ข้าไปเรียก!” เด็กชายตัวเล็กทางด้านขวาหันหลังกลับวิ่งไปที่ป่าทึบด้านหลังทันที ดูเหมือนจะไปรายงานผู้ใหญ่แล้ว
เด็กตัวสูงเดินขึ้นหน้าสองก้าว ใบหน้าเล็กเคร่งขรึม มือทั้งสองซ้อนทับไว้บนหน้าผาก จากนั้นคุกเข่าทำการคารวะทั้งสามคนด้วยวิธีการที่ไม่เคยเห็นมาก่อนพร้อมกับพูดขึ้น “เผ่าชิงหลินน้อมคารวะท่านเทพ!”
ทันทีที่เขาส่งเสียง เด็กคนอื่นราวกับเพิ่งตระหนักได้ พวกเขาก้าวถอยหลังสองสามก้าว ก่อนจะคุกเข่าอย่างพร้อมเพรียง จากนั้นพูดขึ้น ”น้อมคารวะท่านเทพ”
ทั้งสามคนตกใจ ชายแก่พูดโพล่งออกมา “ท่านเทพอะไรกัน เด็กน้อย พวกเจ้าจำคนผิดหรือไม่”
“ท่านเทพ พวกข้าจำไม่ผิด” เด็กตัวสูงเงยหน้าขึ้น ก่อนจะพูดด้วยความตื่นเต้นและมั่นใจ “ป่าเจิ้นเนี่ยไม่เคยมีคนนอกเข้ามาได้นับหมื่นปี ผู้ที่เข้ามาได้มีเพียงเทพสวรรค์เท่านั้น”
“พวกเราไม่ใช่…” ชายแก่กำลังจะอธิบาย เด็กเล็กที่วิ่งกลับไปก่อนหน้านี้กลับมาอีกครั้ง ด้านหลังตามมาอีกสี่ห้าคน น่าแปลกคือผู้ที่มาใหม่เหล่านี้ต่างมีอายุน้อย ถึงจะโตกว่าเด็กกลุ่มตรงหน้าอย่างมาก แต่ลักษณะก็ดูเหมือนอายุเพียงสิบสามสิบสี่ปี แม้แต่ผู้ที่เดินนำก็เป็นเด็กชายอายุเพียงสิบห้าสิบหกปี
ชายหนุ่มสวมเสื้อยาวที่มีความซับซ้อนกว่าคนอื่น ลักษณะของชุดก็ดูมีอายุ เขาเหลือบมองทั้งสามคน ดวงตาของเขาฉายแววยินดีและตื่นเต้นเหมือนกับเด็กคนอื่น เขาเดินเข้ามาอย่างรวดเร็ว ก่อนจะทำการคารวะ “หลินซีผู้นำเผ่าชิงหลินคารวะท่านเทพทั้งสาม” พูดจบก็ก้มตัวลงคุกเข่า
“เดี๋ยว…” ชายแก่และสีฝานรีบเอื้อมมือออกไปจับเด็กชายที่กำลังคุกเข่าเอาไว้ “ท่านผู้นำ ท่านเข้าใจผิดแล้ว พวกข้าไม่ใช่เทพ พวกข้าเป็นศิษย์เสวียนเหมินที่บังเอิญตกลงมาที่นี่”
“เสวียนเหมิน?” ชายหนุ่มที่แทนตนว่าหลินซีผงะไปชั่วขณะ ราวกับว่าไม่เข้าใจสิ่งที่พวกเขาพูดถึง ก่อนจะนึกบางอย่างขึ้นได้ “เสวียนเหมินคือฉายานามของท่านหรือ”
“ไม่ ไม่ใช่ พวกเราไม่ใช่เทพ” ชายแก่อธิบายอีกครั้ง “พวกเราเป็นมนุษย์!”
