ศึกเดือด มหากาฬ - บทที่ 7 ตัดขาอีกข้าง
เฉินอีมองหลินเจิ้นหู่อย่างแน่นิ่ง แววตาไม่มีความตื่นตระหนกใดๆ ทั้งสิ้น
หลินเจิ้นหู่ที่ปืนไฟอยู่ในมือมีความมั่นใจอย่างมาก เมื่อตกอยู่ในการจ้องมองของเฉินอี มือของเขาก็เริ่มสั่นเทาเล็กน้อย โดยภายในใจของเขามีเสียงกำลังเรียกร้องเตือนเขาว่าอย่าได้เหนี่ยวไกปืนเด็ดขาด ไม่อย่างนั้นคนที่จะตายต้องเป็นเขาแน่นอน
เสียงโหยหวนของหลินเทียนเชิงดังขึ้น มือของหลินเจิ้นหู่ก็สั่นเทาทันทีจนปืนไฟเกือบจะตกลงไปกับพื้น
คราวนี้หลินเจิ้นหู่ถึงค่อยได้เห็นว่าขาขวาของหลินเทียนเชิงถูกตัดออกมาแล้ว หัวหน้าองครักษ์เสือเดินถือขาท่อนนั้นไปโยนให้ตรงหน้าของสุนัขทิเบตันที่หลบอยู่ในมุมกำแพง
ไอ้สวะกล้าเอาปืนมาเล่นต่อหน้าเจ้ามังกร?นี่ช่างเป็นอะไรที่ตลกสิ้นดี!
แก…… หลินเจิ้นหู่มองไปยังหัวหน้าองครักษ์เสืออย่างอึ้งตะลึง ก่อนจะหันไปมองเฉินอีที่ยังดูสงบนิ่งด้วยความไม่อยากจะเชื่อ
หลินเจิ้นหู่แม้จะฝันก็ไม่กล้าคิดว่าคนพวกนั้นจะไม่สนใจความปลอดภัยของเจ้ามังกร แล้วตัดขาขวาของหลินเทียนเชิงแทน
ตอนนี้หลินเทียนเชิงเหลือเพียงขาข้างเดียวแล้ว ถ้าพี่ใหญ่กลับมาเห็นเข้าจะต้องอาละวาดแน่
บังอาจมาแตะต้องคนตระกูลหลินของเรา ฉันจะฆ่าทิ้งซะ! หลินเจิ้นหู่ร้องคำรามพลางจะยกปืนไฟขึ้นมาอีกครั้ง
แต่ตอนนั้นเองที่เขาเพิ่งจะรู้ตัวว่ามือที่จับปืนนั้นของตัวเอง ……
มันขาดไปแล้ว!
พร้อมกับองครักษ์มังกรกระโจนเข้ามากดเขาเอาไว้
หลินเจิ้นหู่ที่ถูกองครักษ์มังกรกดให้คุกเข่าลงไปกับพื้นพยายามสะกดความเจ็บปวดที่แผ่ซ่านไปทั่วแขน
เรียกคนต่อเถอะ เฉินอีพูดอย่างเฉยเมย
แกคิดจะสร้างความบาดหมางให้กับทั้งสองฝ่ายจริงๆ งั้นหรอ? หลินเจิ้นหู่รู้สึกเจ็บปวดจนเหงื่อไหลท่วม ศัตรูยากเกินที่จะหยั่งรู้ ต่อให้จะสามารถจัดการพวกเขาจนสิ้นซากแล้ว แต่ตระกูลหลินก็ยังต้องมีความแคลงใจอยู่แน่นอน
ทันทีที่ได้ยินคำพูดของหลินเจิ้นหู่ องครักษ์มังกรและองครักษ์เสือต่างตวาดสายตามองไปยังเขาราวกับกำลังมองคนโง่ สร้างความบาดหมางให้กับทั้งสองฝ่าย ?นี่คิดว่าตระกูลหลินของเขาคู่ควรงั้น?
