ศิษย์หลานข้า ระวังอย่าหลงผิด - ตอนที่ 99 ปลูกรากเส้นชีพจรเสวียน
เพื่อสืบเรื่องของอาจารย์กู่พิษให้ชัดเจน สำนักเทียนซือได้ติดต่อให้แต่ละสำนักตรวจสอบอย่างละเอียด อวิ๋นเจี่ยวเดาเอาไว้ไม่ผิด เรื่องที่คล้ายคลึงกับอาจารย์กู่พิษนี้เกิดขึ้นมากมายในช่วงระยะใกล้นี้ พื้นที่มากมายต่างเกิดเรื่องราวประหลาด เบื้องหลังมีเงาของสิ่งชั่วร้ายอยู่ไม่มากก็น้อย ถึงแม้จะไม่มีการลักพาตัวเด็กเพื่อเอาพลังเหมือนกับอาจารย์กู่พิษ แต่วิธีการนั้นก็มีความแปลกประหลาด หรือไม่เคยได้ยินมาก่อน
สำนักเทียนซือไม่สืบไม่รู้ พอสืบได้ก็ตกใจ ถึงแม้แต่ก่อนจะเคยมีศิษย์คนสองคนที่มุ่งไปทางผิดบ้าง แต่ช่วงระยะใกล้มานี้เห็นได้ชัดว่ามีความผิดปกติ คนเหล่านี้ดูเหมือนไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกัน แต่ก็เหมือนมีหัวหน้าที่คอยรวบรวมอะไรบางอย่าง ส่วนหลังเกิดเรื่องก็หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย หรือไม่ก็ตายอย่างประหลาด ทำให้คนจับต้นชนปลายไม่ได้
ตอนนี้เบาะแสเดียวคืออาวุธยมโลกที่ปรากฏขึ้นแล้ว อวิ๋นเจี่ยวหันไปมองบางคนที่กำลังดื่มน้ำซุปอย่างตั้งใจอยู่ด้านข้าง ก่อนจะพูดขึ้นอย่างลังเล อาจารย์ปู่ ท่านเคยเห็นอาวุธยมโลกมาก่อน?
เยี่ยยวนชะงักมือ เขาวางถ้วยลงอย่างช้าๆ ท่าทางสง่างามไม่เหมือนกับคนที่เพิ่งดื่มน้ำซุปถ้วยใหญ่หมดไป ก่อนจะหันมามองนาง คิ้วของเขาขมวดมุ่น เรื่องนี้เจ้าไม่ต้องยุ่ง
ฮะ? อวิ๋นเจี่ยวผงะ นี่เป็นครั้งแรกที่อาจารย์ปู่แสดงความไม่เห็นด้วยนอกจากเรื่องกิน ทำไมล่ะ?
เป็นแค่พวกคนที่ว่างจนไม่มีอะไรทำกำลังเล่นเกมแย่งชิงอำนาจเท่านั้น คิ้วของเขาขมวดแน่นขึ้น ก่อนจะพูดด้วยสีหน้ารำคาญ หลายพันปีต้องก่อเรื่องครั้งหนึ่ง ไม่ต้องเปลืองแรงไปยุ่งเรื่องพวกนี้
แย่งชิงอำนาจ? อวิ๋นเจี่ยวตะลึง ราวกับนึกอะไรขึ้นได้ อาจารย์ปู่หมายถึง…ยมโลก?
อืม เขาเอื้อมมือตักน้ำซุปใส่ถ้วยตัวเองช้อนแล้วช้อนเล่าจนเต็ม ถึงได้พูดต่อ ยมโลกเริ่มวุ่นวายอีกแล้ว
อีก?
… อวิ๋นเจี่ยวมองอาจารย์ปู่ท่าทางสบายใจคิดแต่จะกินซุปเท่านั้น ที่แท้เรื่องแบบนี้ไม่ได้เกิดแค่ครั้งสองครั้ง? นางมีใจที่อยากจะรู้เรื่องที่เกิดขึ้นในยมโลก แต่เมื่อครุ่นคิดดูแล้ว อาจารย์ปู่พูดไม่ผิด ไม่ว่าเรื่องอะไร นางก็คงไม่อาจแทรกแซงได้ อีกทั้งเสวียนเหมินมีคนมากมาย อย่างไรก็ตามคงไม่อาจไปยุ่งเรื่องของยมโลกได้
แต่นางก็อดรู้สึกอึดอัดไม่ได้ มีความรู้สึกว่าต้องเป็นผู้ที่รอถูกกระทำ และไม่สามารถเอาชนะได้เลย มันทำให้นางนึกย้อนไปถึงไอสีดำที่อาจารย์กู่พิษปล่อยออกมาเมื่อวานนั้น แม้ว่านางจะศึกษาความรู้ที่ลึกซึ้งมากมาย แต่เนื่องจากเหตุผลของร่างกาย ทำให้นางก็ไม่สามารถใช้ความรู้ได้เลย
อาจารย์ปู่… นางสูดลมหายใจเข้า ก่อนจะหันไปมองคนที่กำลังดื่มน้ำซุปอย่างจริงจัง ท่านเคยพูดว่า ถึงแม้ข้าจะไม่มีเส้นชีพจรเสวียน แต่ก็สามารถปลูกได้ใช่ไหม
มือที่กำลังถือถ้วยของเยี่ยยวนชะงักลง หันมามองนางอย่างตกตะลึง เจ้าคิดจะเริ่มฝึกฝนทางเต๋าแล้ว?
