ศิษย์หลานข้า ระวังอย่าหลงผิด - ตอนที่ 31 การทดสอบประจำเดือน
ไป๋อวี้ไม่เคยคิดมาก่อนว่าตัวเองยังมีโอกาสที่จะเริ่มเรียนวิชาเสวียนใหม่อีกรอบ คนแก่ที่อายุขนาดนี้เช่นเขา เป็นช่วงเวลาที่รับรู้ถึงชะตากรรมของตนมานานแล้ว เรื่องการฝึกฝนนั้นมองเป็นเรื่องไม่สำคัญไปนาน เขาจึงไม่เคยฝึกฝน หากใช้วิธีของเจ้าหนูอวิ๋นเจี่ยวพูดก็คือ ละทิ้งการรักษาแล้ว เพราะถึงแม้จะพยายามอย่างไรก็ไม่มีประโยชน์อยู่ดี แล้วจะฝึกไปทำไมกัน
ดังนั้นเขาจึงไม่เคยคิดมาก่อนว่าจะยังมีวันที่กลับมาศึกษาวิชาเสวียนอีกครั้ง อีกทั้งยังเป็นการศึกษาแบบทุ่มเทสุดชีวิตอีก ไม่เรียนก็ไม่ได้ เพราะว่าอาจารย์ปู่คอยจับตามองเขาอยู่! ตั้งแต่วันนั้นที่เขาก็รับรู้ว่าตำราบนชั้นวางที่เจ้าหนูอวิ๋นเจี่ยวตั้งไว้ในห้องตำรานั้น ครึ่งหนึ่งเตรียมมาเพื่อเขาโดยเฉพาะ เขาก็ใช้ชีวิตที่ตกอยู่ในความทุกข์ทรมานมาตลอด
ก็ไม่รู้ว่าเจ้าหนูอวิ๋นเจี่ยวพูดอะไรกับอาจารย์ปู่ จากผู้ที่เดิมนั้นไม่ชอบออกนอกเจดีย์เวลากินข้าวกลับรับปากมาเป็นผู้ทดสอบการฝึกฝนของเขาจริงๆ
ท่านก็ไม่ได้ทำอะไรมาก เพียงแค่มาหาเขาด้วยตัวเองเดือนละครั้ง ไม่สั่งสอน ไม่ด่าคน เพียงแค่ลงมือทุบตีเขาโดยตรง อีกทั้งยังเป็นประเภทที่ทุบตีจนเกือบตาย ไป๋อวี้รู้สึกกระดูกของตัวเองได้แยกแล้วต่อใหม่หลายต่อหลายรอบเพียงภายในไม่กี่เดือน ทุกครั้งที่เดินและดื่มน้ำราวกับจะได้ยินเสียงกระดูกดังขึ้นมา
ชายแก่อยากจะร้องไห้ แต่ก็ทำได้เพียงบ่นกับอวิ๋นเจี่ยว เจ้าหนู เจ้าช่วยบอกอาจารย์ปู่หน่อยว่า ทดสอบครั้งหน้าอย่าลงมือกับข้าอีกได้ไหม อีกอย่างข้าเรียนวิชาเสวียน ไม่ใช่วิชาต่อสู้ มีที่ไหนมาถึงก็เริ่มลงมือ อีกทั้งยังมุ่งไปที่หน้าอย่างเดียว
อวิ๋นเจี่ยวไม่ได้หันกลับไปมอง แต่ตอบเขาอย่างเรียบเฉย ท่านหมายความว่าต้องการให้อาจารย์ปู่ใช้วิชาเสวียนกับท่าน?
ชายแก่ผงะไปครู่หนึ่ง ทันใดนั้นก็นึกถึงฝูงผีที่เกือบจะวิญญาณสลายไป ก่อนที่จะสะดุ้ง ไม่ๆๆ … ไม่ใช่ ข้าไม่ได้พูด…เจ้าอย่าพูดมั่ว!
