ศึกเดือด มหากาฬ - บทที่ 36 การตัดสินใจของวังจ่างหลิน
เมื่อวังจ่างหลินกลับถึงบ้าน ก็มีหนุ่มสาวสองคนเดินเข้ามาต้อนรับ
พ่อครับ พ่อไปไหนมาหรือครับ ? วันนี้ช่วงบ่ายมีประชุมผู้บริหาร ทำไมจู่ ๆ พ่อถึงออกไปล่ะครับ ?
ลูกชายคนโตวังสิ้ง พูดขึ้นด้วยความกังวล
เมื่อครึ่งชั่วโมงก่อน เขาได้รับโทรศัพท์หนึ่งสาย บอกว่าวังจ่างหลินทิ้งบรรดาผู้บริหารเอาไว้โดยไม่สนใจไยดี แล้วรีบตรงออกจากตึกบริษัทไปด้วยท่าทีแตกตื่น ในฐานะที่เขาเป็นลูกชายคนโต จึงรู้สึกเป็นกังวลกับเรื่องนี้มาก
วังหลินฮุ่ยผู้เป็นลูกสาวก็เช่นกัน
พ่อครับ ดูเหมือนหลายวันมานี้อารมณ์ของพ่อไม่ค่อยปกตินะครับ ตั้งแต่ตระกูลหลินล่มสลาย พ่อกลับไม่แสดงทีท่าดีใจออกมา แต่กลับมีท่าทีเป็นกังวลอยู่ตลอดเวลา นี่มันเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่ครับ ? หรือเป็นเพราะตระกูลหลี่ ?
ก่อนหน้านี้พวกเขาถูกวังจ่างหลินส่งไปอยู่ที่อื่น เพราะกลัวว่าจะถูกตระกูลหลินคิดบัญชี แต่ตอนนี้เมื่อได้ยินข่าวการล่มสลายของตระกูลหลิน ทำให้พวกเขาตื่นเต้นดีใจเป็นอย่างมาก
แต่วังจ่างหลินผู้ซึ่งเป็นนักธุรกิจที่คอยต่อสู้กับตระกูลหลินมาโดยตลอด ช่วงนี้กับดูเลื่อนลอย น่าจะเป็นผลมาจากตำแหน่งที่คิดจะเข้าไปแทนที่ตระกูลหลิน แต่กลับถูกตระกูลหลี่แย่งชิงไป เพราะพวกเขาเองก็คิดหาเหตุผลก็อื่นไม่ออก
เฮ้อ เป็นเพราะตระกูลหลี่จริง ๆ
วังจ่างหลินยอมรับความจริง
วังสิ้งเลิกคิ้ว แล้วพูดว่า : พ่อครับ ตอนนี้ตระกูลหลี่กำลังเรืองอำนาจ เผลอๆ อาจยิ่งใหญ่กว่าตระกูลหลินในยุ่งที่รุ่งเรืองเสียอีก พวกเราเผชิญหน้ากับพวกเขาโดยตรงจะเป็นการดีที่สุดนะครับ
แกกำลังล้อเล่นอะไรอยู่ หากพ่อไม่ต่อสู้กับตระกูลหลี่ อีกไม่กี่วันอาจจะมีตระกูลซุน ตระกูลจ้าวโผล่ออกมาแย่งชิงตำแหน่งของเราอีกก็เป็นได้
วังจ่างหลินส่ายหัวด้วยความกลัดกลุ้ม พวกแกไม่รู้หรอกว่าการที่ตระกูลหลินล่มสลายหมายความถึงสิ่งใด นั่นมันหมายถึงว่าฐานอำนาจในเมืองฉือ รวมไปถึงทั้งเมืองชิงชวนอันกว้างใหญ่ มีการล้างไพ่ เริ่มต้นนับหนึ่งใหม่ทั้งหมด หากพวกเราไม่ต่อสู้แข่งขัน เกรงว่าวังซื่อกรุ๊ปก็อาจจะต้องสิ้นชื่อไปพร้อมกับประวัติศาสตร์หน้าเก่าด้วยก็ได้
นี่มันหมายความว่าอย่างไร ? หรือจะบอกว่าการล่มสลายของตระกูลหลิน เมื่อเบื้องหลังอย่างอื่นซ่อนอยู่ ?
