ศึกเดือด มหากาฬ - บทที่ 44 หลินหลันจอมปากร้าย
กลางดึก ฉินปิงหลันตื่นขึ้นมากะทันหัน
เธอมองไปรอบๆ ด้วยความตกตะลึง
ถึงแม้จะไม่รู้ว่าอยู่ที่ไหน แต่มองจากขนาดของห้องนี้ก็พอจะเดาได้คร่าวๆ
น่าจะเป็นห้องในตึกจิ่งช่าง แต่ฉันมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง?
ตึกจิ่งช่างนี้ ราคาเริ่มต้นห้องละสี่ห้าร้อยล้านหยวน แต่นี่เป็นแค่ราคาห้องของชั้นยี่สิบห้าลงไปเป็นต้นไป
ว่ากันว่าตึกจิ่งช่างมีชื่อเสียงที่สุด คือชั้นยี่สิบห้า ชั้นยี่สิบหก เลือกมาสักชั้นก็ราคาสองถึงสามสิบล้านแล้ว
เธอเดินลงจากเตียง อยากจะเปิดหน้าต่างเพื่อให้อากาศปลอดโปร่ง ทันใดนั้นเองประตูก็เปิดออก หัวเล็กๆของโต๋วโต๋วยื่นเข้ามา
คุณแม่ คุณแม่ตื่นแล้ว!
โต๋วโต๋วเห็นฉินปิงหลันตื่นแล้ว แน่นอนว่าดีใจมาก
ฉินปิงหลันเองก็ไม่ทันได้มองด้านนอก เดินไปตรงหน้าโต๋วโต๋ว มองอย่างพิจารณาหนึ่งรอบ
โต๋วโต๋ว ลูกรู้สึกไม่สบายตรงไหนไหมคะ?
ฉินปิงหลันถามด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
เธอกังวลว่าเรื่องของตระกูลฉินที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ จะส่งผลกระทบต่อโต๋วโต๋ว
ไม่ค่ะ คุณพ่อบอกแค่ว่าขอเพียงพวกเราทั้งครอบครัวอยู่ที่นี่ก็จะไม่เป็นอันตราย แต่ว่าพวกคุณตาคุณยาย……
เสียงของโต๋วโต๋วยิ่งอยู่ก็ยิ่งเบาลง
ฉินปิงหลันเงียบไปครู่หนึ่ง
การที่พ่อแม่ทำแบบนี้กับพวกเธอสามคนแม่ลูก ก็เป็นสิ่งที่ฉินปิงหลันคิดไม่ถึง รู้สึกปวดใจอย่างมาก
แต่ก็ทิ้งเรื่องพวกนี้เอาไว้ พูดเสียงเรียบ:พาคุณแม่ไปหาน้อง
ได้ค่ะ!
มือเล็กๆของโต๋วโต๋วจูงมือฉินปิงหลันเอาไว้ เดินไปที่ห้องนั่งเล่นอย่างรวดเร็ว ครั้งนี้ฉินปิงหลันตกตะลึง
นี่มัน!
เธอมองดูรอบๆ นี่มันร้อยกว่าตารางวาเลยชัดๆ หมายความว่านี่ต้องเป็นชั้นที่ยี่สิบห้าของตึกจิ่งช่างแน่นอน มองขึ้นไปข้างบน มีลิฟต์ที่เชื่อมติดกับชั้นที่ยี่สิบหกด้วยเนี่ยนะ
เวลานี้หัวใจของฉินปิงหลันกระวนกระวาย นี่มันเรื่องอะไรกันแน่?
ความทรงจำครั้งสุดท้ายของเธอหยุดอยู่ที่บ้านตระกูลฉิน หลังจากนั้นก็หมดสติไปแล้ว
คุณพ่อเป็นคนอุ้มคุณแม่กลับมาค่ะ
ปากเล็กๆของโต๋วโต๋ว พูดด้วยรอยยิ้ม
ฉินปิงหลันเลิกคิ้วขึ้น ไม่แสดงสีหน้าใดๆ
เวลานี้มังกรเขียวเดินมา พูดด้วยความเคารพ:นายหญิง เจ้ามังกรกำลังกล่องนายน้อยโนว่โน่วชั้นบน เจ้ามังกรสั่งผมแล้วว่าถ้านายหญิงตื่นแล้วให้ขึ้นไปได้
เดี๋ยวก่อน
ฉินปิงหลันถามด้วยความเคร่งขรึม:บ้านหลังนี้ เฉินอีเป็นคนซื้อเหรอ?
