ศึกเดือด มหากาฬ - บทที่ 21 ขอบคุณไอ้สารเลวนั่น
ตอนนี้ พวกของหลินเจิ้นหลงเห็นพวกของเฉินอีกำลังจับกลุ่มพูดคุยกันอยู่ ดูเหมือนกำลังวิพากษ์วิจารณ์ลูกเหล็กสองลูกนั้น ทำให้เขารู้สึกโกรธจัด
น่าสมเพชจริง ๆ !
หลินเจิ้นหลงกำหมัดแน่น
ในความเห็นของเขา หากพวกของเฉินอียอมปล่อยเขาไป เรื่องทุกอย่างก็จะจบลงด้วยดี
แต่อีกฝ่ายไม่ทำเช่นนั้น กลับวิพากษ์วิจารณ์ของเล่นที่แย่งไปจากเขา ซึ่งสายตาดูถูกเหยียดหยามนี้ ทำให้หลินเจิ้นหลงรู้สึกโมโหเป็นอย่างมาก
เจ้าสำนัก !
ผู้อาวุโสรองของตระกูลหลินเดินเข้ามาแล้วพูดด้วยหน้าตาและน้ำเสียงที่เคร่งขรึมว่า : เมื่อครู่ท่านผู้อาวุโสใหญ่ได้รับบาดเจ็บสาหัส อีกทั้งกระดูกมือของเขา ก็แทบจะแหลกละเอียดจนหมด
อะไรนะ ?
หลินเจิ้นหลงหน้าถอดสีทันที
เป็นที่รู้กันดีว่าผู้อาวุโสทั้งห้าของตระกูลหลิน ถูกจัดอันดับตามความสามารถในการต่อสู้ ตนเองนั้นอยู่ในระดับเดียวกับผู้อาวุโสรอง แต่ท่านผู้อาวุโสใหญ่มีความแข็งแกร่งมากกว่า แต่วันนี้กระดูกมือของเขากลับแหลกละเอียดเพราะชกเสือขาวเข้าไปหนึ่งหมัด
เจ้าหมอนั่นไม่ใช่ยอดฝีมือสักหน่อย แม้แต่เซียวเทียนหู่ก็ยังไม่มีความสามารถถึงขั้นนี้ด้วยซ้ำ !
หลินเจิ้นหลงพูดออกมาอย่างไม่อยากจะเชื่อ
ถึงแม้เขาจะไม่เชื่อ แต่ความจริงก็ปรากฏให้เห็นอยู่ตรงหน้า
ไม่แน่ว่าเจ้าหมอนั่นอาจเกิดมาพร้อมกับพลังเหนือธรรมชาติ อาจไม่ใช่คนที่มีกำลังภายในที่แข็งแกร่ง แต่อย่างน้อยก็เป็นหนึ่งคนที่มีพละกำลังภายนอกที่แข็งแกร่ง
สีหน้าของผู้อาวุโสรองเคร่งเครียด
ผู้อาวุโสทั้งห้าของตระกูลหลิน รวมไปถึงหลินเจิ้นหลง และหลินเจิ้นหู่ที่ตายไป ล้วนแล้วแต่มีพละกำลังภายนอกที่แข็งแกร่ง ถือเป็นยอดฝีมือที่หาได้ยากในเมืองฉือ แต่การตายและการบาดเจ็บที่เกิดขึ้นในวันนี้ ถือเป็นเรื่องที่อยู่เหนือความคาดหมาย
สีหน้าของหลินเจิ้นจงเริ่มเย็นชาขึ้น
เขาถึงขั้นรู้สึกโกรธเคืองหลินเจิ้นเป้าซึ่งเป็นน้องชายคนที่สามของตระกูล
ถ้าไม่ใช่เพราะหลินเจิ้นเป้าพาทั้งยอดฝีมือที่มีพละกำลังภายนอกที่ยอดเยี่ยม และมีกำลังภายในที่แข็งแกร่งไปมากมายขนาดนั้น ตระกูลหลินของเราจะมีสภาพอย่างที่เป็นอยู่เช่นทุกวันนี้ได้อย่างไร !