วังสิ้งเป็นคนฉลาด เขาจึงคาดเดาความหมายบางอย่างจากคำพูดของพ่อได้
พ่อคะ หรือว่าเมื่อครู่คนที่เรียกพ่อไปไม่ใช่ตระกูลหลี่ ?
วังหลินฮุ่ยผงะไป
วังจ่างหลินพยักหน้าเล็กน้อย แล้วพูดต่อว่า : เมื่อครู่คนที่เรียกพ่อไปคือผู้ทรงอิทธิพลแซ่เฉิน อีกทั้งยังถือว่าเป็นเถ้าแก่ของพ่ออีกด้วย
อะไรนะ !
คำพูดนี้ทำให้สองพี่น้องวังซื่อกรุ๊ปรู้สึกตกใจอย่างมาก
ถึงแม้ตระกูลหลินจะล่มสลายและมีตระกูลหลี่เข้ามาแทนที่ แต่วังซื่อกรุ๊ปก็ยังเป็นยักษ์ใหญ่ในเมืองฉืออยู่ จะมีใครกล้ามาดูถูกกัน
แต่ตอนนี้วังจ่างหลินกลับพูดถึงคนที่อยู่เบื้องหลัง มิหนำซ้ำยังเป็นเถ้าแก่ของพ่อพวกเขาอีก นี่เป็นเรื่องที่ยากเกินจะจินตนาการได้
คุณชายแซ่เฉินท่านนี้ คือแกนนำที่โค่นล้มตระกูลหลินหรือครับ ?
จะว่าใช่ก็ใช่ จะว่าไม่ใช่ก็ไม่ใช่
วังจ่างหลินตอบ คุณเฉินคนนั้นเป็นคนทำลายตระกูลหลินให้ล่มสลายจริง แต่ในสายตาของเขา ตระกูลหลินก็เป็นเพียงแค่มดตัวเล็ก ๆ ตัวหนึ่งที่ไม่มีความสำคัญอะไร วังซื่อกรุ๊ปของพวกเราและตระกูลหลี่ก็เช่นเดียวกัน
ก่อนหน้านี้เถ้าแก่เคยเรียกหาพ่อ เขาต้องการให้พ่อควบรวมธุรกิจของตระกูลหลิน เพื่อเป็นการปูทางในเมืองฉือ รวมไปถึงทั้งเมืองชิงชวนให้กับเขา แต่ตระกูลหลี่กลับล่องไวกว่า ส่วนพ่อกลับตอบสนองได้ไม่ทันเวลา
เมื่อครู่ที่เถ้าแก่เรียกหาพ่อก็ด้วยเรื่องนี้ เขาต้องการควบรวมตระกูลหลินตระกูลหลี่ให้หมดโดยเร็วที่สุด
……
พี่น้องวังซื่อกรุ๊ปทั้งสองคนหันมองหน้ากัน ต่างคนต่างก็เข้าใจความหมายในสายตาของอีกฝ่าย
บ้าไปแล้ว นี่มันบ้าไปแล้วจริง ๆ !
เป็นที่รู้กันดีว่าตระกูลหลี่ในอดีต ถือเป็นคู่แข่งตัวฉกาจที่วังซื่อกรุ๊ปต้องคอยระมัดระวัง ยังไม่ต้องพูดถึงตระกูลหลี่ที่ควบรวมตระกูลหลินไปแล้วมากกว่าครึ่ง เมื่อเทียบกับตระกูลหลินในยุคที่เรืองอำนาจแล้ว ถือว่าแข็งแกร่งกว่าหลายเท่านัก
หากคิดที่จะกลืนกินยักษ์ใหญ่เช่นนี้ ก็คงไม่ต่างจากเสือดาวที่อยากจะกลืนกินเสือโคร่ง ท้ายที่สุดแล้วคนที่จะต้องตายก็คือเสือดาว !