อืม อวิ๋นเจี่ยวพยักหน้า ข้าอยากเรียน ความรู้สึกถูกกระทำมันแย่มาก
เยี่ยยวนรีบดื่มน้ำซุปในถ้วยให้หมดด้วยความรวดเร็วและสง่างาม ก่อนจะตอบอย่างจริงจังว่า ปกติแล้วเส้นชีพจรเสวียนจะมีตั้งแต่เกิด แต่หากจะปลูกใหม่ไม่ใช่ว่าไม่ได้
อวิ๋นเจี่ยวตาลุกวาว รีบยื่นผ้าเช็ดหน้าเข้าไปให้ อาจารย์ปู่บอกวิธีได้ไหม
เขารับผ้ามา ก่อนจะมองนางแล้วพูดว่า เส้นชีพจรเสวียนสามารถขับเคลื่อนพลัง แต่ตอนนี้เจ้าแม้แต่พลังยังไม่มี ถึงแม้จะรู้วิธีก็ทำไม่ได้
… อวิ๋นเจี่ยวใจเต้นผิดไปหนึ่งจังหวะอย่างผิดหวัง นางมักจะรู้สึกว่าเรื่องอยู่ที่คนทำ แต่ตอนนี้กลับมีคนมาบอกนางว่านางไม่สามารถทำได้ ทันใดนั้นสีหน้าก็ดำทะมึน แม้แต่หัวก็ห่อเหี่ยวลงไปด้วย
อาจเป็นเพราะศิษย์หลานตัวน้อยแสดงท่าทางผิดหวังเช่นนี้ออกมาเป็นครั้งแรก จึงทำให้เยี่ยยวนรู้สึกลนลานขึ้นมา ราวกับหัวใจก็ตกลงไปพร้อมกับหัวของนาง ไร้ซึ่งอารมณ์ดีตอนที่ดื่มน้ำซุปหมด เขาเอื้อมมือไปลูบหัวของอีกฝ่าย แล้วพูดเสริมว่า ไม่เป็นไร ข้าแค่บอกว่าเจ้าไม่อาจทำเองได้เท่านั้น ไม่ได้บอกว่าปลูกไม่ได้ ในเมื่อข้ารับปากแล้วก็จะไม่คืนคำ
เอ๊ะ?
อวิ๋นเจี่ยวผงะไป เขาจึงพูดต่อว่า แต่ก่อนข้าเห็นว่าเจ้าตั้งใจฝึกฝนเป็นหมอรักษาพลังลมปราณ ดังนั้นจึงไม่เคยเอ่ยเรื่องนี้ อืม ไม่ใช่เป็นเพราะมัวแต่ดื่มน้ำซุปอย่างแน่นอน ตอนนี้ถ้าเจ้าอยากเรียน ข้าปลูกให้เจ้าก็แค่นั้น
จริง…จริงเหรอ อวิ๋นเจี่ยวตะลึง ต้องทำอย่างไร
อืม เขาพยักหน้าอย่างหนักแน่น ในหัวมีวิธีการปลูกเส้นชีพจรเสวียนแวบผ่านไปหลายวิธี สุดท้ายหยุดอยู่ที่วิธีที่ง่ายและสะดวกที่สุด เขากำชับต่อว่า เจ้า…อย่าได้เสียใจ รอข้าอยู่ในอารามสักพัก ข้าจะไปหามาให้เจ้า
ฮะ? อวิ๋นเจี่ยวผงะ นางไม่ได้เสียใจนะ นางแค่กำลังคิดถึงวิธีที่ไม่ต้องใช้พลังลมปราณก็สามารถปลูกเส้นชีพจรเสวียนได้เท่านั้น
เยี่ยยวนไม่รอให้นางอธิบาย เขาลุกขึ้นยืนอย่างรวดเร็ว ก่อนที่ร่างกายของเขาจะหายไปจากตำแหน่งเดิม พร้อมทั้งยังกวาดขนมทุกอย่างบนโต๊ะไปด้วย
อวิ๋นเจี่ยว …
เดี๋ยว?