เขารู้สึกไม่พอใจอย่างยิ่ง
ถึงแม้ชาตินี้เขาจะหยิบยกชื่อของหลินเจิ้นเป้าขึ้นมากล่าวว่าเป็นนักฆ่าที่น่ากลัว แต่นี่ก็แสดงให้เห็นว่าเขาไม่มีวันเทียบชั้นกับหลินเจิ้นเป้าได้ ในฐานะที่เป็นผู้นำของตระกูลหลิน ทำให้เขายากที่จะทำใจยอมรับ
ผู้อาวุโสรองเองก็เข้าใจเรื่องนี้ดี แต่ภาพที่ปรากฏตรงหน้า ก็อดที่จะไม่ให้พวกเขาคิดมากไม่ได้
เจ้าสำนัก เรื่องนี้ต้องให้ท่านชายหลินเป็นผู้มาจัดการ พวกเราไม่สามารถเชิญคุณชายของตระกูลกวนมาได้ ไม่ต้องพูดถึงว่าอีกฝ่ายจะออกหน้าหรือไม่ ต่อให้ลงมือจริง ๆ เกรงว่าตระกูลหลินของเราจะต้องสูญเสียความไว้เนื้อเชื่อใจและโปรดปรานจาก คุณชายใหญ่ท่านนั้นด้วยสาเหตุนี้
ถึงเวลานั้น อำนาจอันยิ่งใหญ่ของเรา ก็จะต้องตกไปอยู่ในมือของท่านชายหลิน ผมเองก็คิดว่าท่านคงไม่อยากเห็นจุดจบเช่นนี้ ดังนั้นหากยังสามารถใช้ประโยชน์จากคุณชายหลินได้ ก็ควรรีบใช้ให้คุ้มค่าที่สุด
ขอเพียงได้รับการสนับสนุนจากตระกูลกวน หลินเจิ้นเป้าก็ไม่มีวันยึดอำนาจได้ ต่อให้มีความสามารถที่สูงเพียงใด ก็เป็นได้เพียงแค่ดาบคมเล่มหนึ่งที่อยู่ในมือของเจ้าสำนักเท่านั้น
ผู้อาวุโสรองกระซิบเตือน
แต่สิ่งที่เขาไม่รู้ก็คือ เป็นเพราะคำพูดนี้ของเขา ที่จะทำให้หลินเจิ้นหลงต้องนึกเสียใจอย่างยิ่งในเวลาอีกไม่นานต่อจากนี้
แต่สิ่งที่เขายิ่งไม่รู้ก็คือ ต่อให้เชิญคุณชายของตระกูลกวนผู้นั้นมา เรื่องที่เกิดขึ้นตรงหน้าก็ไม่มีทางเปลี่ยนแปลงได้
เฉินอี เขาเป็นคนที่มีความรู้สึกคับแค้นใจอยู่เสมอ เขาจึงไม่มีวันรอจนกระทั่งถึงวันถัดไปแน่นอน
เจ้ามังกร มีสื่อมากมายมาที่นี่แล้วครับ !
มังกรเขียวเดินขึ้นไปกระซิบ
เฉินอีเลิกคิ้ว
ตอนนี้เขากำลังทวงคืนความยุติธรรม ไม่ใช่ต้องการที่จะเป็นข่าว ดังนั้นเขาจึงต้องการขับไล่คนของบริษัทสื่อเหล่านั้นออกไปในทันที
แต่มังกรเขียวพูดขึ้นอีกว่า : ดูเหมือนว่าในกลุ่มสื่อเหล่านั้นจะมีคนของตระกูลหลินและบุคคลที่ทรงอำนาจอื่น ๆ ปะปนอยู่ด้วยไม่น้อยเช่นกัน
หลายปีมานี้ สิ่งชั่วร้ายที่ตระกูลหลินและตระกูลอื่น ๆ อีกหลายตระกูลทำ ก็เพื่อเป็นการล้างมลทินให้แก่ตัวพวกเขาเอง อีกทั้งยังพยายามผลักดันให้ตระกูลหลินขึ้นเป็นผู้นำของสมาคมเมืองฉือ เช่นนี้ถึงจะทำให้สมาคมเมื่อฉือ โดยเฉพาะอย่างยิ่งตระกูลหลิน อยู่ในฐานะที่แข็งแกร่งและมั่นคง
เมื่อเฉินอีได้ยิน ก็เปลี่ยนความคิดในทันที
ปล่อยให้พวกเขาเข้ามาให้หมด จากนั้นให้ไปหาตัวผู้รอดชีวิตที่ถูกหลินเทียนเชิงรวมไปถึงตระกูลหลินทำร้ายมา นี่เป็นเวลาที่พวกเขาจะได้ทวงคืนความยุติธรรมแล้ว
ไม่ช้า มีฝูงชนกรูกันเข้ามาในตำหนักมังกรหยกราวกับฝูงปลาคาร์ฟที่กำลังว่ายข้ามแม่น้ำ เมื่อเห็นเช่นนี้ พวกของหลินเจิ้นหลงต่างก็ผงะไป
คุณพ่อ !
คุณลุง !
คุณอาสาม !
เจ้าหน้าที่สื่อเหล่านี้ค่อย ๆ ก้าวเข้าไปทีละคน ๆ ทุกคนต่างแสดงสีหน้าตื่นตกใจออกมา
ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมนักข่าวจำนวนมากจากหลายสิบสำนัก สุดท้ายแล้วกลับมีเพียงแค่พวกเราที่สามารถขึ้นมาได้ เป็นเพราะผู้อาวุโสของแต่ละตระกูล ล้วนแล้วแต่อยู่ที่นี่นี่เอง
ฮ่าฮ่าฮ่า ดูเหมือนว่าแม้แต่เจ้าหน้าที่เอง ยังต้องไว้หน้าตระกูลของพวกเรา เรื่องนี้คงพอที่จะนำออกไปคุยโวได้ทั้งชาติแน่นอน !