มังกรเขียวคลายยิ้มบางๆ พูด:เรื่องนี้นายหญิงไปถามเจ้ามังกรน้อยด้วยตนเองดีกว่าครับ
ฉินปิงหลันโมโหขึ้นมาทันที
คนพวกนี้คนหนึ่งชอบแกล้งปั่นหัวมากกว่าอีกคนหนึ่ง ถ้าไม่ใช่เพราะโนว่โน่วอยู่ชั้นบนเธอจะไปให้รู้แล้วรู้รอด
เวลานี้เฉินอีกกำลังแกล้งโนว่โน่ว ได้อยู่กับลูกสาวคนเล็กไม่เท่าลูกสาวคนโต ดังนั้นเฉินอีจึงสละเวลาบางส่วนของตนออกมาเพื่อทำหน้าที่พ่อ
คุณพ่อ คุณแม่มาแล้วค่ะ!
จู่ๆโนว่โน่วก็ร้องตะโกนเสียงดัง เฉินอีได้ยินก็รีบหันไปมอง
สิ่งที่สะท้อนในสายตาคือร่างที่อิดโรย ทว่าคงความใจกว้าง เป็นคนที่สวยสะกดสายตา ซึ่งคนๆนั้นก็คือฉินปิงหลัน
ปิงหลัน คุณฟื้นแล้ว
โนว่โน่ว มานี่ค่ะ
ฉินปิงหลันไม่ได้สนใจเฉินอี บอกกับโนว่โน่ว
แต่สิ่งที่เหนือความคาดหมายคือ โนว่โน่วกอดขาของเฉินอีกแน่น ไม่ฟังสิ่งที่เธอพูด
โนว่โน่ว!
ฉินปิงหลันปรับเสียงให้ดังขึ้น แต่โนว่โน่วยังคงไม่ฟัง แม้แต่โต๋วโต๋วก็วิ่งแจ้นไปหาเฉินอี เด็กน้อยกอดขาเขาเอาไว้ ด้วยความอบอุ่นอย่างมาก
ฉินปิงหลันเห็นภาพนี้แล้วนิ่งค้าง จากนั้นรู้สึกแสบจมูกเหมือนน้ำตาจะไหลลงมา
ตลอดหลายปีที่ผ่านมานี้ เธอเลี้ยงดูลูกสาวทั้งสองคนด้วยความยากลำบากตามลำพัง ถ้าจะบอกว่าไม่ลำบากไม่เหนื่อยนั่นไม่จริง เธอเองก็อยากมีที่พึ่งพิง แต่ไม่เคยคิดว่าจะเป็นเฉินอี
เพราะถึงอย่างไรเธอกับเฉินอีในตอนนั้น เป็นความสัมพันธ์ระหว่างผู้ถูกกระทำกับผู้กระทำ
บอกมาสิคะ ตอนนั้นเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่?
ฉินปิงหลันพูดเสียงเรียบ
เธอยังคงอยากจะให้โอกาสเฉินอี
เห็นแบบนี้ เฉินอีเองก็รู้สึกดีใจอย่างมาก รีบสงบสติ เล่าเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นให้ฟังอย่างละเอียด ตั้งแต่ปัญหาภายในตระกูลเฉิน ไปจนถึงก่อนที่จะไปสำนักมังกรลับ
ฉินปิงหลันเป็นผู้หญิง แน่นอนว่าอ่อนไหว หลังจากที่เธอได้ฟังก็สูดลมหายใจเข้าเฮือกใหญ่
พูดแบบนี้ ตอนนั้นคุณเองก็เป็นผู้ถูกกระทำ?
ถือว่าใช่ครับ แต่ว่าเมื่อเทียบกับคุณแล้ว เรื่องที่เกิดขึ้นกับผมก็ไม่เท่าไหร่
เฉินอีมองฉินปิงหลันด้วยความรักใคร่ ปิงหลัง ให้โอกาสผมได้ดูแลคุณ ได้ไหมครับ?
