ศึกเดือด มหากาฬ - บทที่ 58 พวกแกมันไอ้สวะ
ทุกคนมีความลับของตัวเอง
เฉินอี ตอนนี้ฉันยอมรับคุณบ้างแล้ว ดังนั้นคุณมีอะไรอยากบอกฉัน ฉันก็ยินดีรับฟังเป็นอย่างมาก แต่ถ้าไม่อยากบอกฉันก็จะไม่บังคับคุณ
แต่คุณจะไม่ทำร้ายโต๋วโต๋วและโนว่โน่วเพราะว่าความลับพวกนั้นใช่ไหม?
ฉินปิงหลันพูดด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม
เฉินอีค่อนข้างตกตะลึง จึงยิ้มอย่างขมขื่นขึ้นมาทันที
ผมมีความลับของตัวเองจริงๆ อีกอย่างยังมากกว่าที่คุณคิดไว้ แต่ผมสาบานว่าจะไม่ปล่อยให้เหตุผลพวกนั้นมาทำร้ายคุณ ภรรยาของผม ยังมีโต๋วโต๋วและโนว่โน่ว ลูกสาวของผม
และสิ่งที่คุณเป็นห่วงนั้นไม่มีอยู่จริง ต่อให้ฟ้าล่มสลาย ผมก็จะแบกรับไว้แทนพวกคุณแม่ลูกเอง
คุณไม่มีทางเป็นอะไร ยิ่งไม่มีคำว่าถ้าเกิดอยู่แล้ว
เฉินอีพูดด้วยความจริงจัง
ฉินปิงหลันตกตะลึงเล็กน้อยไปสักพัก
คุณยังไม่รู้ความยิ่งใหญ่ของตระกูลหลี่ ถ้าพวกเขาดื้อดึงที่จะเอาฉันให้ได้ ตระกูลฉินก็ต้องส่งฉันออกไปแน่นอน
อีกอย่างครั้งนี้พวกเขามีปัญหากับกลุ่มทะเลแดง ผู้มีอำนาจสูงสุดสองกลุ่มในเมืองฉือ ไม่ใช่เป็นกลุ่มที่พวกเราสามารถขัดขวางไว้อยู่
ฉินปิงหลันไม่ใช่เฉินอี เธอเป็นคนเมืองฉือ ดังนั้นอำนาจต่างๆ ในเมืองฉือ เธอย่อมรู้ลึกอยู่แล้ว ยิ่งเข้าใจดีว่าตระกูลหลี่และกลุ่มทะเลแดงนั้นน่ากลัวเพียงใด
โดยเฉพาะหลังจากที่ผู้มีอำนาจสูงสุดทั้งสองฝ่ายมารวมตัวกัน เพียงพอที่จะใช้มือข้างเดียวบังท้องฟ้า
…….
เฉินอีรู้สึกปวดใจมากยิ่งขึ้น จึงดึงฉินปิงหลันเข้ามาในอ้อมกอด
คุณ!
ฉินปิงหลันอยากจะดิ้นให้หลุดออกจากเขา ทว่าคำพูดต่อไปของเฉินอีทำให้ทั้งเรือนร่างของเธออ่อนแรงลง
ปิงหลัน ถึงแม้ผมไม่รู้ว่าตอนนั้นคุณเจอกับความทุกข์ทรมานและไม่ได้รับความเป็นธรรมมากแค่ไหน แต่ผมรู้ว่าคุณคือผู้หยิงที่แข็งแกร่งที่สุดในโลกนี้ ผมเฉินอีขอสาบานว่าจะปกป้องทุกอย่างของคุณจนถึงวันตาย
ไม่ว่าจะอยู่มุมไหนของโลก หรือว่าพระเจ้าองค์ใดจะต่อว่าผม ผมก็จะไม่จากไปไหน นี่เป็นคำสาบานของผม
ฉินปิงหลันตัวสั่นเล็กน้อย และไม่ได้ดิ้นอีก ปล่อยให้เฉินอีกอดเธอไว้
เช้าวันถัดไป เฉินอีตื่นขึ้นมาจากความฝัน
หลายปีมานี้การนอนหลับครั้งนี้ถือว่าเป็นครั้งที่สนิทที่สุดแล้ว
ถึงแม้ที่ผ่านมาเขาจะมีกำลังอันยิ่งใหญ่ แต่ยังคงกังวลฉินปิงหลันวจนทำให้เขานอนไม่ค่อยดี วันนี้ผู้หญิงที่เขาเฝ้าคะนึงถึงแม้กระทั่งตอนกลางคืนอยู่เคียงข้าง เฉินอีก็ถือว่าสบายใจแล้ว