เมื่อได้รู้สึกถึงสายตาดูถูกจากทุกคน ในใจของหลินเจิ้งหู่ก็ยิ่งเกิดความวิตกกังวลมากขึ้น
แต่พอนึกได้ว่าเขาเองก็เป็นถึงบุคคลสำคัญอันดับสองของตระกูลหลิน เพียงไม่นาน เขาก็สามารถสะกดความกังวลในใจลงไป
ฉันรู้ว่าพวกแกจะต้องเป็นหนึ่งในองค์กรลับของหน่วยทหาร ฉันจะบอกความจริงอย่างหนึ่งในแล้วกันว่า หลินเจิ้นเป้ารองผู้บัญชาการหน่วยทหารของเขตตะวันตกเฉียงใต้ ก็คือน้องสามของฉันเอง ฉะนั้นก่อนที่จะทำอะไร แคงต้องพิจารณาฐานะของตัวเองสักหน่อย
เอาอย่างนี้แล้วกัน ตอนนี้พวกแกปล่อยหลานชายของฉันออกมา เรื่องของพี่ใหญ่กับน้องสามเดี๋ยวฉันจะเป็นคนไปพูดแทนพวกแกเอง เพื่อแก้ไขความเข้าใจผิดครั้งนี้ และถ้าเกิดเป็นไปได้ แกกับตระกูลหลินของพวกเราก็ทำสัญญาสร้างพันธมิตร คิดว่าอย่างไรบ้าง ?
จุดประสงค์ของเขานั้นง่ายดายมาก เขาใช้ไม้นวมและไม้แข็งในการพูดเพราะอยากจะช่วยหลินเทียนเชิงออกมาให้ได้ก่อน ไม่อย่างนั้นหลินเทียนเชิงอาจต้องตายจากอาการเสียเลือดเยอะแน่
ส่วนเรื่องที่จะจัดการกับหน่วยทหารอย่างไร คงต้องค่อยไปปรึกษากับพี่ใหญ่กับน้องสามอีกที
ความคิดนี้ของเขามีหรือที่จะรอดพ้นจากสายตาของเฉินอีได้
น่ารำคาญ! เฉินอีสบถสามคำนี้ออกมาอย่างไม่พอใจพร้อมเอื้อมมือไปหักคอของหลินเจิ้นหู่
ดวงตาทั้งสองของหลินเจิ้นหู่เบิกกว้างตายลงไปทั้งที่ตาไม่หลับ
เมื่อได้เห็นคุณอารองตายไปต่อหน้าต่อตา หลินเทียนเชิงกลับไม่ได้กรีดร้องออกมา ทว่านอนลงไปในกรงสุนัขอย่างขวัญหายแทน
เขาหมดหวังแล้ว ความเจ็บอันมหาศาลบนร่างกายบวกกับวิญญาณที่ถูกโจมตีทำให้ร่างกายของเขาตอนนี้อ่อนแรงและชาไปหมดแล้ว
เฉินอีหยิบโทรศัพท์มือถือของหลินเจิ้นหู่ออกมา แล้วโทรไปหาหลินเจิ้นหลงอีกครั้ง ก่อนจะวางลงไปข้างหูของหลินเทียนเชิง เรียกคนมาอีก!
หลังจากที่หลินเทียนเชิงได้ยิน แววตาของเขาก็จ้องมองเฉินอีอย่างงุนงง
ตระกูลหลินยังสามารถที่จะมาช่วยเขาออกไปได้อีกหรอ?เขายังมีโอกาสที่จะแก้แค้นงั้นหรอ?
จริงสิ มันต้องมีอยู่แล้ว ต่อให้ตัวเองตายไป ยังไงก็จะต้องให้พ่อฆ่าไอ้ปีศาจที่อยู่ตรงหน้านี้ให้ได้ ให้เขาตายลงไปตรงหน้าของตัวเอง
เมื่อคิดได้อย่างนี้ สยตาที่หมดหนทางของหลินเทียนเชิงก็ประกายอีกครั้ง
ซึ่งนี่ก็คือความต้องการของเฉินอีเหมือนกัน
หลินเจิ้นหลงที่กำลังเร่งให้คนขับรถรีบขับให้เร็วที่สุด หันมาเห็นสายเรียกเข้าจากหลินเจิ้นหู่ แววตาก็เป็นประกายอีกครั้ง เจิ้นหู เทียนเซิงเป็นยังไงบ้าง ?