(๑ŐдŐ)b
เล่นตลกอะไรกัน อาจารย์ปู่ใช้วิชาเสวียนกับเขา สู้ให้เขาไปเกิดใหม่เลยง่ายกว่า ข้าหมายถึง ครั้งต่อไปที่อาจารย์ปู่ชี้แนะข้า ท่านสามารถอ่อนโยน…มากกว่านี้ได้หรือไม่ อย่างน้อยอย่าอัดหน้าสิ
อวิ๋นเจี่ยวหันควับมาทันที ก่อนจะจ้องมองเขา ทำไม ท่านบาดเจ็บเหรอ บาดเจ็บอย่างไร ตรงไหนไม่สบาย บาดเจ็บที่เส้นชีพจร สติ หรือตันเถียนหรือเปล่า ข้าช่วยดูไหม พูดจบก็กวาดตามองเขาตั้งแต่บนลงล่าง
… นี่เขาคิดไปเองหรือเปล่า ทำไมรู้สึกว่าเจ้าหนูตื่นเต้นที่เขาบาดเจ็บ
เขามองไปยังใบหน้าที่ยังคงจริงจังของเจ้าหนู รู้สึกว่าตัวเองคิดมากไป เจ้าหนูยังคงเป็นห่วงเขา ยังไม่ถึงขั้นบาดเจ็บไปจนถึงสติ หรือตันเถียน ก็แค่กระดูกและเส้นต่างๆ บาดเจ็บ เป็นแผลภายในทั้งนั้น
อ่อ สายตาของอวิ๋นเจี่ยวมืดลงไป หันหลังกลับไปทำงานต่อ เสียดายจัง นึกว่าจะได้ลองรักษาจริงเสียแล้ว
ไป๋อวี้ …
จบแล้วเหรอ ไหนบอกว่ารักษาไง แผลภายในก็เป็นแผลนะ เขารู้สึกเสียใจขึ้นมาทันที มองไปยังมือ
ของอวิ๋นเจี่ยว เห็นเพียงในมือของนางถือมีดเล็กแปลกประหลาดด้ามหนึ่งไว้ กำลังผ่าอะไรบางอย่าง ดีไม่ดียังสามารถมองเห็นเลือดได้ จ้องมองไปถึงได้พบว่านั่นเป็นจิ้งจอก
เจ้ากำลังทำอะไร ดูท่าทางก็ไม่เหมือนกำลังทำอาหาร
ผ่าตัด อวิ๋นเจี่ยวผ่าหน้าท้องของจิ้งจอกออก พร้อมเอ่ยตอบ
ผ่าอะไรนะ ไป๋อวี้ผงะ นี่เป็นวิชาใหม่อะไรหรือเปล่า มองพินิจไปยังก้อนขนที่เต็มไปด้วยเลือด จิ้งจอกนี่เอามาจากไหน
เก็บจากหน้าประตู อวิ๋นเจี่ยวตอบ ในกายของมันมีของแปลกประหลาดอยู่ น่าจะกินของอะไรเข้าไปผิด กำลังจะตาย ข้าเลยเอามาลองรักษาตามตำรา
จิ้งจอกนี้ยังมีชีวิตอยู่? ไป๋อวี้ตะลึง ขยับเข้าไปใกล้ถึงได้พบว่าหน้าท้องของจิ้งจอกตัวนั้นยังขยับขึ้นลงอยู่ นางไม่ได้เตรียมจะถลกหนังเพื่อเอามาต้มน้ำแกงจริงๆ ด้วย หันไปมองเจ้าหนู ก็พบว่ามือของนางถือมีดประหลาดนั้นอยู่ ด้านบนราวกับสลักสัญลักษณ์พิเศษบางอย่างไว้ ขยับมีดแต่ละทีราวกับมีแสงของพลังไหลผ่านไป เห็นได้ชัดว่าเป็นอาวุธที่หล่อหลอมขึ้นมาเป็นพิเศษ
เจ้าหนูไม่มีเส้นชีพจรเสวียน ไม่สามารหล่ออาวุธเช่นนี้ออกมาได้ มีทางเดียวคืออาจารย์ปู่เป็นคนให้มา ไป๋อวี้ลูบไปยังหัวที่เขียวช้ำของตัวเอง แล้วหันไปมองอาวุธที่อยู่ในมือของอีกฝ่าย รู้สึกเหมือนตัวเองเป็นคนที่ถูกเก็บมาเลี้ยง น้อยใจ…
(ಥ_ಥ)
