ศิษย์หลานข้า ระวังอย่าหลงผิด - ตอนที่ 77 บุคคลเข้าศึกษา
สวีชิงเฟิงใช้เวลาอันรวดเร็วที่สุดกระจายข่าวที่อวิ๋นเจี่ยวรับถ่ายทอดวิชาข่ายพลังที่สูญหายไปให้แก่ลูกศิษย์ทุกสำนัก ส่งผลให้เกิดความตื่นเต้นอย่างมากแก่ทุกสำนัก อันที่จริงแล้วทุกคนต่างไม่ได้หวังว่าเธอจะตอบตกลงเหมือนสวีชิงเฟิงในตอนแรก
คาถาที่มีอยู่ในปัจจุบันนี้ล้วนเป็นคาถาวิชาที่ทุกคนรู้กันโดยแพร่หลาย แต่วิชาที่เก่งกาจจริงๆ ล้วนเป็นความลับของแต่ละสำนัก มีแต่คนมีพรสวรรค์เท่านั้นถึงจะศึกษาได้ หากจะถ่ายทอดให้คนภายนอกคงจะเป็นไปไม่ได้
หนึ่งเป็นเพราะวิชานั้นลึกซึ้งกว้างขวาง ดังนั้นแต่ละสำนักจึงมุ่งเน้นไปเพียงอย่างเดียว เพราะว่าแต่ละคนล้วนมีพลังงานที่จำกัด การฝึกฝนเพียงหนึ่งอย่างก็ต้องใช้ความพยายามอย่างมากแล้ว และมีพลังงานเหลือน้อยสำหรับศึกษาวิชาอื่น สองเป็นเพราะว่าศิษย์ชั้นดีของแต่ละสำนักล้วนเป็นศิษย์ที่มีความเข้าใจและความถนัดที่ยอดเยี่ยม พวกเขาจะเข้าใจความรู้ได้เร็ว
การจัดการแบบนี้เดิมนั้นไม่มีปัญหาอะไร แต่ใครจะไปคิดว่าเหตุการณ์งูน้ำเมื่อห้าร้อยปีก่อนจะนำไปสู่การสูญเสียคาถาไปมากมาย
อีกทั้งในช่วงร้อยปีมานี้ ภัยพิบัติเกิดขึ้นมากมาย อีกทั้งมารปีศาจออกอาละวาดไปทั่ว ทำให้แม้แต่ศิษย์เสวียนเหมินยังใช้ชีวิตยากลำบาก นับประสาอะไรกับคนธรรมดา แต่ละสำนักเริ่มตระหนักได้ว่า หากพวกเขาหยุดนิ่งต่อไป คงจะส่งผลเสียต่อการพัฒนาของเสวียนเหมิน และพวกเขาก็เริ่มลังเลว่าจะปฏิบัติตามกฎเก่าหรือไม่ แม้แต่ตระกูลดังเองก็เริ่มรับลูกศิษย์นอกตระกูล
แต่ถึงกระนั้นก็ยังเป็นเรื่องยากที่จะเผยแพร่ความรู้อันเป็นเอกลักษณ์ของสำนักให้คนทั่วไป แต่ไม่คิดว่าคนแรกที่ทำเรื่องนี้ได้จะเป็นสหายอวิ๋น ผู้ที่เป็นศิษย์สำนักชิงหยางที่เพิ่งขึ้นทะเบียน เจ้าสำนักสวีรู้สึกเคารพในตัวเธออย่างยิ่ง ในที่สุดเขาก็เข้าใจความหมายของคำว่ากว่างจี้ได้ สำนักชิงหยางสามารถช่วยทั่วยุทธภพได้อย่างแท้จริง
เมื่อเทียบกับความเมตตาเช่นนี้ ในใจของเขามีแต่ความอับอาย เขาถอนหายใจเล็กน้อย ก่อนจะได้สติกลับคืนมาทันที จากนั้นก็เริ่มมุ่งความสนใจไปที่ผู้สมัครในครั้งนี้ ทุกคนต่างอยากศึกษาข่ายพลังที่สูญหายไปทั้งนั้น แต่จะส่งใครไป นี่คือปัญหา
เจียวเหิงอีเป็นคนแรกที่ร้องว่าเขาจะไป เขาฝึกฝนด้านข่ายพลังอยู่แล้ว และเรื่องนี้เขาก็เป็นคนเสนอคนแรก แต่หลายวันมานี้ ไม่รู้ว่ายันต์ส่งสารเขามีปัญหาหรือเปล่า เขาจึงติดต่อสหายอวิ๋นไม่ได้ ทำให้มีคำถามเกี่ยวกับข่ายพลังสะสมไว้มากมาย จนอยากจะวิ่งไปหาด้วยตนเองด้วยซ้ำ