จริงด้วย จริงด้วย แต่ว่าคุณลุงพอจะรู้ไหมครับว่า เกิดเรื่องอะไรขึ้นที่นี่กันแน่ ?
มีคนค่อย ๆ เอ่ยถามขึ้นมาทีละคน
เมื่อต้องเผชิญหน้ากับคำถามของลูกหลานในตระกูล ทุกคนที่อยู่ในสมาคมเมืองฉือต่างมีสีหน้าที่แปลกไป
พวกเขาค่อย ๆ เบนสายตาไปมองเฉินอี
หมอนี่คิดจะทำอะไรกันแน่ ?
ให้สื่อรายงานเรื่องนี้หรือ ?
แล้วทำไมถึงไม่ปล่อยให้สื่ออื่น ๆ ขึ้นมา !
เป็นไปได้ไหมว่าไอ้หมอนี่คิดที่จะทำลายพวกเราทุกคน ไม่เว้นแม้กระทั่งบรรดาลูกหลานของตระกูล ? !
มีคนคิดขึ้นมาได้เช่นนี้
หลินเจิ้นหลงเองก็มีสีหน้าเคร่งเครียด
แต่เมื่อต้องเผชิญหน้ากับหลินเทียนหรงผู้เป็นหลานสาว เขาก็ยังคงฝืนยิ้มออกมา
เทียนหรง หลานเองก็มาด้วยหรือ
หลินเทียนหรงเป็นบุตรสาวของท่านชายรองตระกูลหลิน หลินเจิ้นหู่ อายุเพียงแค่ยี่สิบห้าปีก็ได้ขึ้นเป็นนักข่าวเหรียญทองของบริษัทสื่ออันดับหนึ่งในเมืองฉี หลายมีมานี้ได้ทำประโยชน์ให้กับตระกูลหลินเอาไว้ไม่น้อย
อย่างน้อยเรื่องสกปรกที่พวกเขาทำ ก็ถูกหลินเทียนหรงอาศัยความช่วยเหลือของสื่อช่วยกลับผิดเป็นชอบ อีกทั้งยังออกแรงอย่างมหาศาลสนับสนุนตระกูลหลิน ทำให้ตระกูลหลิน โดยเฉพาะหลินเจิ้นหลง ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นคนดีอันดับหนึ่งของเมืองฉือ
ตอนนี้ใบหน้าของหลินเทียนหรงเองก็เต็มไปด้วยรอยยิ้ม เป็นเพราะเธอรู้ดีว่าเธอเอ่ยชื่อของตนเองขึ้นมาก่อน จึงทำให้องครักษ์ที่อยู่ด้านล่างเหล่านั้นยอมปล่อยพวกเขาขึ้นมา
พี่เทียนหรงยอดเยี่ยมจริง ๆ แค่เอ่ยชื่อตัวเองออกมา คนของเมืองเอกเหล่านั้นยังต้องเกรงใจ
แน่นอนอยู่แล้ว ในอนาคตพี่เทียนหรงถูกกำหนดให้แต่งงานกับตระกูลที่มั่งคั่ง แต่อิทธิพลของเธอในแวดวงสื่อนั้น ถือว่ายิ่งใหญ่จนยากจะหาใครเทียบได้
พี่เทียนหรงสุดยอดจริง ๆ !
คนอื่น ๆ ค่อย ๆ เอ่ยชมเชยหลินเทียนหรงขึ้นมาทีละคน ๆ
ทว่าตอนนี้ เธอกลับไม่มีความสุขเอาเสียเลย เธอเหลือบมองแขนของหลินเจิ้นหลงที่หัก และหันมองท่านผู้อาวุโสที่หมดสติไป จากนั้นจึงเอ่ยถามขึ้นด้วยความตกใจและโกรธแค้นในทันที : คุณลุงคะ นี่มันเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่ ทำไมทุกคนถึงได้มีสภาพเช่นนี้
จากนั้นจึงมองไปรอบ ๆ และเอ่ยถามขึ้นอีกว่า : จริงสิ คุณพ่อของหนูล่ะคะ ?
รอยยิ้มของหลินเจิ้นหลงจางหายไปในทันที
ในที่สุดผู้อาวุโสรองก็เป็นคนเอ่ยปากขึ้น
เทียนหรง พ่อของหนูเขาตายไปแล้ว
อะไรนะ ?
ดวงตาของหลินเทียนหรงเบิกโพลง และยืนนิ่งไป
ผู้อาวุโสรองพูดต่ออีกว่า : ไม่เพียงเท่านี้ ปู่สามของหลานเองก็ถูกทำร้าย ส่วนปู่สี่และปู่ห้าล้วนตายไปหมดแล้ว
เขาจ้องมองไปที่เฉินอีในทันที จากนั้นจึงกัดฟันแล้วพูดว่า : ที่ตระกูลหลินของเราตกอยู่ในสภาพเช่นนี้ ต้องขอบคุณไอ้สารเลวนั่นทั้งหมด !