อวิ๋นเจี่ยวไม่ได้สนใจเขา ยังคงผ่าท้องของจิ้งจอกออก แล้วหาจุดของจิ้งจอกตามที่ตำราบอก ฝังเข็มลงไปก็เกิดข่ายพลังขึ้นมา ทันใดนั้นบริเวณหน้าท้องของจิ้งจอกที่ถูกผ่าออกกลับหลั่งไหลของเหลวสีดำออกมา จากนั้นค่อยๆ รวมตัวกัน ไม่ถึงครึ่งนาทีก็รวมตัวกันเป็นลูกแก้วสีดำหนึ่งลูก อีกทั้งยังมีกลิ่นสาบส่งออกมา
เฮ้ย! เจ้าหนู เจ้าศึกษาสร้างข่ายพลังได้แล้วหรือ ไป๋อวี้มองเข็มเงินนั้นอย่างเหลือเชื่อ ข่ายพลังสีขาวที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหัน ถึงแม้เขาจะไม่ค่อยรู้เรื่องของหมอรักษาพลังลมปราณ แต่ก็รู้ว่าการสร้างข่ายพลังมันยากแค่ไหน ข่ายพลังทั้งหลายล้วนต้องผ่านการคำนวณและการปรับปรุงอย่างละเอียดซับซ้อน ไม่อาจพลาดได้แม้แต่นิดเดียว แล้วนี่ยังเป็นการสร้างข่ายพลังในตัวของจิ้งจอกอีก
อวิ๋นเจี่ยวหยิบลูกแก้วนั้นออกมา พลางดึงเข็มออกพลางหันหน้าไปตอบ ยากมากเหรอ เมื่อวานข้าเพิ่งเห็นข่ายพลังนี้ ตอนนี้ก็แค่เพียงทำตามที่ตำราบอกเท่านั้น ยังไม่ได้ทำการปรับปรุงเลย
ไป๋อวี้ … เห้อ พรสวรรค์ดีเสียจริง
凸(艹皿艹)
นึกถึงตำราที่เหลืออีกครึ่งหนึ่งขึ้นมา ทันใดนั้นเขาก็รู้สึกเจ็บไปทั้งตับไต อดไม่ได้ที่จะเอ่ย เจ้าหนู หรือไม่ข้าก็เรียนหมอพลังลมปราณตามเจ้าเลยเถอะ อย่างน้อยก็ไม่ต้องโดนอาจารย์ปู่ทุบตี
ท่าน? อวิ๋นเจี่ยวมองเขา ก่อนจะเอ่ยด้วยความจริงจัง ได้น่ะมันได้ แต่ว่าหมอรักษาพลังลมปราณต้องเรียนรู้การรักษาเป็นอันดับแรก คณะแพทย์โดยทั่วไปอย่างน้อยต้องเรียนห้าปี นอกจากนี้ยังมีหลักสูตรหก เจ็ด แปดปี จำนวนตำราก็ประมาณสี่เท่าของตำราบนชั้นวางของท่านตอนนี้ แน่นอนว่านี่เป็นเพียงพื้นฐาน ยังไม่รวมตำราที่อาจารย์ปู่ให้มา
ไป๋อวี้หน้าขาวซีด ถึงแม้จะฟังไม่เข้าใจในส่วนด้านหน้า แต่สี่เท่าของตำราเขาฟังเข้าใจ ดังนั้นเขาจึงเปลี่ยนเรื่องในทันใด พวกเรามาคุยเรื่องจิ้งจอกดีกว่า! อืม…เจ้าลองเสร็จจะทำอะไร ต้มน้ำแกงไหม
… ไม่เอาไหน!
เขากำลังจะเปลี่ยนเรื่อง ภายในอารามกลับมีเสียงกระดิ่งดังขึ้น
กระดิ่งส่งข้อความ? ชายแก่ผงะ ต้องมีคนมาหาข้าแน่ ข้าออกไปดูก่อน
พูดจบก็เดินไปทางสวนด้านหลังทันที สักพักก็กลับมาพร้อมกับนกกระดาษในมือ เปลี่ยนท่าทีจากไม่พอใจเมื่อกี้ กลายเป็นใบหน้าเต็มไปด้วยความอารมณ์ดี ก่อนเอ่ย เจ้าหนูๆ เตรียมตัว พวกเราจะลงเขา หากจะให้ดีคือออกเดินทางก่อนวันมะรืน
ลงเขาทำไม
ก็ต้องหาเงิน…แค่ก! เขาพูดแค่ครึ่งเดียวก็หยุดพูด กระแอมไปหนึ่งทีถึงจะเอ่ยต่อ เพื่อนเก่าของข้าส่งจดหมายมา ชวนให้ข้าลงเขาไปปราบมารนะ!
