ศิษย์หลานข้า ระวังอย่าหลงผิด - ตอนที่ 323 ยับยั้งสุดความสามารถ
“อ๋า!?” เฟิงเสี่ยวหวงผงะ ใต้เท้ากำลังพูดกับเขา?
อิ้งหลุนถอนหายใจยาว ก่อนจะพูดขึ้น “เฮ้อ นานทีศิษย์หลานตัวน้อยจะขอร้องข้า ข้านอกจากไม่ช่วยนางแล้ว ยังมานั่งดูอยู่ตรงนี้ ข้ารู้สึกเจ็บหัวใจเล็กน้อย” อย่างน้อยเขาก็ไม่ใช่เยี่ยยวนที่ไร้หัวใจ ”เจ้าว่า…นางจะเลิกคบกับข้าหรือไม่”
“จะเป็นไปได้อย่างไร เป็นไปไม่ได้ ไม่มีทางเป็นไปได้ ไม่มีเรื่องแบบนี้อย่างแน่นอน!” เฟิงเสี่ยวหวงกระจ่างในทันทีว่าอีกฝ่ายถามอะไร เขารีบส่ายหัวอย่างรวดเร็ว “ท่านเซียนอวิ๋นต้องเข้าใจอย่างแน่นอน ราชายมโลกทำอะไรย่อมมีเหตุผลของตนเอง ท่านจะผิดได้อย่างไร ถึงข้าจะผิด ใต้เท้าไม่มีทางผิด” ในฐานะลูกน้องที่ดีต้องยืนกรานอยู่ฝั่งหัวหน้าอย่างแน่วแน่
“อืม เจ้าพูดมีเหตุผล” อิ้งหลุนพยักหน้า เขาเบนสายตากลับไปมองกระจกธารา “แต่หลายปีนี้ศิษย์หลานตัวน้อยมอบเมล็ดพันธุ์ให้ข้ามากมายเช่นนี้ พวกเราไม่อาจทนดูอย่างเดียว” อีกทั้งผนึกดินแดนปีศาจหมดแล้ว เชื่อว่าเยี่ยยวนคงใช้เวลาอีกไม่นานที่จะตื่นขึ้นมา เมื่อถึงเวลาอีกฝ่ายคงต้องมาคิดบัญชีกับเขา ดังนั้นอย่างไรก็ตามก็ต้องแสดงออกบ้าง…
เขาเคาะนิ้วขึ้นลง สายตาเคลื่อนไปอยู่บนตัวของเจ้าร่างยาว
เฟิงเสี่ยวหวงที่กำลังรดน้ำอยู่นั้นรู้สึกเพียงหลังมังกรเย็นวาบ หางมังกรสั่นเทาจนเกือบจะโยนถังไม้ออกไป เอ๊ะ? ทำไมรู้สึกเหมือนจะถูกขาย
…
เขตหมิ่นเฟิน
“คะ…ค่ายกลทำลายล้างที่อานุภาพร้ายแรงมาก!” ผู้คนสามดินแดนที่อยู่ในเหตุการณ์ต่างตกตะลึง เดิมทีพวกเขายังไม่ค่อยเข้าใจว่าสาเหตุที่เสวียนเหมินคิดจะวางค่ายกลทำลายล้างมากมายเช่นนี้ เนื่องจากค่ายกลทำลายล้างมีอานุภาพร้ายแรง อีกทั้งยากต่อการกลมกลืนกับค่ายกลอื่น อีกทั้งยังมีจำนวนมากเช่นนี้ แต่ไม่คิดว่านอกจากพวกเขาจะทำสำเร็จแล้ว ผลลัพธ์ยังออกมาดีเช่นนี้ กำจัดเผ่าปีศาจไปกว่าครึ่ง ทำให้อีกฝ่ายเข้าใกล้ไม่ได้
“ยังไม่จบ!” อวิ๋นเจี่ยวหันไปเตือนทุกคน “สงครามที่แท้จริง ยังไม่เริ่ม!”
