ศิษย์หลานข้า ระวังอย่าหลงผิด - ตอนที่ 329 ภาวะคับขัน
ดูจากสถานการณ์ตอนนี้ ก่อนที่อาจารย์ปู่เข้าสู่ห้วงนิทรา อีกฝ่ายคงจะทิ้งบางอย่างไว้ในตัวนาง ถึงทำให้นางถูกส่งมาที่นี่ทันเวลา อวิ๋นเจี่ยวเงยหน้ามองใบหน้าที่กำลังหลับใหล ภายในใจรู้สึกอบอุ่น
แต่ปัญหาคือ…อาจารย์ปู่จะตื่นเมื่อไหร่ เขาคงไม่กอดนางไม่ปล่อยไปตลอดหรอกนะ?
…
ครึ่งชั่วยามต่อมา
เป็นเรื่องจริง!
อวิ๋นเจี่ยวมั่นใจในที่สุด อาจารย์ปู่สามารถกอดแบบนี้ไปตลอด ไม่ว่านางจะออกแรงผลักอย่างไร ดิ้นรนอย่างไร หรือแม้กระทั่งใช้ค่ายกลขนส่ง ก็ไม่อาจผลักหมีโคอาลาตรงหน้าออกไปได้ แม้แต่จะพลิกตัวยังทำไม่ได้ อย่าว่าแต่จะลงไป
อวิ๋นเจี่ยวมีความรู้สึกท้อแท้อย่างมาก เป็นครั้งแรกในชีวิตที่ถูกกักขังไว้บนเตียง ประสบการณ์เช่นนี้ช่างน่าอับอาย หลังจากทดลองทุกวิถีทางแล้วไร้ผล อวิ๋นเจี่ยวไม่มีวิธี นางกระตุ้นพลังลมปราณภายในตัวเพื่อใช้งานกระจกพันลี้ ก่อนจะส่งสารกลับไปยังใครบางคนที่อยู่ชิงหยาง
นางรอกว่ายี่สิบนาที ถึงสัมผัสได้ว่าชาวสวนอิ้งหลุนทะลุมิตินี้เดินเข้ามา นางยังไม่ทันได้เปิดปาก ประตูก็ถูกถีบออกเสียงดัง
“ศิษย์หลานตัวน้อย เจ้าไม่…” อิ้งหลุนเดินเข้ามา ในขณะที่เพิ่งเงยหน้าขึ้นมาร่างของเขาก็ชะงักลง ดวงตาเบิกโพลงมองดูคนที่นอนกอดกันอยู่บนเตียงทั้งสองด้วยความตกตะลึง นาทีถัดมาเขารีบหันหลังกลับ “ขออภัย รบกวนแล้ว!”
ตามมาด้วยเสียงปิดประตูลง ก่อนจะมีเสียงสบถดังมาจากด้านนนอก “เยี่ยยวนเจ้าเดรัจฉาน สุดท้ายก็ลงมือกับศิษย์หลานตัวน้อยแล้ว! ถุย ไร้ยางอาย รอประเดี๋ยวข้าจะกลับมา…”
“อิ้งหลุน ท่านกลับมาเดี๋ยวนี้!” ในขณะที่อีกฝ่ายกำลังจะออกจากมิติแห่งนี้ อวิ๋นเจี่ยวรีบพูดขึ้น
“ไม่ดีนะ ศิษย์หลานตัวน้อย!” อิ้งหลุนตอบกลับ แต่กลับสาวเท้าเดินเร็วขึ้น หากเขากล้าเข้าไป เยี่ยยวนต้องฆ่าเขาแน่
“ท่านกลับมา อาจารย์ปู่ยังไม่ตื่น!” นางจึงพูดเสริมเสียงดัง
“อะไรนะ?!” เสียงฝีเท้านอกห้องชะงักไป ตามมาด้วยอิ้งหลุนที่วิ่งกลับมาราวกับสายลม หัวของเขาโผล่ออกมาจากหลังประตู ก่อนจะถามขึ้นด้วยความสงสัย ”จริงหรือหลอก?” เขาจับจ้องไปบนตัวของเยี่ยยวน พบว่าอีกฝ่ายยังคงอยู่ในการหลับใหล ทันใดนั้นเขาก็หาความมั่นใจของตนเองกลับมา จากนั้นผลักประตูแล้วเดินเข้าไป มองคนทั้งสองด้วยสีหน้าระอา “เขา…ตอนหลับก็เดรัจฉานขนาดนี้หรือ” สมกับที่เป็นเดรัจฉาน!
