ศึกเดือด มหากาฬ - บทที่ 110 ฉินปิงหลันร้องไห้
ตอนนี้ทุกคนมีสีหน้าแตกต่างกันไปหมด
นี่เป็นเรื่องน่าอับอายมาก
ถ้าเป็นคนอื่น ก็คงไม่คิดว่าเรื่องราวมันจะมาถึงขั้นนี้
เรื่องนี้ ผมคิดว่า เอ่อ……
หยางเหลียนหลงอยากแสดงความคิดของตัวเองออกมา แต่โดนเฉินอีโบกมือปฏิเสธทันที
คุณไม่จำเป็นต้องมาพูดไร้สาระกับผมเยอะแยะ สรุปเลยว่าคนของพวกคุณทำเพื่อความสัมพันธ์ส่วนตัว สุดท้ายจึงทำให้การดำเนินการล้มเหลวใช่ไหม
งั้นก็แสดงว่ามู่หรงหลันหลัน ไม่ได้สมรู้ร่วมคิดกับใคร ปล่อยข่าวเรื่องเขตที่เราปิดกั้นออกไป และจัดฉากสร้างเรื่องขึ้นมา ใช่ไหม
เฉินอีถามอย่างต่อเนื่อง อีกฝ่ายก็พยักหน้าเห็นด้วยไม่หยุด
จู่ๆ เฉินอีก็เงียบไป
เขาเอานิ้วเคาะขอบโต๊ะชาไม่หยุด ผ่านไปนาน จึงพูดช้าๆ ว่า เรื่องนี้ ผู้ว่าการเฉ่าคิดยังไงบ้าง
ผม……
เดิมทีเฉ่าเฉียงทำเหมือนเรื่องไม่เกี่ยวข้องกับตัวเอง จึงไม่เข้าไปยุ่ง เพราะนี่เป็นเรื่องภายในเมืองฉือ และเป็นเรื่องกรมอนามัยและความปลอดภัยในพื้นที่ ไม่เป็นการดีที่ผู้ว่าการอย่างเขาจะเข้าไปทำอวดเก่ง
แต่เมื่อเฉินอีถามเช่นนี้ เฉ่าเฉียงคงทำเป็นใบ้ต่อไปไม่ได้ เขาคิดอยู่ครู่หนึ่ง แล้วพูดว่า เรื่องนี้ ผมคิดว่าควรจะลงโทษหนัก ผ่อนปรนไม่ได้ อันดับแรกควรจะกวาดล้างภายในกรมอนามัยและความปลอดภัย……
ผมไม่ได้ถามเรื่องนี้ แต่เป็นเรื่องตลาดมืด ผู้ว่าการเฉ่าไม่อยากถอนรากถอนโคนเหรอ
เฉินอีพูดเสียงสูงขึ้น
เฉ่าเฉียงตกใจจนถอยหลัง
แต่เมื่อตั้งสติได้ เฉ่าเฉียงอดถอนหายใจไม่ได้ คุณเฉิน ไม่ใช่ว่าเราไม่อยากแตะต้องตลาดมืด แต่เบื้องลึกของตระกูลมังกรลึกเกินไป หยั่งรากลงทั่วทุกแห่งในเมืองชิงชวน นอกจากอำนาจเส้นสายอันยิ่งใหญ่ วงการการค้า วงการทหารของตระกูลกวน อันที่จริงพละกำลังของตระกูลมังกร ยังอยู่เหนือกว่าตระกูลกวนด้วยซ้ำ
คนใหญ่คนโตขนาดนี้ ไม่ใช่ว่าผมไม่เคยคิดแตะต้องเขา มีหลายครั้งก่อนหน้านี้ ที่ผมเคยคิดเรื่องนี้ แต่สุดท้ายก็ไม่มีบทสรุป
ทำไมถึงไม่มีบทสรุปล่ะ
เฉินอีถาม
ตอนนี้ ในที่สุดเฉ่าเฉียงเข้าใจแล้ว คุณเฉินไม่ใช่คนที่เฉียบขาดธรรมดาๆ ความสามารถทางด้านนี้ ก็ไม่ธรรมดาเช่นกัน
แต่ถึงจะไม่ธรรมดาแค่ไหน ก็แตะต้องตระกูลมังกรไม่ได้