เขาลูบผมสลวยของฝ่ายตรงข้ามเบาๆ จนกว่าเสียงๆหนึ่งส่งเข้าหู ถึงจะลุกขึ้นเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วลงไปชั้นล่าง
เจ้ามังกร ตามคำสั่งของท่าน วังจ่างหลินและเซียวเทียนหู่ ส่งมาคนละสิบห้าคน ทั้งหมดสามสิบคนมาฝึกฝนแล้ว
อืม
เฉินอีพยักหน้าเล็กน้อย แล้วมองคนทั้งสามสิบคนนี้
สายตาของเขาโหดเหี้ยมมาก เพียงมองปราดเดียวก็สามารถมองเส้นสนกลในของคนพวกนี้ออก
อย่างน้อยก็คือพวกที่ฝึกวิชาการต่อสู้ที่เก่งกาจ ยิ่งเป็นพวกผู้ชายที่ร่างกายมีทั้งเลือดและชี่
ลูกน้องของเซียวเทียนหู่โดยส่วนมากก็คือพวกที่เคยฝึกวิชาการต่อสู้มา ลูกน้องของวังช่างหลินเลือกตั้งแต่ทหารผ่านศึกและทหารรับจ้างที่เกษียณแล้ว
ทีมแบบนี้ ถ้าในเมืองฉือก็ถือว่าสุดยอดแล้ว น่าเสียดายที่เปราะบางต่อหน้าตระกูลหลี่ในตอนนี้ โดยเฉพาะต่อหน้าเฉินฝู
ยิ่งไปกว่านั้นเฉินฝูยังเป็นแค่สุนัขรับใช้ตัวหนึ่งของตระกูลเฉิน ถ้าอนาคตอยากจะรับมือของตระกูลเฉิน คงเป็นขบวนการที่รนหาที่ตายอย่างไร้ข้อสงสัย
ถึงแม้เฉินอีจะค่อนข้างดูหมิ่นเฉินฝู แม้กระทั่งตระกูลเฉิน
ทว่าในสถานที่เล็กๆอย่างเมืองฉือ ครอบครัวเฉินมีข้อได้เปรียบอย่างยิ่งในการบดขยี้คนอื่น เมื่อเกิดปัญหาใดๆ เฉินอีคงออกหน้าด้วยตัวเองไม่ได้อยู่แล้ว จะไม่มีทางใช้กำลังคนของสำนักมังกรลับ
จัดรถส่งพวกเขาไปในโรงงาน
ครับ
เฉินอีขึ้นรถและมุ่งหน้าไปยังโรงงานร้างที่มังกรเขียวซื้อมาเมื่อวานนี้
ไม่นานพวกเขาก็นั่งลงบนที่ของแต่ละคน
ทว่าเฉินอีเดินเข้ามาปุ๊บ ก็มองพวกเขาด้วยสายตาเย็นชา
ลุกขึ้นให้หมด!
……
ทุกคนตะลึงงัน
นี่คือใครกันแน่?
กลับกล้าพูดแบบนี้กับพวกเขาเหรอ?
อีกอย่างยังทำท่าทางดูหมิ่นเหมือนตนเองมากันสิบคน ทำให้พวกเขารู้สึกไม่พอใจที่สุด
ไอ้น้อง ฉันไม่รู้ว่าแกคือใคร ถึงแม้หัวหน้าเซียวบอกพวกเราแล้วว่าให้เชื่อฟังนาย แต่นายก็ต้องแสดงอะไรให้ดูหน่อย ไม่งั้นนายไม่มีสิทธิ์ออกคำสั่งพวกเรา!
คนที่พูดคือกลุ่มเสือฟ้า
พวกเขาที่เป็นปรมาจารย์ในวงการใต้ดิน แต่ละคนก็รับมือยากอยู่แล้ว และมีเพียงกำลังของเซียวเทียนหู่เท่านั้นที่ถึงจะยอมทำตาม
ไม่ใช่สิ ยังรวมไปถึงผู้หญิงที่ชื่อหงส์แดงด้วย
พอนึกถึงหงส์แดง พวกเขาก็รู้สึกคิดถึงมาก หากผู้หญิงที่ทั้งดูดีและสวยมาฝึกฝนโดยเฉพาะ พวกเขาจะไม่บ่นอะไรแน่นอน
แต่ไอ้หมอนี่มันตัวอะไรกัน?
มังกรที่อยู่ด้านข้างขมวดคิ้วเล็กน้อย แล้วกำลังจะสบถหยาบสองสามคำ กลับถูกเฉินอีรั้งไว้
ฉันถือว่าเป็นตัวอะไรงั้นเหรอ?