“อย่าพูดมาก รีบดึงข้าออกไป!” อวิ๋นเจี่ยวเร่งเร้า “อาจารย์ปู่ตอนนี้ยังไม่มีสติ ข้าออกมาไม่ได้!”
“…” อิ้งหลุนลังเลเล็กน้อย ก่อนจะยื่นนิ้วเข้าไปสะกิดเยี่ยยวนที่ไม่ขยับตัว จนกระทั่งมั่นใจว่าอีกฝ่ายไม่มีปฏิกิริยา ถึงได้เดินขึ้นไปดึงคนออกมาอย่างสบายใจ “เอาล่ะ ยื่นมือมาให้ข้า!”
ในขณะที่เขากำลังเอื้อมมือเข้าไปจับอวิ๋นเจี่ยว คนที่หลับอยู่นั้นราวกับสัมผัสบางอย่างได้ คิ้วของเขาขมวด ก่อนจะมีพลังที่มองไม่เห็นบางอย่างแผ่ขยายออกมาจากตัว อิ้งหลุนยังไม่ทันได้มีปฏิกิริยา ร่างของเขาก็ลอยออกไป
เขากระแทกเข้ากับประตู ก่อนที่หัวของเขาจะปักลงไปบนบันได
อวิ๋นเจี่ยว “…”
อิ้งหลุน “…”
…
อิ้งหลุนไม่รู้ว่าเยี่ยยวนไม่ตื่นจริงหรือเท็จ ทั้งที่ไม่ว่าจะสะกิดอย่างไรก็ไม่มีปฏิกิริยา แต่หากแตะต้องศิษย์ตัวน้อยในอ้อมกอดเขา เขาจะเริ่มการจู่โจมทันที
หลังจากที่ถูกเขากระแทกออกไปหลายครั้ง อิ้งหลุนแทบจะสบถออกมา สุดท้ายเขาต้องหาวิธีควบคุมเยี่ยยวนเอาไว้ จากนั้นให้อวิ๋นเจี่ยวคลานออกมาเอง ใช้เวลากว่าครึ่งชั่วยาม อวิ๋นเจี่ยวถึงได้หนีออกมาได้
“อาจารย์ปู่เป็นอะไรไป” นางหันกลับไปมองคนบนเตียง ถามขึ้นอย่างอดไม่ได้
“ข้าจะไปรู้ได้อย่างไรว่าตาเฒ่านี่คิดอะไรอยู่” ชาวสวนโกรธแค้นอย่างมาก เขาหันไปถลึงตาใส่ภายในห้อง ก่อนจะถามขึ้น “จริงสิ เกิดอะไรขึ้น เจ้ากำลังยับยั้งเผ่าปีศาจในยมโลกไม่ใช่หรือ เหตุใดจึงกลับมา”
“คงเป็นอาจารย์ปู่ที่ส่งข้ากลับมา” อวิ๋นเจี่ยวเล่าเรื่องปีศาจเลือดอีกครั้ง
“ที่แท้ก็เช่นนี้” อิ้งหลุนพยักหน้า ก่อนจะมองจ้องไปยังอวิ๋นเจี่ยว “ตาเฒ่าจับตาดูเจ้าเสียใกล้ชิด เขาคงลงวิชาเวทบางอย่างภายในตัวเจ้า สามารถส่งเจ้าไปยังสถานที่ที่ปลอดภัยเมื่อเจ้าต้องเผชิญกับอันตราย” มีที่ไหนปลอดภัยเท่าข้างตัวของเขากัน ดังนั้นถูกส่งมาที่นี่ก็เป็นเรื่องปกติ “มิน่าทั้งที่ยังไม่ถึงเวลา เขากลับมีการเคลื่อนไหว” คงเป็นเพราะวิชาเวทนั้นเรียกสติส่วนหนึ่งของเขาขึ้นมา ปกป้องศิษย์หลานตัวน้อยตามสัญชาตญาณเท่านั้นเอง
“ยังไม่ถึงเวลา?” อวิ๋นเจี่ยวได้ยินสิ่งที่เขาพูด “ท่านหมายความว่า ท่านรู้ว่าอาจารย์ปู่จะตื่นตอนไหน?”