เพราะหลายปีก่อนหน้านี้ ตระกูลมังกรมีคนใหญ่คนโตที่มีชื่อเสียงอยู่หนึ่งคน เป็นเจ้าพ่อของแก๊งต่างประเทศ ตอนนี้นั่งบัญชาการที่เมืองชิงชวน เราอยากแตะต้องตระกูลมังกร จำเป็นต้องแตะต้องเจ้าพ่อคนนั้น จำเป็นต้องแตะต้องพวกพ้องของแก๊งต่างประเทศ อีกทั้งแก๊งต่างประเทศแข็งแกร่งขนาดไหน คุณเฉินน่าจะรู้ดีกว่าผม
เฉ่าเฉียงพูดด้วยสีหน้าเหนื่อยใจ
เขาเคยอยากแตะต้องตระกูลมังกรจริงๆ แค่ตัดเนื้อร้ายนี้ออก อนาคตเมืองชิงชวน ต้องสดใสกว่านี้แน่นอน
แต่ที่น่าเสียดายคือ หลายๆ เรื่องคิดน่ะคิดได้ ตอนคิดนับว่าไม่เลว
แต่เมื่อจะทำให้เป็นจริง มันช่างแสนวุ่นวายเสียเหลือเกิน
เฉ่าเฉียงไม่กลัวที่จะหลุดออกจากตำแหน่ง แต่กลัวว่าถ้ากำจัดตระกูลมังกร จะเป็นการนำผลกระทบจากพวกใครบางคน เมื่อถึงตอนนั้นต้องไม่ส่งผลดีกับเมืองชิงชวน นั่นไม่ใช่สิ่งที่พ่อเมือง ที่ให้การคุ้มครองลูกบ้านอย่างเขาอยากเห็น
เฉินอีรู้ความคิดในใจของเฉ่าเฉียงอยู่แล้ว แต่ก็อดส่ายหน้าไม่ได้
ความกล้าของคุณน้อยไปหน่อย
อีกทั้งคุณยังให้ความสำคัญกับคนที่มาจากแก๊งต่างประเทศมากจนเกินไปด้วย
ผมบอกคุณได้เลย แก๊งต่างประเทศไม่ได้แข็งแกร่งอย่างที่เห็นภายนอก แก๊งในประเทศยังเหนือกว่าแก๊งต่างประเทศ ยิ่งมีการยับยั้งนี้ ถึงคนนั้นกลับมาจากต่างแดน ก็ไม่น่าจะมีอิทธิพลอะไรมาก ถ้าคุณอยากกำจัดเนื้อร้ายก้อนนี้จริงๆ ก็ไม่จำเป็นต้องกลัวแก๊งต่างประเทศ
เฉินอีพูดรวดเดียวจนจบ จู่ๆ ทุกคนในที่นี้ถึงกับช็อก เห็นได้ชัดว่าพวกเขาไม่ได้คิดถึงเรื่องพวกนี้
เฉ่าเฉียงตาเป็นประกาย เห็นได้ชัดว่ากำลังครุ่นคิดข้อเท็จจริงของเรื่องนี้ แต่เขารู้ว่าเฉินอี คงไม่หลอกตัวเองในเรื่องนี้ งั้นแสดงว่าตัวเองระแวงสงสัยเกินเหตุจริงๆ
เหอะๆ ดูเหมือนว่าความเข้าใจในเรื่องพวกนี้ ผมยังต้องขอคำแนะนำจากคุณเฉินนะครับ
เขาอดหัวเราะอย่างฝืนๆ ไม่ได้
เฉินอีโบกมือไปมา พูดอย่างไม่ใส่ใจว่า คุณไม่จำเป็นต้องสนใจเรื่องนี้ ถ้ามีอะไรพัวพันกับในและนอกประเทศ คุณรีบมาถามผมก็พอแล้ว แต่ผมต้องการให้คุณช่วยผมเรื่องนึง
ขอบังอาจถาม เรื่องอะไรเหรอครับ
เมื่อพูดถึงหัวข้อสนทนานี้ ใจของเฉ่าเฉียงเต้นตึกตัก
แข็งแกร่งเฉกเช่นคนตรงหน้า ยังมีเรื่องอะไรให้คนอย่างเฉ่าเฉียงช่วยอีกเหรอ
เฉินอีรีบให้คำตอบอย่างรวดเร็ว
ผมต้องการงานแต่งงานหนึ่งงาน
งานแต่งงานที่ยิ่งใหญ่อย่างไม่เคยมีมาก่อน งานแต่งที่อยู่ในจุดสูงสุดของศตวรรษ งานแต่งที่อลังการอันดันต้นๆ ของโลก!
