ศึกเดือด มหากาฬ - บทที่ 35 จัดการทั้งตระกูหลินและตระกูลหลี่
ฉินปิงหลัน แกอธิบายมาเดี๋ยวนี้ว่าผู้ชายคนนี้เป็นใครมาจากไหนกันแน่
สายตาของท่านย่าจับจ้องไปที่ฉินปิงหลัน
เธอแสดงออกอย่างชัดเจนว่าต้องการให้ฉินปิงหลันปฏิเสธความสัมพันธ์กันเฉินอี มีเพียงวิธีนี้ที่จะขับไล่พวกของเฉินอีออกไปได้
แววตาของเฉินอีเปลี่ยนไปเล็กน้อย
ท่านย่าผู้นี้เหลี่ยมจัดยิ่งนัก จู่ ๆ ก็ผลักภาระไปให้กับฉินปิงหลัน
เธอกำลังใช้อำนาจในการกดขี่หลินปิงหลัน เฉินอีไม่อาจทนดูได้อีก เขากำลังจะเอ่ยปากพูดแต่กลับถูกฉินปิงหลันห้ามเอาไว้
ฉัน ฉันพูดเอง
สติสัมปชัญญะของฉินปิงหลันดูเลื่อนลอยอย่างเห็นได้ชัด
หลายวันมานี้มีเรื่องเกิดขึ้นมากมาย จนทำให้ฉินปิงหลันรู้สึกไร้ซึ่งเรี่ยวแรง
คุณไม่ต้องพูดอะไรแล้ว ผมจะพาคุณไปพักผ่อนเดี๋ยวนี้
เฉินอีรีบพูดขึ้น เขาไม่สนใจคนตระกูลฉินพวกนี้อีก และรีบพาฉินปิงหลันพร้อมด้วยโต๋วโต๋วกับโน่วโน่วเดินออกไปทันที
แกหยุดเดี๋ยวนี้นะ !
เมื่อท่านย่าเห็นคำถามของตนเองถูกมองข้าม เธอก็ไม่อาจทนได้ จึงคิดที่จะเดินเข้าไปต่อว่า แต่กลับถูกมังกรเขียวเข้ามาขวางเอาไว้
เจ้าสำนัก ร่างกายของนายหญิงกำลังอ่อนแอ มีอะไรค่อยไปคุยกันที่ตึกจิ่งช่างเถอะครับ !
เมื่อมีเขาคอยขวางทางเอาไว้ พร้อมด้วยองครักษ์มังกรอีกกว่าสิบคนที่ยืนล้อมเอาไว้ ทำให้ท่านย่ารู้สึกโมโหเป็นอย่างมาก แต่ก็ไม่อาจยื่นมือเข้าไปขวางได้อีก แต่เมื่อพวกของมังกรเขียวจากไปแล้ว ความโกรธของเธอก็พุ่งทะยานขึ้นจนถึงขีดสุด
สวะ เจ้าพวกสวะ !
พวกแกได้แต่ยืนดูพวกสวะสิบกว่าคนพวกนั้นโดยไม่คิดจะทำอะไรเลยหรืออย่างไร ? พวกแกไม่คิดจะรักษาหน้าของตระกูลฉินเอาไว้บ้างเลยหรือ !
ท่าย่าโกรธจัด
ฉินหวยจือรีบเดินเข้าไปหา แล้วพูดเบา ๆ ว่า : คุณย่าครับ ในมือของพวกเขามีอาวุธ หากต่อสู้ขึ้นมาจริง ๆ พวกเราจะเสียเปรียบนะครับ นี่เรียกว่าวีรบุรุษรอแก้แค้นอีกสิบปีก็ยังไม่สาย
สิบปีก็ยังไม่สายอย่างนั้นหรือ ? แล้วงานเลี้ยงคืนนี้แกจะเอาอะไรไปแลกเปลี่ยนกับคุณชายหลี่เจ๋อ แกจะไปแปลงเพศแล้วใช้ตัวเองเป็นข้อแลกเปลี่ยนไหมล่ะ ?