ท่านเนี่ยนะ? หมอผีออกสู่ยุทธภพอีกครั้งเหรอ
สายตาอะไรของเจ้า ชายแก่หน้าแดง ก่อนที่จะตบอกตัวเอง และกล่าวต่ออย่างปากแข็ง ไม่ใช่ข้าโอ้อวด ข้าก็คือเป็นนักพรตที่ไล่ผีได้เก่งที่สุดในสิบลี้นี้แล้ว ผีร้ายครั้งก่อนเป็นอุบัติเหตุ ครั้งนี้ไม่มีปัญหาแน่ ผีร้ายเจอง่ายขนาดนั้นที่ไหน เขามีชีวิตมากว่าหลายสิบปี ก็เพิ่งเคยเห็นครั้งนั้นครั้งแรก
ไม่ไป! อวิ๋นเจี่ยวปฏิเสธทันที
อย่าสิ! เจ้าหนู เจ้าหนูไม่ไป เขาก็เริ่มจะไม่แน่ใจ ที่สำคัญคือถูกผีสาวครั้งก่อนทำให้กลัวแล้ว คิดได้ดังนั้นจึงโน้มน้าวต่อด้วยเสียงทุ้ม เพื่อนข้าบอกแล้ว ครานี้เป็นการไล่ผีแบบง่ายๆ ไม่เกิดเรื่องแน่นอน เจ้าศึกษาในการเป็นหมอรักษาพลังลมปราณมาอย่างยากลำบาก ไม่อยากจะลงเขาไปทดสอบฝีมือหรือ
ไม่อยาก! อวิ๋นเจี่ยวไม่อยากจะสนใจเขา เย็บแผลให้จิ้งจอกเสร็จก็เก็บเข็มเงินกลับ การเป็นหมอต้องฝึกฝนเป็นจำนวนมากก็จริง แต่การรักษาคนไม่เหมือนกับการรักษาสัตว์ นางไม่มีความมั่นใจ ไม่อาจลงมือได้ง่าย
เจ้าหนู… ไป๋อวี้จะร้องไห้ออกมาอยู่แล้ว วันมะรืนก็จะเป็นวันทดสอบประจำเดือนแล้ว เขาไม่อยากถูกอาจารย์ปู่ทุบจนกลายเป็นหัวหมูอีก!
ไป๋อวี้ไม่คิดเลยว่าสุดท้ายอวิ๋นเจี่ยวก็ตอบตกลงลงเขาเป็นเพื่อนเขา เพราะว่า…พวกเขาใกล้ล้มละลายแล้ว สี่สิบตำลึงที่ได้มาครั้งก่อนนั้นถือว่ามากก็จริง ให้ครอบครัวปกติใช้คงใช้ได้เป็นปีสองปี แต่อุปกรณ์ของเสวียนเหมินแพงมาก แค่ธงผืนเดียว ดาบไม้เล่มเดียวก็ต้องใช้เงินจำนวนมากแล้ว ยิ่งอย่าพูดถึงยาวิเศษที่ช่วยในการฝึกฝนเลย พวกเขาไม่กล้าแม้แต่จะซื้อ
อีกทั้งช่วงนี้ไป๋อวี้ยิ่งฝึกยิ่งทุ่มเท ทุมเทจนทุ่มเงินทั้งหมดเข้าไปด้วย พอรู้ตัวอีกที ข้าวสารในโอ่งนั้นก็หมดแล้ว
นั้นก็หมายความว่า หากพวกนางยังไม่ลงเขาหาเงิน ก็ต้องทนหิวกันต่อไป
ในที่สุดไป๋อวี้ก็หนีการทดสอบประจำเดือนตามความปรารถนา และลากอวิ๋นเจี่ยวออกจากสำนักได้สำเร็จ แต่ว่า…
ใครก็ได้บอกเขาที! ทำไมอาจารย์ปู่ก็อยู่ตรงนี้ด้วย? ไหนบอกไม่ออกจากเจดีย์ไง? ทำไมแม้แต่น้ำแกงไก่ก็ห่อมาด้วยเรียบร้อยเลย!
ლ(゚Д゚)ლ
เจ้าหนู นี่…
หุบปาก! อวิ๋นเจี่ยวมองเขาด้วยสายตาเยือกเย็น สัตว์กินทองของเสวียนเหมินไม่มีสิทธิพูด! เงินถูกใครใช้หมดนี่ไม่มีในใจเลยหรือไง?
…