“มนุษย์? เป็นไปได้อย่างไร?!” ทันทีที่สิ้นเสียง เหล่าเด็กเล็กที่อยู่ในเหตุการณ์ต่างแตกตื่นขึ้นมา เด็กชายร่างสูงยิ่งพูดคัดค้านขึ้น “แต่ว่า พวกเราเห็นแสงแห่งเทพจากบนตัวของพวกท่าน!”
“ใช่ แสงสีฟ้าแห่งเทพ พวกข้าก็เห็น” เด็กคนอื่นต่างพยักหน้ารับ “พวกเขาลอยลงมาจากบนฟ้าด้วย”
ชายแก่ผงะไป สีฟ้า? หรือว่าจะเป็นพลังที่เจ้าหนูส่งออกมาตอนที่ร่วงลงจากด้านบนเมื่อครู่? เขามองไปยังอวิ๋นเจี่ยว
“นี่เป็นแค่เรื่องบังเอิญ ซับซ้อนเล็กน้อย…” อวิ๋นเจี่ยวออกเสียงอธิบาย “แต่พวกข้าไม่ใช่เทพสวรรค์จริงๆ เป็นเพียงมนุษย์ธรรมดาที่บังเอิญร่วงหล่นลงมา หวังว่าทุกท่านจะให้อภัย”
หลินซีมองพินิจพวกเขา ราวกับยังไม่อยากเชื่อ ก่อนจะยืนยันด้วยความหวังอีกครั้ง “พวกท่าน…ไม่ใช่เทพสวรรค์จริงหรือ”
“ไม่ใช่!” ทั้งสามคนส่ายหัว แต่พวกเขาถูกเทพตีร่วงลงมา
ชั่วขณะหนึ่ง ดวงตาของเด็กๆ ทั้งหมดก็มืดมนลง ใบหน้าเล็กที่ตื่นเต้นห่อเหี่ยวลงไป สีหน้าของทุกคนดูผิดหวัง
“พวกเขาไม่ใช่เทพสวรรค์จริงหรือ เทพสวรรค์ลืมพวกเราไปแล้วหรือ”
“ทำอย่างไรดี วันแห่งการทำลายล้างใกล้เข้ามาแล้ว เหตุใดเทพสวรรค์ยังไม่มาอีก”
“พี่หงหยิงเข้าไปแล้ว คนเดียวที่สามารถเข้าไปได้มีเพียงพี่อาซีแล้ว”
“พวกเรา…ทั้งหมดจะตายที่นี่หรือไม่”
“…”
เหล่าเด็กน้อยยิ่งพูดยิ่งห่อเหี่ยว อีกทั้งบางคนยังร้องไห้ขึ้นมา
ดวงตาของผู้นำเผ่าที่นามว่าหลินซีหลุบต่ำลง เมื่อเทียบกับคนอื่น ความผิดหวังในดวงตาของเขาชัดเจนกว่าทุกคน อีกทั้งยังแฝงไปด้วยความ…สิ้นหวัง?!
แต่อารมณ์นี้ไม่ได้ปรากฏขึ้นนานเท่าใดนัก เขาสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ราวกับกำลังปรับอารมณ์ ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมามองพวกเขา ไร้ซึ่งวี่แววแห่งความโกรธ อีกทั้งยังยกยิ้มเป็นมิตรขึ้นมา “ผู้มาล้วนเป็นแขก เมื่อทั้งสามท่านมีวาสนาเข้ามาในดินแดนของเผ่าข้า หลินซีย่อมต้องต้อนรับ ทั้งสามท่านตามข้าไปตำหนักใหญ่เถิด”
อวิ๋นเจี่ยวรู้สึกว่าสถานที่แห่งนี้ไม่ธรรมดา แต่นางยังไม่รู้สถานการณ์อย่างชัดเจน ดังนั้นจึงไม่ได้ปฏิเสธ พูดเป็นเชิงน้ำใจก่อนจะเดินตามชายหนุ่มไป