ท่านย่าฟาดไม้เท้าลงไปบนตัวของฉินหวยจือ ฉินหวยจือที่เดิมได้รับบาดเจ็บอยู่แล้ว ตอนนี้ก็ร้องคร่ำครวญออกมาด้วยความเจ็บปวด
ตอนนี้เอง พ่อของฉินหวยจือ ฉินต้าซานเดินออกมา
แม่ครับ อย่าโมโหไปเลยครับ ฉินปิงหลันไม่มีทางหนีรอดเงื้อมมือของพวกเราไปได้หรอกครับ
เมื่อครู่สิ่งที่หวยจือพูดมาก็ถูก ถ้าหากพวกเราต่อสู้กับคนพวกนี้จริง ๆ ก็มีแต่จะเสียเปรียบ แต่ตอนนี้ไม่เหมือนกัน ขอเพียงแค่พวกเราไปแจ้งความ จะต้องมีเจ้าหน้าที่ของกรมอนามัยและความปลอดภัยไปจับคนพวกนี้อย่างแน่นอน ถึงตอนนั้นฉินปิงหลันก็ต้องยอมเชื่อฟังพวกเราแต่โดยดี
จริงด้วย พ่อพูดถูก เพียงแค่นำเรื่องนี้ไปแจ้งต่อกรมอนามัยและความปลอดภัย พวกสวะพวกนั้นจะต้องยอมเชื่อฟังอย่างแน่นอน ถึงตอนนั้นหากพวกเราคิดจะจับฉินปิงหลันก็ไม่ใช่เรื่องยาก
ฉินหวยจือรีบพูดขึ้น
เขารู้สึกว่าของตนเองนั้นฉลาดจริง ๆ พูดเพียงไม่กี่คำก็สามารถพลิกสถานการณ์เลวร้ายได้แล้ว
เมื่อท่านย่าฉินได้ยินดังนี้ ก็ระงับความโกรธลงไปไม่น้อย แต่ก็ยังไม่ลืมที่จะพูดกำชับอีกว่า : พวกแกจำเอาไว้ให้ดี ไม่ว่าอย่างไร คืนนี้จะต้องพาฉินปิงหลันมาปรากฏตัวในงานเลี้ยงให้ได้ หลังจากนั้นก็ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของคุณชายหลี่เจ๋อ อย่างไรเสียหากนำไปส่งถึงที่แล้ว ก็คงไม่มีทางหนีรอดออกมาได้อีก
แต่พวกแกจะต้องสั่งสอนบทเรียนกับพวกสวะพวกนั้นสักหน่อย ไม่รู้ว่าพวกสวะพวกนี้มีหัวนอนปลายเท้ามาจากไหน ถึงได้กล้าล่วงเกินตระกูลฉินของเราเช่นนี้ ช่างน่าโมโหจริง ๆ
ครับ ผมจะทำตามคำสั่งของแม่ครับ
เมื่อหลินต้าซานได้รับการอนุญาตจากท่านย่า เขาก็รู้สึกโล่งใจไม่น้อย จากนั้นเขาก็เหลือบไปมองพวกของฉินต้าไห่ที่ยืนอยู่ข้าง ๆ
พี่ใหญ่ ดูลูกสาวสุดที่รักของพี่สิ ตอนนั้นก็ทำเรื่องงามหน้า แล้วตอนนี้ยังจะหาผู้ชายที่ไม่มีหัวนอนปลายเท้าเข้ามาอีก มิหนำซ้ำยังโกหกพวกเราอีกว่าเป็นพ่อแท้ ๆ ของยัยลูกผสมสองคนนั่น เรื่องนี้พวกพี่ควรจะแสดงความรับผิดชอบนะ
มิเช่นนั้นต่อให้เรานำตัวฉินปิงหลันมาได้ พวกพี่ก็อย่าคิดว่าจะได้เหยียบเข้าไปในบริษัทแม้เพียงก้าวเดียว เข้าใจไหม ?
เข้าใจแล้ว น้องรองวางใจเถอะ พวกเราจะทำให้เด็กนั่นยอมเชื่อฟังเราให้ได้ และยอมไปปรนนิบัติคุณชายหลี่เจ๋ออย่างดี
หลิวหลันเป็นหัวหน้าของครอบครัวใหญ่ แน่นอนว่าเธอจึงเป็นคนพูดออกมา
ฉินต้าไห่แสดงสีหน้าเหลืออด แต่เมื่อเห็นลูกชายของตนเอง ก็ทำได้เพียงแค่ถอนหายใจออกมาอย่างจนใจ
เพื่ออนาคตของตระกูลเรา ปิงหลัน จะต้องยอมเสียสละตัวเธอแล้วล่ะ
……
ตึกจิ่งช่างชั้น 26
ที่นี่ไม่เหมือนกับอีกยี่สิบกว่าชั้นด้านล่าง มีเพียงแค่ห้องชุดที่กว้างขวางห้องเดียวเท่านั้น
เฉินอียืนอยู่ข้างหน้าต่างที่สูงจากพื้นจรดเพดาน และสูบบุหรี่อย่างเงียบ ๆ
มังกรเขียวเดินเข้ามา
อาการของปิงหลันเป็นอย่างไรบ้าง ? เฉินอีเอ่ยถามโดยไม่หันไปมอง
มังกรเขียวโค้งคำนับแล้วตอบว่า : ร่างกายของนายหญิงไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงครับ เหตุผลหลักเป็นเพราะหลายวันมานี้นายหญิงรู้สึกอ่อนแรง ทำให้ร่างกายต้องการการพักฟื้นครับ
อืม หลังจากนี้ก็ให้ปิงหลินพักผ่อนให้เต็มที่นะ แล้วก็ไปเรียกวังจ่างหลินเข้ามาหน่อย
ครับ
เฉินอีนั่งลงบนโซฟาหลังใหญ่ เขาจ้องมองหน้าจอโทรทัศน์ขนาดใหญ่ที่อยู่ตรงหน้าเขาอย่างเงียบ ๆ
บนหน้าจอกำลังนำเสนอข่าวเกี่ยวกับตระกูลหลิน แต่สิ่งที่ทำให้เฉินอีรู้สึกหงุดหงิดมากที่สุดกลับเป็นคำว่า
ตระกูลหลี่ !