“เอ่อ…” อิ้งหลุนผงะไป สายตาของเขาลอยไปมา “จริงสิ ศิษย์หลานตัวน้อย! สถานการณ์ในยมโลกเป็นอย่างไร พวกเจ้าเอาชนะเผ่าปีศาจได้หรือไม่ ต้องให้ข้าช่วยหรือไม่ ถึงแม้ข้าจะลงมือเองไม่ได้ แต่ข้าให้กำลังใจเจ้าได้! อย่างน้อยก็ยังมีเสี่ยวหวง ต้องให้เจ้ายืมหรือไม่ ข้าบอกเจ้านะ…”
“…” เปลี่ยนประเด็นได้แข็งทื่อมาก อวิ๋นเจี่ยวถอนหายใจ ก่อนจะพูดขัดขึ้น “ข้าจะคืนหินบันทึกภาพทั้งหมดให้ท่าน”
อิ้งหลุนแววตาลุกวาว ”จริงหรือ?!”
“ไม่เหลือแม้แต่ก้อนเดียว”
“ได้!” อิ้งหลุนถึงวางใจ “อันที่จริงข้าก็ไม่รู้ว่าเยี่ยยวนจะตื่นมาเมื่อใด แต่เมื่อรอพวกเจ้าขับไล่เผ่าปีศาจสำเร็จ อีกไม่นานเขาคงตื่นขึ้นมา”
“ท่านหมายความว่า…” อวิ๋นเจี่ยวหันไปมองเขาด้วยความฉงน “การหลับของอาจารย์ปู่มีความเกี่ยวข้องกับเผ่าปีศาจ?”
“ข้าไม่พูดอย่างนั้นนะ!” อิ้งหลุนปฏิเสธทันควัน ก่อนจะหันไปมองขอบฟ้า
“หรือว่า…ก่อนหน้าอาจารย์ปู่มีความขัดแย้งกับเผ่าปีศาจ?” นางถามขึ้น
“จะเป็นไปได้อย่างไร” อิ้งหลุนส่ายหัว “ตามนิสัยของเขา ปีศาจตัวไหนจะกล้ามีเรื่องกับเขา บนโลกนี้คนที่กล้าขัดแย้งกับเขาก็คงมีไม่กี่คน”
“…” หมายความว่าอย่างไร ทำไมรู้สึกว่าคำพูดของอิ้งหลุนจะลึกลับขึ้นทุกวัน ทั้งที่แต่ก่อนเป็นชาวสวนที่ซื่อตรง
“อย่าถามเลย” อิ้งหลุนหยิบไชเท้าออกมาเคาะหัวของนาง “หากอยากรู้ ก็รอเยี่ยยวนตื่นขึ้นมา เจ้าไปถามเขาเอง” ศิษย์หลานตัวน้อยฉลาดเกินไป ยิ่งพูดยิ่งปิดไม่อยู่
ข่างเถอะ อวิ๋นเจี่ยวหันกลับไปมองคนที่นอนหลับอยู่ในห้อง ไม่ได้ถามต่อไป ทุกอย่างต้องรออาจารย์ปู่ตื่นขึ้นมาก่อน อีกอย่างใครไม่มีความลับกัน
…
อวิ๋นเจี่ยวไม่ได้อยู่ในชิงหยางเป็นเวลานาน นางเติมเสบียงเล็กน้อย ก่อนจะเปิดประตูผีข้ามไปยมโลกโดยตรง เมื่อไม่มีทะเลเลือดและปีศาจเลือดที่ควบคุมกองทัพปีศาจเหล่านั้น
กองทัพพันธมิตรสามโลกจึงมีเวลาพักผ่อนบ้าง พวกเขาเริ่มจู่โจมกลับ จำนวนของปีศาจก็เริ่มลดลง แต่เหล่าปีศาจที่หลุดพ้นจากการควบคุมกลับรับมือได้ยากยิ่งกว่าหุ่นเชิดก่อนหน้านี้ พวกเขาไม่ร่วมแรงร่วมใจการไล่ล่าผู้คน แต่กลับเริ่มใช้วิธีการซุ่มโจมตี อีกทั้งมีปีศาจบางส่วนที่สู้ไม่ได้เริ่มหนีกันกระจัดกระจาย
โชคดีที่สถานการณ์เช่นนี้ แต่ละดินแดนล้วนคาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้แล้ว พวกเขาต่างวางกำลังไล่ล่าไว้แต่ละจุด พยายามกำจัดเหล่าปีศาจให้หมดภายในยมโลก