เหอะๆ ฉันเฉินอีทำอะไร ต้องได้รับการยอมรับจากพวกนายด้วยเหรอ?
เฉินอียกมุมปากด้วยความดูถูก
ครั้งนี้ คนทั้งหมดก็ยิ่งเดือดพล่านขึ้น
ต่อให้พวกที่เป็นลูกน้องวังช่างหลินที่นิ่งเฉยมาตลอด ก็ยังทนไม่ได้กับการข่มเหงของเฉินอี
คุณเฉิน ฉันรู้ว่าคุณมีความสามารถอยู่บ้าง ทว่าแค่ร่ำรวยเท่านั้น มากสุดก็ทำให้พวกเราทำงานให้คุณ และถือว่าเอาเงินของคุณมาทำงานให้คุณ แต่ต่อให้เป็นแบบนี้ ก็ช่วยเคารพพวกเราด้วย
ปรมาจารย์คนหนึ่งของวังซื่อกรุ๊ปพูดด้วยเสียงเรียบ
คนอื่นๆก็พยักหน้าเห็นด้วย
กลุ่มเสือฟ้าที่หัวดื้อคนหนึ่งก็หัวเราะเย้ยหยัน เงินหรือไม่มีเงินฉันก็ไม่สนใจอยู่แล้ว ฝึกฝนพวกเราน่ะได้ แต่ต้องมีความสามารถหน่อย คุณเอาไอ้หน้าขาวมาฝึกฝนพวกเรา? ตลกแล้ว!
ว่าไปแล้วไอ้หน้าขาว แกรู้จักท่านหงส์แดงไหม เธอถึงจะเป็นคนของฉันนับถือ ถ้าเธอมา ฉันจะไม่พูดแม้แต่คำเดียว!
อ้อ? หงส์แดงเหรอ
เฉินอียกมุมปากขึ้นเล็กน้อย บังเอิญจัง เธอคือคนที่ฉันสอนออกมาเอง เป็นยังไงบ้างล่ะ?
เจ้าหัวดื้อ …….
ทันใดนั้นเขาก็โมโหอย่างมาก เดินหน้าแล้วอยากจะสู้กับเฉินอีสักตั้ง ทว่ายังไม่ทันได้เข้าใกล้ก็สัมผัสได้ถึงความอาฆาตที่กำลังถาโถมเข้ามาหาตนเอง
มังกรเขียวเอง!
กล้าไม่เคารพเจ้ามังกร ลงโทษตามกฎหมาย!
ความอาฆาตของมังกรเขียว ไม่ได้เสแสร้งแกล้งทำจริงๆ
ไอ้หัวดื้อกลุ่มเสือฟ้าตกใจจนเหงื่อเย็นท่วมตัวทันที
เพียงการสังหารที่แผ่ซ่านออกมาก็ขัดขวางตนเองไว้ได้ ความสามารถนี้แข็งแกร่งกว่าหงส์แดงสักอีก เป็นไปได้ไหมว่าสิ่งนี้อาจเป็นขุมพลังที่แท้จริงก็ได้
แต่สิ่งที่ทำให้เขางุนงงที่สุดคือทำไมชายฉกรรจ์ที่มีอำนาจครอบงำแบบนี้ถึงเคารพไอ้หน้าขาวขนาดนั้น?
มังกรเขียว เอาความเย่อหยิ่งของแกคืนกลับไป
เฉินอีไม่แม้แต่จะหันกลับมามองเพียงแวบเดียว และออกคำสั่งโดยตรง มังกรเขียวจึงระงับความอาฆาตกลับไป
จากนั้นเฉินอีมองไปที่ไอ้หัวดื้ออีกครั้ง ยิ้มและถามว่า นายชื่ออะไร?
ฉันชื่อ……
เพี๊ยะ!
วินาทีต่อไป ไอ้หัวดื้อกลุ่มเสือฟ้าก็ล้มลงบนพื้นด้วยฝ่ามือเดียว
ทุกคน …….
แม้แต่สัมผัสที่หกที่เป็นพื้นฐานที่สุดยังไม่มีเลย แบบนายยังถือว่าเป็นปรมาจารย์ หรือว่าเป็นไอ้หัวดื้อ?
เฉินอียิ้มจางๆ ยิ่งอยู่ยิ่งดูถูกมากขึ้น
นั่นไม่นับ นายขี้โกง!
ไอ้หัวดื้อกัดฟันกรอดแล้วตะคอกอย่างโมโห ใบหน้ายังคงเดือดพล่าน
ทว่าเฉินอีกลับส่ายหัวเล็กน้อย
ไอ้สวะ