วังจ่างหลินเห็นเข้าพอดี เขารู้สึกใจเต้นระส่ำ และรีบคุกเข่าลงทันที
เถ้าแก่ ผมผิดเองครับ ผมไม่สามารถควบรวมตระกูลหลินเอาไว้ได้ทันท่วงที ทำให้ตระกูลหลี่สามารถฉวยโอกาสครั้งนี้ไปได้ เป็นความผิดของผมเอง ขอให้เถ้าแก่ลงโทษผมด้วยเถอะครับ
เขาไม่ได้เรียกเฉินอีว่าคุณหลินหรือเจ้ามังกร แต่กลับเรียกว่าเถ้าแก่ นั่งเพราะวังจ่างหลินรู้เรื่องที่เฉินอีจะก่อตั้งกองทุนมูลนิธิ และมีโอกาสเป็นไปได้อย่างมากที่เขาจะเปิดโอกาสวังซื่อกรุ๊ปได้เข้าไปมีส่วนร่วมในกองทุนมูลนิธิ ดังนั้นในอนาคตเฉินอีก็จะเป็นเถ้าแก่ของเขา
เฉินอีนิ่งเงียบ แล้วมองดูวังจ่างหลินที่กำลังอยู่ในอาการตื่นตกใจ
ภาพที่ชายผู้นี้ปฏิบัติต่อตระกูลหลินก่อนหน้านี้ วังจ่างหลินยังคงจำได้ขึ้นใจ ครั้งนี้เขาไม่อาจทำเรื่องให้สำเร็จลุล่วงไปด้วยดีได้ เกรงว่าเถ้าแก่คงจะต้องลงโทษเขาอย่างหนักแน่นอน
ฟิ้ว !
เฉินอีสูบบุหรี่มวนสุดท้ายหมด และในที่สุดเขาก็เบนสายตาจากหน้าจอโทรทัศน์ไปยังวังจ่างหลิน
ไม่ต้องโทษตัวเองหรอก เมื่อกี้ฉันก็เพิ่งได้ทำความเข้าใจเรื่องบางอย่าง เบื้องหลังของตระกูลหลี่ตระกูลนี้ มีตระกูลใหญ่คอยหนุนหลังอยู่ นั่นก็คือตระกูลมังกรที่เฉ่าเฉียงเคยพูดถึงเมื่อก่อนหน้านี้ใช่ไหม
ใช่ครับ วังจ่างหลินพยักหน้า
เฉินอีพยักหน้าเล็กน้อย
หากเป็นเช่นนี้หมายความว่า ในเมืองฉือที่ยิ่งใหญ่นี้ หากไม่มีตระกูลที่มั่งคั่งสักสองสามตระกูลและไม่มีคนคอยหนุนหลัง หรือมีแค่อย่างใดอย่างหนึ่ง ก็ไม่มีทางแข่งขันกับตระกูลหลี่ได้
แต่ตอนนี้นายมีฉันคอยหนุนหลังอยู่ ดังนั้นรีบลงมือซะ ที่สำคัญที่สุดก็คือ ฉันไม่ได้ต้องการเพียงแค่ธุรกิจของตระกูลหลินเท่านั้น แต่ฉันต้องการของตระกูลหลี่ด้วย เข้าใจที่พูดไหม ?
เข้าใจครับ เข้าใจครับ !
วังจ่างหลินรีบพยักหน้าทันที
ในใจของเขารู้สึกขมขื่นไม่น้อย
เพียงแค่ควบรวมตระกูลหลินเพียงอย่างเดียว วังซื่อกรุ๊ปของเขาก็ยังไม่สามารถทำได้ แล้วนี่ยังเพิ่มตระกูลหลี่เข้ามาอีก อีกทั้งตอนนี้ยังมีตระกูลมังกรคอยหนุนหลังอยู่เช่นนี้ และยังเป็นตระกูลมั่งคั่งอันดับหนึ่งตระกูลใหม่ของเมืองฉืออีก ความยากนี้ดูเหมือนจะเพิ่มขึ้นหลายเท่าตัว
วางใจเถอะ ฉันจะให้มังกรเขียวช่วยนายเอง เขามีเส้นสายอยู่ในมือ น่าจะพอช่วยนายควบรวมตระกูลหลินและตระกูลลหลี่ได้
คำพูดของเฉินอีเป็นเหมือนน้ำทิพย์ชโลมใจให้วังจ่างหลิน
สุดท้าย เฉินอีเอ่ยถามวังจังหลินสองสามเรื่อง จากนั้นจึงปล่อยให้เขากลับไป