อาจารย์ปู่เมื่อกี้บอกว่าหา? ไม่ใช่ปลูกเหรอ?
(⊙_⊙)
ความรู้สึกที่ไม่ค่อยดีนี่มันอะไรกัน
นาทีถัดมา…
เจ้าหนู ข้าอ่าน คำอธิบายอย่างละเอียดของคาถาห้าธาตุ จบแล้ว ฮ่าๆๆ … ไป๋อวี้พูดด้วยความดีใจ กินข้าวเที่ยงได้เสียที เร็วๆๆ ข้าหิวจะ… เขาพูดไปได้ครึ่งเดียวก็หยุดลง เบิกตาโตมองดูถ้วยเปล่าหลายสิบใบบนโต๊ะ ก่อนจะตัวแข็งทื่อ สีหน้าเต็มไปด้วยความเหลือเชื่อ
ความรู้สึกโศกเศร้าอย่างมหาศาลผุดขึ้นมา
เจ้าหนู ไหนบอกว่าเคารพคนแก่รักเด็ก พวกเจ้าจะทำอย่างนี้กับคนชราไม่ได้นะ กับข้าวล่ะ… แม้แต่ผักสักก้านยังไม่เหลือ
อวิ๋นเจี่ยวมองเขาด้วยสีหน้าจริงจัง ก่อนจะชี้ไปข้างนอกว่า อืม คนชรา (อาจารย์ปู่) เพิ่งห่อไปด้วยเมื่อกี้
… MMP!
ฝึกฝนทางเต๋าอะไรกัน ข้าไม่อยากทำแล้ว!
ข้ามีหมั่นโถวอีกสามลูก เอาไหม อวิ๋นเจี่ยวยื่นหมั่นโถวในถ้วยของตัวเองไปให้
ไป๋อวี้รู้สึกเศร้าใจหนักมากขึ้น พวกเจ้ากินอาหารอร่อย แต่เหลือหมั่นโถวสามลูกไว้ให้ข้า เห็นข้าเป็นคนไม่มีศักดิ์ศรีขนาดนั้นหรือ ฮึ!
เอา!
…
…
อาจารย์ปู่ไปคราวนี้ เป็นเวลากว่าสามวันเต็มก็ยังไม่กลับมา ไม่มีคนที่ปรากฏตัวตรงเวลาทุกสามมื้อ คอยเร่งให้ทำกับข้าวแล้ว ไป๋อวี้บอกว่า เวลานี้รู้สึกช่าง…มีความสุข!
╮(╯▽╰)╭
ไป๋อวี้กลับมาอยู่อย่างไม่มีคนคอยแย่งอาหารกับตนเองอีกครั้ง หัวใจที่ถูกกดดันของเขาก็รู้สึกมีแรงขึ้นมาใหม่ นี่ถึงจะเป็นชีวิตของชายชรา มีความสุข!
จนกระทั่งอวิ๋นเจี่ยวยัดตำรากองหนึ่งมาให้ จิตใจของเขาก็ลอยหายออกไปก่อนจะร่วงลงสู่ก้นเหวในทันที
อะไร ไป๋อวี้ผงะ มีความสงสัยในหัวของตนเอง
ตั้งแต่พรุ่งนี้เวลาเฉิน[1] ข้าได้ประกาศบอกสำนักเทียนซือแล้ว อวิ๋นเจี่ยวพูด ในเมื่อยันต์ส่งสารท่านก็มีแล้ว จะได้ไม่ต้องวาดใหม่อีกใบ
เดี๋ยว! ไป๋อวี้ฉงน ก่อนจะรีบดึงนางเอาไว้ เจ้าหนู เจ้าหมายความว่า…ให้ข้าสอนศิษย์เหล่านั้น?
ใช่สิ อวิ๋นเจี่ยวพยักหน้า ก่อนจะพูดอย่างสมเหตุสมผล คาถาเสวียนซิน คาถาฟ้าประทาน คาถาห้าธาตุ คำสาปเวียนว่ายหยินหยาง พวกนี้ท่านเรียนไปหมดแล้วไม่ใช่เหรอ
เรียนน่ะเรียนแล้ว…
ท่านไม่เข้าใจตรงไหน
ไม่ได้ไม่เข้าใจ…
หรือว่าซึมซับคาถาไหนไม่ได้
ก็ไม่ใช่…
ถ้าอย่างนั้นคาถาไหนท่องไม่ได้
ไม่มี…
แล้วมีปัญหาอะไร
…
พูดได้อย่างมีเหตุผล เขาไม่รู้จะตอบอะไรได้!
[1] เวลาเฉิน คือ ช่วงเวลา 07.00-08.59 น.