สำหรับสำนักอื่น สวีชิงเฟิงเดิมต้องการส่งเพียงคนที่เชี่ยวชาญด้านข่ายพลังไปเท่านั้น แต่เขาไม่ได้คิดว่าทันทีที่ข่าวแพร่กระจาย แต่ละสำนักจะมาขอให้ไปด้วย หากเป็นเช่นนี้จำนวนคนค่อนข้างมหาศาล
สหายอวิ๋นมีพลังงานจำกัด เป็นไปไม่ได้ที่จะสอนทุกคนได้
พวกเขาหารือกัน แต่ก็ไม่ได้ข้อสรุป ทำได้แค่บอกเรื่องนี้แก่อวิ๋นเจี่ยว แล้วดูว่านางจะว่าอย่างไร
ท่านบอกว่ากี่คน มือของอวิ๋นเจี่ยวที่กำลังวาดอะไรบางอย่างชะงัก ก่อนจะถามกลับไป
นอกจากศิษย์ของสามนิกายสี่สำนักหกตระกูลแล้ว ยังมีศิษย์จากสำนักอื่นๆ และนักพรตพเนจรบางส่วน จำนวนคนราวสี่ห้าร้อย… เจ้าสำนักสวีตอบอย่างเขินอาย
… นี่เธอกำลังเปิดห้องสอนพิเศษ หรือโรงเรียนสอนพิเศษกันแน่
อวิ๋นเจี่ยวนวดไปที่หว่างคิ้ว ก่อนจะพูดเตือนขึ้นมาว่า เจ้าสำนักสวี พวกเรามีแค่สองคน! อีกทั้งชายชราก็เป็นได้แค่ตัวแทนวิชา เรียกว่าอาจารย์ไม่ได้เสียด้วยซ้ำ นักเรียนมากมายขนาดนี้ พวกเธอจะรับได้อย่างไร
เอ่อ… สีหน้าของเจ้าสำนักสวีเก้อเขิน หันหน้าไปมองเหล่าท่านอาวุโสและเจ้าสำนักที่ไม่ยอมถอยแม้แต่ครึ่งก้าว พร้อมส่งสายตาประมาณว่า ข้าบอกแล้วว่าไม่ได้ ถึงได้พูดต่อว่า สหายอวิ๋นไม่ต้องกังวล นี่เป็นเพียงรายชื่อขั้นแรกเท่านั้น ส่วนเรื่องคนที่เข้ามาศึกษาต้องผ่านการคัดเลือกจากท่านก่อน หรือไม่ข้าส่งสารเกี่ยวกับศิษย์ทั้งหมดให้ท่านดู แล้วท่านเลือกมาจากในนั้น?
สารไม่ต้องส่งมา อวิ๋นเจี่ยวปฏิเสธ สำนักชิงหยางมีสารมากมายแล้ว ถึงแม้ส่งมาก็จะถูกเผาทิ้งอยู่ดี
งั้น… เจ้าสำนักสวีลำบากใจกว่าเดิม แท้จริงแล้วรายชื่อสี่ร้อยกว่าคนนี้มาจากการคัดเลือกแล้ว สำนักของเสวียนเหมินนั้นมีมากมาย หากแต่สำนักเทียนซือค่อนข้างเที่ยงตรง ไม่ลำเอียงไปหาฝ่ายใด สำนักเล็กๆ ไม่ส่งไปก็ไม่ได้
อวิ๋นเจี่ยวก้มมองยันต์ข่ายพลังที่วาดไปครึ่งเดียว ครุ่นคิดอยู่สักพักถึงได้พูดขึ้น อย่างนี้แล้วกัน อีกสองสามวันข้าจะส่งสารไป พวกท่านคอยรับ คิดว่าน่าจะแก้ไขปัญหานี้ได้
ไม่รู้ว่าคือ… เจ้าสำนักสวีกำลังจะถามว่าคืออะไร
ทันใดนั้นยันต์ส่งสารก็ส่งเสียงอะไรบางอย่างกระทบกันออกมา อวิ๋นเจี่ยวพูดอย่างเหนื่อยหน่ายว่า เที่ยงวันเร็วขนาดนี้เลยเหรอ เจ้าสำนักเรื่องนี้แค่นี้ก่อน อีกสองสามวันค่อยคุยกัน
พูดจบก็ไม่รออีกฝ่ายตอบรับ ตัดขาดการติดต่อทันที
ทุกคนสีหน้าฉงน สหายอวิ๋นคือตกลงหรือไม่ตกลง? เดิมทีคิดว่าหากนางรู้สึกว่ามีลูกศิษย์จำนวนมากไป คงจะเชิญนางมาสอนที่สำนักเทียนซือ แต่ตอนนี้หมายความว่าอย่างไร?