พ่อคะ เรื่องนี้พวกเราจะเข้าไปยุ่งเกี่ยวไม่ได้เด็ดขาดนะคะ อย่างมากพวกเราก็แค่วางมือ แล้วให้พวกเขาหาตระกูลอื่นมาทำแทน !
วังหลินฮุ่ยเอ่ยปากขึ้นมาก่อน
วังสิ้งเองก็เห็นด้วยกับคำพูดของเธอ
จริงด้วยครับ ตอนนี้ตระกูลหลี่ยิ่งใหญ่ไม่เป็นสองรองใคร ถ้าหากต่อสู้กับเขา มีแต่จะทำให้วังซื่อกรุ๊ปของเราต้องถูกกลืนกินเสียเอง
ไม่สู้ยืนนิ่ง ๆ อยู่ตรงกลาง อย่างไรเสียธุรกิจของวังซื่อกรุ๊ปเราก็ยิ่งใหญ่มากพอแล้ว ไม่จำเป็นต้องพัฒนาอะไรอีก
คำพูดเหล่านี้ช่างขัดต่อเจตนารมณ์ของเขา ไม่มีคนที่เฉลียวฉลาดคนไหนยอมเต็มใจที่จะหยุดนิ่งไม่ก้าวไปข้างหน้า
แต่ตระกูลหลี่เป็นเหมือนแม่น้ำสายใหญ่ หากคิดจะก้าวข้ามไป อาจจะถูกกลืนกินจนไม่เหลือซากก็ได้
ก่อนหน้าวังจ่างหลินเองก็มีความคิดเช่นนี้ แต่เมื่อผ่านเรื่องของเฉินอีมา ความคิดของเขาก็เปลี่ยนไป
พ่อจะพูดให้ชัดเจนละกันนะถ้าหากพวกเราหยุดนิ่งไม่ก้าวไปข้างหน้า ต่อไปวังซื่อกรุ๊ปก็จะถูกโค่นล้มลงอย่างแน่นอน อีกทั้งจะถูกกลืนกินไปตามกระแส และสูญหายไปอย่างสิ้นเชิง เพราะคนผู้นั้นมีความคิดที่ยิ่งใหญ่ ตระกูลหลี่เป็นเพียงแค่จุดเริ่มต้นเล็ก ๆ เท่านั้น เป้าหมายของเขาจริง ๆ ไม่สิ ต้องพูดว่าเป้าหมายที่สองของเขาก็คือตระกูลมังกร ตระกูลมังกรแห่งเมืองเอก !
ฟิ้ว !
สองพี่น้องวังซื่อกรุ๊ปอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจออกมาด้วยความกลัว
คนแซ่เฉินผู้นี้เป็นเทพเจ้ามาจาไหนกันแน่ ลำพังตระกูลหลี่ก็เป็นเป้าหมายที่ยากพอแล้ว แต่นี่เขากลับต้องการทำลายตระกูลมังกรที่อยู่เบื้องหลังตระกูลหลี่ ซึ่งตระกูลมังกรนี้ถือเป็นตระกูลที่ยิ่งใหญ่เป็นอันดับหนึ่งในเมืองชิงชวน !