หนังตาของฉินปิงหลันสั่นเทาเล็กน้อย
เธอไม่เคยได้ยินคำพูดแบบนี้มาก่อน เพราะตอนที่เธอสาวๆก็เอาแต่ตั้งใจเรียน พอคิดอยากจะมีแฟนก็มาเจอกับเฉินอี ผู้หญิงที่มัวหมองอย่างเธอจะกล้าคุยกับคนอื่นอย่างเปิดเผยได้อย่างไร
เวลานี้เฉินอีกลับมา พูดแบบนี้กับเธอ หัวใจส่วนที่เป็นเด็กสาวของฉินปิงหวั่นไหวแล้ว
ฉัน……
เธออยากจะพูดอะไรบางอย่าง แต่เวลานี้เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น คนที่โทรมาคือแม่ของตนหลินหลัน
……
ฉินปิงหลันเงียบ
เธอไม่รู้ว่าควรจะรับสายนี้ไหม
เฉินอียิ้ม มีอะไรที่ไม่ควรรับสายด้วยครับ พวกเขาทำผิดต่อคุณไม่ใช่คุณทำผิดต่อพวกเขาสักหน่อย
ภายใต้การให้กำลังใจของเขา ฉินปิงหลันรวบรวมความกล้าแล้วรับสาย
แม่……
เพิ่งเปล่งเสียงออกไปหนึ่งพยางค์ ปลายสายก็เริ่มด่ากราดทันที
ยัยสารเลว แกอยู่ไหนกันแน่ห๊ะ ทำไมพวกฉันถึงหาพวกแกไม่เจอ!
ใช่ แกอย่าบอกฉันนะว่าพวกแกอยู่ที่ตึกจิ่งช่าง แกกับไอ้ขยะนั่นจะมีปัญญาซื้อบ้านที่นั่นได้ยังไง!
คือเสียงของน้องชายฉินปิงซิน
ฉินปิงหลันเม้มกัดริมฝีปาก ไม่ได้ปฏิเสธแต่ก็ไม่ได้ยอมรับ ย้อนถาม:โทรมาดึกดื่นแบบนี้หมายความว่าอะไร?
ยังจะหมายความว่าอะไรอีก เมื่อกี้ฉินหวยจือบอกพวกฉัน ตอนนี้คุณชายหลี่เจ๋ออยู่ที่คฤหาสน์หมายเลขแปด แกรีบไปปรนนิบัติรับใช้คุณชายหลี่เจ๋อซะ ไม่อย่างนั้นฉันจะพาแกไปด้วยตนเอง!
คำพูดของหลินหลันอยู่ในความคาดหมายของเฉินอีและฉินปิงหลัน
สุดท้ายก็ยังเป็นเรื่องแย่ๆแค่นี้
เอามาให้ผม
เฉินอียื่นมือออกไป รับโทรศัพท์:ปิงหลันไม่มีทางไปที่นั่น ถ้าพวกคุณอยากได้เงินกับตำแหน่ง ผมให้พวกคุณได้ ไม่จำเป็นต้องบีบปิงหลัน
หลินหลันที่อยู่ปลายสายหยุดชะงักหลายวินาทีอย่างเห็นได้ชัด เธอคิดไม่ถึงว่าจะเปลี่ยนเป็นเฉินอีมาคุยกับตน แต่ไม่ว่าจะเป็นฉินปิงหลันหรือว่าเฉินอี เธอล้วนดูถูก
แกคิดว่าแกบอกพวกฉันว่าอยู่ตึกจิ่งช่างแล้วพวกฉันจะเชื่อเหรอ?
บ้านที่นั่นมีแค่ผู้บริหารระดับสูงของบริษัทเท่านั้นที่จะมีปัญญาซื้อ อันธพาลอย่างแก ไอ้ขยะ ลูกที่แม่ไม่สั่งสอนอย่างแกคู่ควรกับตึกแบบนั้นด้วยเหรอ?
……
สีหน้าของเฉินอีเคร่งขรึม
เหตุเพราะเปิดลำโพง ฉินปิงหลันจึงได้ยินอย่างชัดเจน โดยเฉพาะประโยคสุดท้ายทำให้หน้าของเธอเปลี่ยนสี
ถึงแม้เธอจะยังไม่ได้ยอมรับว่าเฉินอีเป็นสามีของตน
แต่ถึงอย่างไรเขาก็เป็นพ่อของโต๋วโต๋ว โนว่โน่ว
แม่หลินหลันปากร้ายเกินไปแล้ว!