ทุกคนตกตะลึง ก่อนจะหันไปมองยังทางค่ายกลทำลายล้าง พวกเขาพบว่าการจู่โจมของเผ่าปีศาจยังไม่ได้หยุดลง อีกทั้งพวกมันยังไม่สนใจค่ายกลทำลายล้างที่อยู่ตรงหน้า ยังคงจู่โจมเข้ามาทางนี้อย่างต่อเนื่อง ปีศาจตัวแล้วตัวเล่าสลายหายไปในค่ายกลทำลายล้าง แต่ยังคงมีจำนวนมากที่พุ่งตัวเข้าไปในค่ายกลอย่างต่อเนื่อง
“ปีศาจเหล่านี้ไม่กลัวตายหรือ” มีคนถามความสงสัยของทุกคน
ปีศาจเหล่านั้นเหมือนไม่รับรู้ถึงความเจ็บปวด พวกมันเหยียบย่ำเข้าไปในค่ายกลทำลายล้างอย่างไม่สนใจสิ่งอื่นใด ราวกับต้องการเหยียบย่ำค่ายกลทำลายล้างนั้นให้ราบเป็นหน้ากลอง สิ่งที่น่าแปลกกว่านั้นคือ ทั้งที่ก่อนหน้านี้มีกองทัพปีศาจกว่าครึ่งถูกกำจัดไป แต่ด้านหลังกลับยังคงมีมาอย่างต่อเนื่อง
ถึงแม้ค่ายกลทำลายล้างจะมีอานุภาพมาก แต่ก็ไม่อาจรับมือกับปีศาจที่หลั่งไหลเข้ามาไม่หยุด ปีศาจที่มากขึ้นเหยียบย่ำซากศพของเพื่อนร่วมเผ่าเดินออกมาจากค่ายกล ส่วนค่ายกลทำลายล้างที่อวิ๋นเจี่ยวและท่านอาวุโสหลายสิบคนร่วมมือกันวางนั้นถูกพลังปีศาจจู่โจมจนอ่อนแอลงอย่างต่อเนื่อง ไม่อาจต้านทานไว้ได้นานเท่าใดนัก
“ทุกดินแดน เตรียมรับมือ!” หลงฉางตะโกนเสียงดัง
ทุกคนถึงได้ดึงสติกลับมา นึกย้อนไปถึงคำพูดของอวิ๋นเจี่ยวเมื่อกี้ ใช่แล้ว สงครามที่แท้จริงเพิ่งเริ่มต้นขึ้น!
กำแพงค่ายกลทำลายล้างต่อต้านเอาไว้ราวครึ่งชั่วยามถึงได้พังทลายลงภายใต้การจู่โจมแบบฆ่าตัวตายของเผ่าปีศาจ ถึงแม้จะกำจัดเผ่าปีศาจจำนวนนับไม่ถ้วนแล้ว แต่ไม่เพียงพอสำหรับจำนวนที่หลั่งไหลเข้ามาอย่างไม่ขาดสายด้านหลัง
ผู้คนสามโลกปะทะกับเผ่าปีศาจโดยตรง ทันใดนั้นแสงค่ายกล แสงวิชาเวท แสงอาวุธวิเศษต่างประกายขึ้น เสียงการทำสงครามดังก้องไปทั่วยมโลก นี่เป็นสงครามที่เกี่ยวข้องกับการมีอยู่ของสามโลก แต่ถึงแม้สามโลกจะร่วมมือกัน การต่อต้านเผ่าปีศาจก็ยังคงยากลำบาก ยังไม่ต้องพูดถึงว่าพวกเขาไม่รู้ว่าจำนวนของเผ่าปีศาจที่จู่โจมเข้ามามีมากน้อยเพียงใด แค่ดูจากกำลังการต่อสู้ของแต่ละดินแดน ทั้งสามโลกก็ไม่ได้ได้เปรียบมากนัก
หลงฉางพลางสั่งการให้ทุกคนต่อต้านเผ่าปีศาจ พลางให้ทุกคนถอยหลังอย่างไร้ร่องรอย จำนวนของเผ่าปีศาจมีมากเกินไป หากปะทะกันซึ่งหน้า สามโลกไม่มีโอกาสชนะได้ สิ่งเดียวที่จะกำจัดศัตรูได้คือค่ายกล พวกเขาวางค่ายกลจำนวนมากในยมโลก ไม่ใช่เพียงค่ายกลทำลายล้างเท่านั้น ค่ายกลที่พวกเขาวางเอาไว้ครอบคลุมตั้งแต่เขตหมิ่นเฟินไปถึงโลกมนุษย์ ค่ายกลทำลายล้างต้านไม่อยู่ ก็ถอยไปยังตำแหน่งของค่ายกลถัดไป ต้องมีค่ายกลที่ต้านพวกเขาได้!