แต่เพียงไม่นาน เสียงอันอ่อนแรงของหลินเทียนเชิงก็ดังแทรกเข้ามา พ่อ คุณอารองตายแล้ว พวกเขามันคือปีศาจ คุณอารองพาคนมานับร้อย ล้วนถูกฆ่าตายหมดแล้ว
พ่อ ขาผมถูกตัดไปอีกข้างแล้ว ผมคงมีชีวิตต่อไม่ได้แล้ว แต่ก่อนที่ผมจะตาย ผมจะต้องได้เห็นพวกหน่วยทหารปีศาจนี้ไม่ได้ตายดี
หลังจากที่หลินเจิ้นหลงได้ยินอย่างนั้น หัวของเขาถึงกับวูบ ร่างกายเอนลงไปกับเบาะนั่ง จนเกือบจะสลบลงไป
ในตอนที่เขากำลังจะพูดอะไรบางอย่าง กลับพบว่าสายโทรศัพท์ได้ถูกตัดไปอีกครั้งแล้ว
อ๊า……ฉันจะฆ่าพวกแกทุกคนให้หมด ฆ่าพวกแกเก้าชั่วโคตร หลินเจิ้นหลงคำรามออกมาเสียงดัง หน่วยทหาร ต่อให้จะเป็นเทพเจ้า แต่กล้ามาแตะต้องลูกชายของฉันยังไงก็ต้องตาย
ดวงตาของหลินเจิ้นหลงแดงก่ำ อายสังหารกระจายไปทั่ว
กล้ามาหาเรื่องตระกูลหลิน อย่างนั้นก็สมควรตาย
หลินเจิ้นหลงโทรศัพท์ออกไป น้องสาม หลานของแกถูกตัดตอนจนเป็นคนพิการไปแล้ว ส่วนพี่รองของแกถูกฆ่าตายแล้ว……ล้วนเป็นคนจากหน่วยทหารของแก ……น้องสาม ตระกูลหลินของเราไม่น่ารังแก !
อะไรนะ?อย่าเพิ่งเคลื่อนไหว?…………ฉันเข้าใจแล้ว
เมื่อพูดจบ หลินเจิ้นหลงก็วางสายลงพร้อมสีหน้าที่เปลี่ยนเป็นแปลกใจขึ้นมา อย่าเพิ่งเคลื่อนไหว?ฉันอยากจะเห็นว่าถ้าฉันทำการเคลื่อนไหวแล้วจะเกิดอะไรขึ้น ?
ถ่ายทอดคำสั่งลงไป รวมตัวสมาชิกของตระกูลหลินทั้งหมด ผู้อาวุโสใหญ่ทั้งห้าที่ถูกขังเอาไว้ปล่อยออกมาให้หมด
เอาปืนไฟทั้งหมดที่อยู่ในหีบขนออกมาให้หมด
ครั้งนี้ ฉันจะเอาเลือดหัวของพวกเขา เพื่อแก้แค้นให้กับน้องรองและลูกของฉัน ให้คนทั้งเมืองชิงชวนได้รู้ว่าคนที่กล้ามาหาเรื่องตระกูลหลินของเราจะมีจุดจบอย่างไร ?
หลังจากที่คำสั่งออกไป คนตระกูลหลินที่ได้ยินก็เริ่มทำการเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วแล้วพากันมุ่งหน้าไปรวมตัวกันที่คฤหาสน์เก่า
และในตอนนั้นเองทั่วทั้งเมืองฉือได้เกิดความหวาดระแวงขึ้น ทุกคนต่างตกอยู่ในอันตรายเพราะกลัวว่าจะไปทำเรื่องอะไรที่ได้กระตุกหนวดเสือโคร่งกินคนอย่างตระกูลหลินเข้าแล้ว
ในขณะเดียวกัน ในลานเล็กของเขตพิเศษหนึ่งในเมืองฉือ ฉินปิงหลันนั่งมองดูโตว๋โตว๋ที่กำลังนอนอยู่บนเตียงด้วยสายตาที่ซับซ้อน พร้อมจับมือของโนว่โนว่ที่มีสีหน้าไร้ความรู้สึกเอาไว้แน่น ไม่รู้ว่าตัวเองควรจะทำอะไรต่อดี ?