คนคนนี้จะต้องเสียสติไปแล้วแน่ ๆ หากเดินตามหลังคนเสียสติเช่นนี้ อนาคตของเราคงไม่มีทางรุ่งโรจน์อย่างแน่นอน พ่อครับ หรือว่าพวกเราจะออกจากเมืองฉือ ไปเติบโตที่เมืองอื่นดีครับ
วังสิ้งกัดฟันพูดคำพูดนี้ออกมา
วังจ่างหลินนิ่งเงียบไป
เขาไม่รู้ว่าเฉินอีไปเอาความมั่นใจมาจากไหน
ถึงแม้ว่าเขาจะสามารถเชื้อเชิญผู้นำสูงสุดของทหารในภาคตะวันออกเฉียงใต้อย่างโฮ่ต้าวฝู่แห่งตระกูลโฮ่ได้ แต่ที่โฮ่ต้าวฝู่มีอำนาจยิ่งใหญ่ นั่นก็อาจเป็นเพราะนิสัยที่ตรงไปตรงมาของตัวเขาเอง
นอกเสียจากว่าเขาจะทำให้โฮ่ต้าวฝู่ยอมก้มหัวสิโรราบได้ มิเช่นนั้นวังจ่างหลินคงจะต้องกังวลใจเป็นอย่างมากจริง ๆ
จะต้องเปลี่ยนขั้วอำนาจ !
เขาถอนหายใจยาวออกมา และในที่สุดก็ตัดสินใจทำในเรื่องที่สองพี่น้องวังซื่อกรุ๊ปจะต้องรู้สึกตกใจ
ส่งข่าวออกไป พวกเราจะมีการแข่งขันแผนฟื้นฟูหมู่บ้านจงชุน !
เฉินอีพลิกตัว แล้วหันมองฉินปิงหลินสามแม่ลูกนอนอยู่บนเตียงในท่าทีดูคุ้นเคย ด้วยแววตาที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความสุข
หลายปีมานี้เขาวาดฝันเอาไว้มากมาย แต่ก็ไม่มีอะไรจะมีความสุขเท่ากับภาพที่ปรากฏอยู่ตรงหน้านี้อีกแล้ว
วางใจเถอะ ตระกูลฉินจะต้องชดใช้ในสิ่งที่พวกเขาทำลงไป
ยังมีหลี่เจ๋ออีกคน เหอะ ๆ คิดอยากจะกอดภรรยาของฉัน ได้ แต่ขอดูหน่อยซิว่าหมอนี่จะมีความสามารถสักแต่ไหนกัน
เขาค่อย ๆ ปิดประตูอย่างเบามือ แล้วเดินขึ้นชั้นบนไป
เจ้ามังกร
มังกรเขียวรออยู่ที่นี่มาสักพักหนึ่งแล้ว เมื่อเขาไม่เห็นความกังวลใด ๆ เขาก็รู้สึกตื่นเต้นขึ้นมา
ในบรรดาราชาทั้งสี่ มีเพียงเขาคนเดียวเท่านั้นที่ได้อยู่รับใช้เจ้ามังกร สิ่งนี้ทำให้เขารู้สึกตื่นเต้นยิ่งกว่าการต่อสู้หรือประสบความสำเร็จในหน้าที่การงานเสียอีก
คิดว่าเจ้าเสือขาวคงจะต้องรู้สึกอิจฉาน่าดู ฮ่าฮ่า
อย่ายิ้มเจ้าเล่ห์แบบนั้นสิ
เฉินอีเหลือบมอง เขาคาดเดาความคิดของเจ้าหมอนี่ออก อีกอย่างฉันมีครอบครัวแล้วนะ และที่สำคัญฉันไม่ได้ชอบไม้ป่าเดียวกันด้วย
ผม……
หน้าผากของมังกรเขียวปูดโปนไปด้วยเส้นเลือด แต่เขาก็ยังรีบพูดขึ้นมาว่า : เจ้ามังกร เมื่อครู่ผมเพิ่งได้รับข่าวมาว่า วังซื่อกรุ๊ปเตรียมที่จะแข่งขันแผนฟื้นฟูหมู่บ้างจงชุนครับ
อะไรนะ ? แล้วมีปัญหาอะไร ?
เฉินตงผงะไปอย่างไม่รู้สาเหตุ