ไม่เพียงแต่หลงฉาง คนที่เข้าร่วมประชุมทั้งสามโลกล้วนมีความคิดเช่นนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากได้เห็นอานุภาพของค่ายกลทำลายล้าง
แต่อวิ๋นเจี่ยวไม่ได้มองโลกในแง่ดีเช่นนั้น ยิ่งพวกเขาถอยหลังเท่ากับเผ่าปีศาจยิ่งรุกรานสามโลกมากขึ้น ถึงแม้การถดถอยบนสนามรบเพียงเท่านี้ถือเป็นกลยุทธ์การรบ เเต่นางรู้สึกว่าเผ่าปีศาจตรงหน้า ให้ลางสังหรณ์ไม่ดีบางอย่างกับนาง ราวกับมีข้อมูลสำคัญบางอย่างถูกนางละทิ้งไป
อีกทั้งตั้งแต่เริ่มต้นการปะทะถึงตอนนี้ผ่านไปเป็นเวลาหลายชั่วยามแล้ว ไม่เพียงแต่ค่ายกลทำลายล้างเมื่อกี้ แม้แต่ผู้คนของทุกดินแดนก็กำจัดกองทัพปีศาจนับไม่ถ้วนแล้ว แต่ปีศาจที่พุ่งตรงเข้ามาราวกับไม่มีวันหมดสิ้นเรากลับไม่อาจกำจัดได้ ดินแดนปีศาจมีจำนวนมากเช่นนี้หรือ อีกทั้งวิธีการโจมตีของปีศาจเหล่านี้ยังทำให้คนตกตะลึงราวกับพวกมันไม่เกรงกลัวความตายเมื่อเห็นค่ายกลทำลายล้างก็ไม่แม้แต่จะหลบ ราวกับ…การจู่โจมแบบฆ่าตัวตาย?
อวิ๋นเจี่ยวผงะไป ภายในใจปรากฏความคิดที่น่ากลัว หรือว่า…
“เจ้าหนู! ระวัง!” ชายแก่เรียกสายฟ้าหนึ่งออกมาฟาดเข้าตัวของปีศาจที่เข้าใกล้อวิ๋นเจี่ยว กระแทกให้อีกฝ่ายห่างไกลออกไปหลายเมตร” เจ้าเป็นอะไรหรือไม่ อย่าเหม่อลอยสิ ที่นี่อันตรายมาก!” ชายแก่มองอวิ๋นเจี่ยวอย่างเป็นกังวล ตกใจหมดเลย นางหยุดลงกะทันหันทำไมกัน
อวิ๋นเจี่ยวดึงมือของเขาเอาไว้ สีหน้าเคร่งเครียดกว่าทุกครั้ง “ชายแก่ พวกเราบินขึ้นไปดูข้างบน!”
“ฮะ?” ชายแก่ผงะ “ทำไม” เผ่าปีศาจด้านบนให้เป็นหน้าที่ของดินแดนสวรรค์ไม่ใช่หรือ เสวียนเหมินเฝ้าระวังพื้นดิน
“ไป!” อวิ๋นเจี่ยวไม่ได้อธิบาย เพียงแต่หยิบยันต์ตัวเบาออกมาติดคนละใบ ก่อนจะลอยขึ้นไปด้านบน พวกเขาลอยขึ้นจนกระทั่งสามารถมองเห็นทั้งเหตุการณ์ ทันใดนั้นสายตาของนางหลุบต่ำลง
ที่แท้…
…
หลังเขาชิงหยาง
ในขณะที่คนบางคนกำลังเปิดประตูดินแดนออก พร้อมทั้งคิดจะยัดมังกรที่กำลังดิ้นรนและร้องไห้ฟูมฟายเข้าไป มือของเขาก็ชะงักไป มองดูเหตุการณ์บนกระจกธารา ทันใดนั้นดวงตาฉายแววอารมณ์ดี
เขาดึงมังกรที่ถูกยัดเข้าไปครึ่งตัวออกมาโยนกลับแปลงผัก “ช่างเถิด!”
“อ๋า? อ้า!” เฟิงเสี่ยวหวงทำหน้าฉงน “ใต้เท้า ไม่…ไม่ต้องไปช่วยแล้วหรือ”
อิ้งหลุนก้มหน้ามองมัน “เจ้าก็คงทำได้แค่รดน้ำเท่านั้นแล้ว!” ทันใดนั้นเขาก็เข้าใจความรู้สึกตอนที่เยี่ยยวนเผชิญหน้ากับลูกศิษย์ของตนเอง…โง่เขลาเสียจริง!
เฟิงเสี่ยวหวง “…”
เหตุใดมีความรู้สึกเหมือนจะถูกไล่ออก