ผู้ชายคนนั้นที่ทำลายชีวิตของเธอได้ปรากฏตัวอีกครั้งแล้ว
เธอเกลียด เกลียดจนเข้ากระดูกดำ โกรธจนแทบอยากจะสูบเลือดสูบเนื้อของเขา
แต่เมื่อได้เห็นลูกสาวที่ว่านอนสอนง่ายสองคนนี้แล้ว เธอก็เกิดความสับสนขึ้นมา
นี่จะไม่ให้ลูกทั้งสองยอมรับผู้เป็นพ่อ เพียงเพราะความเกลียดของตัวเองงั้นหรอ ?
ลูกสาวถึงแม้จะไม่ค่อยได้พูดถึงพ่อ แต่ฉินปิงหลันรู้ดีว่าพวกเธอไม่มีเวลาไหนเลยที่จะไม่คิดถึงพ่อ โดยเฉพาะโตว๋โตว๋ที่แม้แต่ในก็ยังเรียกร้องหาผู้เป็นพ่อ และอยากจะมีพ่อที่รักและเอ็นดูเธอ พ่อที่สามารถปกป้องเธอ
จริงอยู่ที่ครั้งนี้เขาเหมือนกับตกลงมาจากฟ้ามาช่วยเหลือเธอและลูกๆ แต่สิ่งมากพอที่จะชดเชยความผิดบาปของเขาได้แล้วหรอ ?
ฉินปิงหลันรู้สึกว่าตอนนี้หัวของตัวเองกำลังจะระเบิดออกมาแล้ว จนต้องถอนหายใจออกมาอย่างเลี่ยงไม่ได้
นายหญิง ตอนนี้ร่างกายของท่านค่อนข้างอ่อนแอ โปรดดื่มซุปโสมนี้ด้วยค่ะ มังกรแปดรินซุปโสมส่งให้ฉินปิงหลันด้วยความเคารพอีกครั้ง
ฉินปิงหลันขมวดคิ้วเล็กน้อย พลางสะบัดมือด้วยความรำคาญใจ ฉันบอกแล้วว่าฉันไม่ใช่นายหญิงของพวกคุณ ฉันกับผู้ชายคนนั้นไม่ได้ความเกี่ยวข้องกันเลยสักนิด !ฉันไม่ต้องการความสงสารอะไรจากพวกคุณทั้งสิ้น!
นับตั้งแต่ที่มังกรหนึ่งส่งฉินปิงหลันมาถึงที่นี่ ฉินปิงหลันก็ทำตัวเย็นชามาโดยตลอด โดยที่ไม่ได้สนใจใครเลย แม้แต่มังกรแปดที่อยากจะจับชีพจรเพื่อตรวจร่างกายให้เธอ ฉินปิงหลันก็ไม่ยินยอม
ส่วนชื่อนายหญิงนี้ ก็ยิ่งขัดใจเธออย่างมาก
นายหญิง หลายปีมานี้เจ้ามังกรเอาแต่ตามหาตัวท่านมาโดยตลอด เขาไม่ได้จงใจที่จะไม่สนใจพวกท่านเลย นายหญิงได้โปรดเชื่อเจ้ามังกรด้วยเถอะค่ะ มังกรแปดและคนอื่นๆ พากันชันเข่าข้างหนึ่งลงแล้วพูดด้วยความจริงใจ
ฉันบอกแล้วว่าฉันไม่ใช่นายหญิงอะไรทั้งสิ้น ฉันจะพาลูกๆ ออกไปจากที่นี่ ฉินปิงหลันพูดอย่างเย็นชาพลางโน้มลงไปอุ้มโตว๋โตว๋ที่นอนอยู่บนเตียง