แต่ละคนมองหน้ากันอยู่สักพัก ก็ไม่เข้าใจความหมายของนาง ทำได้เพียงรอสารจากสหายอวิ๋น อีกทั้งยังสั่งการให้ศิษย์ทุกคนในสำนักคอยเฝ้าดูว่าจะมีนกกระดาษส่งสารมาหรือไม่ จะได้ไม่พลาดสารจากสหายอวิ๋น ต่อมาถึงได้รู้ว่าไม่จำเป็น เพราะอย่างไรก็ไม่พลาดอยู่แล้ว
วันที่สาม สารที่อีกฝ่ายพูดก็ส่งมา
เป็นเพียงแต่นกกระดาษขนาดใหญ่กว่านกกระดาษส่งสารทั่วไปราวสิบกว่าเท่า กำลังโบกสะบัดปีกไปมาแล้วบินมาทางตำหนักหลักของสำนักเทียนซือ การสะบัดปีกแต่ละทีล้วนพัดพาเอาลมเย็นมาด้วย จนกระทั่งบินเข้ามาในตำหนักใหญ่ มันบินวนอยู่ด้านบนของตำหนักรอบหนึ่ง ก่อนจะล่วงลงด้านล่าง และนั่งลงบนหัวของ…เจ้าสำนักสวี ท่าทางราวกับแม่ไก่กำลังฟักไข่
เจ้าสำนักสวี …
เหล่าท่านอาวุโส …
เหล่าเจ้าสำนัก …
อะไรกันเนี่ย!
นกกระดาษโดยปกติแล้วจะมีขนาดเล็กและเบา ทำไมถึงมีนกกระดาษส่งสารอ้วนเช่นนี้กัน? อีกทั้งยังตัวใหญ่ขนาดนี้อีก มันบินมาที่สำนักเทียนซืออย่างปลอดภัยได้อย่างไรกัน ทำไมถึงไม่มีคนยิงมันลงมา!
เจ้าสำนักสวีมีคำด่าเต็มท้องไปหมด ไม่รู้จะสบถออกมาอย่างไร
แค่ก…เจ้าสำนัก ท่านอาวุโสที่อยู่ใกล้เขามากที่สุดกระแอมไอขึ้นมาหนึ่งที ก่อนจะพูดเตือนว่า หรือไม่เปิดดูก่อนว่าบนกระดาษเขียนว่าอย่างไร
ปากของสวีชิงเฟิงกระตุก ยื่นมือไปหยิบนกกระดาษขนาดใหญ่บนหัวลงมา ดูใกล้ๆ ถึงได้พบว่านกกระดาษตัวนี้เป็นสีเขียว
ความรู้สึกอยากด่าคนมันคืออะไรกัน
เขาสูดลมหายใจเข้าลึกๆ พยายามข่มความรู้สึกประหลาดภายในใจ ก่อนจะแตะลงบนอักขระของนกกระดาษ ทันใดนั้นนกกระดาษสีเขียวเปิดออกทันตา ไม่ถึงชั่วครู่ ก็กลายเป็นกระดาษสีขาวหนึ่งปึก
พวกเขาถึงได้เข้าใจว่าทำไมนกกระดาษส่งสารตัวนี้ถึงได้อ้วน เพียงแค่ดูจากความหนาของกระดาษนี้ จะเทียบเท่ากับตำราของพวกเขาเล่มหนึ่งแล้ว
เจ้าสำนัก นี่คือ… ทุกคนต่างมุงไปด้านหน้าเพื่อดูสารอันหนาปึกที่ส่งมา
เหมือนกับเป็นภาพอะไรบางอย่าง เจ้าสำนักสวีพลิกไปทีละใบ พบว่าด้านบนไม่มีตัวอักษร มีเพียงแต่อักขระและตัวเลขที่อ่านไม่เข้าใจ
หรือว่าจะเป็นภาพข่ายพลัง! มีท่านอาวุโสคาดการณ์ขึ้นมา หรือว่าสหายอวิ๋นจะรู้สึกยุ่งยากเกินไป จึงวาดภาพข่ายพลังเหล่านี้ลงกระดาษ แล้วส่งมาให้
ให้ข้าดูหน่อย! เจียวเหิงอีรีบเดินขึ้นหน้า
ทุกคนถอยออกไป หากจะพูดถึงข่ายพลัง ที่นี่คงไม่มีใครคุ้นเคยมากกว่าเขา
เจียวเหิงอีรับภาพนั้นมา พินิจดูอย่างละเอียด คิ้วขมวดมุ่น ก่อนจะส่ายหน้าแล้วพูดว่า ไม่ใช่ นี่ไม่ใช่ภาพข่ายพลัง แต่มันดูคุ้นตามาก
Related