เฉินอีพูดอย่างจริงจัง
เขาไม่ได้ขาดแคลนเงิน
แต่ขาดแคลนบุคคลที่มีความเชี่ยวชาญ
ถ้าไม่มีผู้เชี่ยวชาญ งานแต่งคงไม่ได้ความ
เมื่อไม่ได้ความ จะทำให้ฉินปิงหลันพอใจได้อย่างไร นั่นเป็นผู้หญิงเพียงคนเดียวในชีวิตเขาเลยนะ
ฉินปิงหลันไม่รู้เรื่องนี้สักนิด
เธอเดี๋ยวนั่งเดี๋ยวยืน เอาแต่เดินอยู่ในห้องเบาๆ
แต่ไม่ว่าอย่างไร เธอพยายามทำให้การเคลื่อนไหวเบาที่สุด กลัวว่าจะทำให้ลูกสาวทั้งสองตกใจ
แต่ความกระวนกระวายใจ ไม่สามารถปิดบังได้เลย
เฉินอีหายไปทั้งคืนแล้ว
ไอ้หมอนี่ คงไม่ได้ไปเหมือนเจ็ดปีที่แล้วนะ
ฉินปิงหลันอดกัดริมฝีปากไม่ได้ ยากที่จะจินตนาการเรื่องนี้
ไอ้หมอนั่นสาบานแล้วแท้ๆ ว่าจะดูแลตัวเองกับลูกสาวทั้งสองเป็นอย่างดี ตอนนี้กลับจะผลักพวกเธอออกอีกแล้ว จะให้ฉินปิงหลันทำใจยอมรับยังไง
ขณะที่เธอกำลังกระวนกระวาย จนแทบจะออกไปตามหาเฉินอี ใครบางคนชนเข้ากับเธอพอดี
เป็นเฉินอี
เขามองฉินปิงหลันอย่างตกใจเล็กน้อย และพูดว่า ปิงหลัน ขอบตาคล้ำแบบนี้ อย่าบอกนะว่าไม่ได้นอนทั้งคืน
อีกทั้งสภาวะจิตใจของคุณกำลังแย่ ยังจะออกไปอีก สู้นอนพักผ่อนให้เต็มที่ดีกว่า ผมว่าฝั่งประธานวัง คงไม่น่าจะมีอะไรเร่งด่วนนะ
เขาปลอบฉินปิงหลัน แต่อีกฝ่ายกลับมองเขาด้วยดวงตาแดงก่ำ มองอยู่นาน จึงกลับไปที่ห้อง จากนั้นก็ล็อกประตูห้อง
เฉินอีสีหน้าสับสนไปหมด
ขณะนั้นไป๋หงเดินออกมา ยังคงมีสีหน้าไร้อารมณ์เหมือนเดิม
คุณฉินรอคุณมา 27 ชั่วโมงเต็มๆ
เฉินอีเข้าใจทันที
ที่แท้ขอบตาคล้ำของฉินปิงหลัน ไม่ได้อดหลับอดนอนเพราะการทำงาน แต่เป็นเพราะตัวเอง
ทันใดนั้น เฉินอีรู้สึกซาบซึ้ง และอยากกอดฉินปิงหลันให้แน่น แต่อีกฝ่ายต้องการพักผ่อน เฉินอีจึงไม่ไปรบกวนอยู่แล้ว เขาเดินขึ้นไปข้างบนอย่างเงียบๆ เพื่อพักผ่อน
แต่สิ่งที่เขาไม่รู้ ตอนนี้ฉินปิงหลันกำลังร้องไห้